สวัสดีครับ ผมคือ "เภสัชกรหมอนวดสุพงศ์ กิตติเวช"
เป็นเภสัชกรใน "การแพทย์แผนปัจจุบัน" และเป็นหมอนวดใน "การแพทย์ของการรักษาทางโปรแกรม"
ซึ่งการแพทย์ทั้งสองเป็นแนวความคิดของความเข้าใจต่อระบบชีวิตร่างกายที่แตกต่าง ทำให้เกิดการศึกษาทำความเข้าใจต่อปัญหา วิธีการตรวจวินิจฉัย และวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน
อันเป็นเหตุของ "การรักษาที่ไม่ได้ผลเกิดความเจ็บป่วยเรื้อรังเพราะรักษาไม่ตรงประเด็น และเกิดอันตรายจากการรักษาได้"
เนื่องจากทุกวันนี้ คนเกือบทั้งโลกถูกสอนให้เชื่อใน "การแพทย์แผนปัจจุบัน" ที่เป็นการแพทย์ของการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โดยมีวิธีการรักษาด้วยการใช้เทคโนโลยียา การผ่าตัด และการทำกายภาพบำบัด
เหตุผลที่คนเราเชื่อเช่นนั้นเพราะเป็นแนวความคิดทางสามัญสำนึก ( Common Sense ) ของความเข้าใจ
"ชีวิตร่างกายของคนเราแบบเครื่องจักรกลทางชีวเคมี ( Conventional Machine )"
"ความเจ็บป่วย" เปรียบเหมือนเครื่องจักรเช่น "โทรทัศน์" มีอะไรเสียที่การตรวจซ่อมจะกระทำโดยตรงต่อวงจรกระแสไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อีเล็คทรอนิค
ดังจะเห็นว่าหลักการของ "การแพทย์แผนปัจจุบัน" จะตรวจหาสิ่งผิดปกติทางกายภาพและชีวเคมีของร่างกาย
แล้วจะใช้เทคโนโลยียาที่คิดขึ้นเข้าไปจัดการแก้ปัญหาทางชีวเคมีในร่างกายโดยตรงเสียเอง
ผ่าตัดเข้าไปจัดการแก้ปัญหาทางกายภาพภายในโดยตรงเสียเอง
และทำกายภาพบำบัดจัดการแก้ปัญหาทางกายภาพภายนอกโดยตรงเสียเอง
แม้ความจริงที่ปรากฏในการรักษาด้วยยา
อาจไม่ใช่การรักษาให้หาย เพียงแต่ไประงับอาการบางอย่างที่จะต้องกินยาไปตลอด
อาจมีอันตรายจากการแพ้ยา พิษและผลข้างเคียงของยาที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆเป็นอันตรายต่ออวัยวะเช่น
กระเพาะอาหาร ตับ ไต ลำไส้ หัวใจ สมอง เส้นประสาท หลอดเลือด เม็ดเลือด กระดูก ข้อ และต่อมต่างๆ เป็นต้น
และอันตรายของยาอาจจะเกิดขึ้นในขณะใช้ยาหรือในอนาคตที่ไม่อาจทราบได้
การผ่าตัดที่จำเป็นต้องทำร้ายร่างกายส่วนหนึ่งให้เสียหายเพื่อจะไปแก้ปัญหาอีกส่วนหนึ่ง
และผลของการแก้ปัญหาอย่างหนึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาอีกอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างตามมา
นอกจากจะอันตรายจากการผ่าตัดและการติดเชื้อโรคแล้วยังมีอันตรายจากการวางยาสลบและยาอื่นๆก่อนระหว่างและหลังการผ่าตัดอีก
แล้วยังต้องเสียเวลาในการฟื้นฟูสภาพร่างกายด้วย
และการทำกายภาพบำบัดผู้ป่วยที่มีอาการขัดอยู่เป็นการฝืนขัดขืนการล็อคของระบบรักษาความปลอดภัยของร่างกายที่จะเกิดอาการเจ็บปวดมากขึ้น
จากการที่ผมได้ศึกษาการแพทย์แผนโบราณและการแพทย์ทางเลือกหลายศาสตร์ที่มีวิธีรักษาของการนวด ฝังเข็ม กดจุด ยืดดัดดึง และอื่นๆ
พบว่าเป็นแนวความคิดของความเข้าใจชีวิตร่างกายของคนเราที่แตกต่างจากการแพทย์แผนปัจจุบัน
โดยการรักษาเป็นการใช้กลไกของระบบภายในร่างกายของตัวเราเอง
เปรียบเหมือนการแก้ปัญหาทางโปรแกรมของคอมพิวเตอร์ที่ใช้แต่ปัญญาและนิ้วมือของช่างเท่านั้น
เพราะระบบของการแก้ปัญหามันมีอยู่ในตัวเครื่องอยู่แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม การแพทย์เหล่านี้ต่างมีความเข้าใจต่อระบบภายในร่างกายของคนเราที่แตกต่างกัน
จึงมีหลักการในการรักษาที่แตกต่างกันด้วย
ผมก็พยายามวิเคราะห์พิจารณาเหตุผลต่างๆของการแพทย์ทั้งหลาย
จนในที่สุดได้คำตอบที่ลงตัวของหลักการแพทย์ใหม่เรียกว่า "การแพทย์ของการรักษาทางโปรแกรม"
ภายใต้ความรู้ทางกายวิภาคและสรีระร่างกายอย่างการแพทย์แผนปัจจุบัน ( Anatomy and Physiology )
แต่มีเหตุผลของความเข้าใจในปัญหาและวิธีการรักษาที่แตกต่างจาก "การแพทย์แผนปัจจุบัน" อธิบายได้ดังนี้
"การแพทย์ของการรักษาทางโปรแกรม" เป็นหลักการแพทย์บนความเข้าใจ
"ชีวิตร่างกายของคนเราแบบเครื่องจักรกลทางชีวเคมีที่มีระบบโปรแกรมควบคุมการทำงาน ( Computerized Machine )"
โดยมีสมองเป็นศูนย์การประมวลผลของระบบโปรแกรมควบคุมการทำงาน
มีกล้ามเนื้อเป็นตัวทำงานของอวัยวะต่างๆ
ทำให้เกิดการศึกษา ความเข้าใจในปัญหา การตรวจวินิจฉัย และวิธีการรักษา
อย่างการแก้ปัญหาทางโปรแกรมของคอมพิวเตอร์ที่มีระบบโปรแกรมควบคุมการทำงาน
มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ตรวจสอบว่างานนั้นจะทำได้หรือไม่ได้อย่างไร
มีการเปิด "หน้าต่างคำเตือน" ทำให้ไม่สามารถทำงานต่อไปได้
เมื่อ "ผู้ใช้คอมพิวเตอร์" ทำผิดลักษณะที่ดีของโปรแกรมการทำงานที่กำกับ ระบบจะบอกว่าทำผิดอะไร ควรทำอย่างไร
และมีสวิทช์ไอคอน OK มาให้กดเพื่อปิดหน้าต่างคำเตือนนั้น เมื่อกดปิดหน้าต่างคำเตือน จึงจะสามารถทำงานต่อไปได้
มีโปรแกรมข้อยกเว้น ( Exception Program ) ที่ยอมให้การทำงานที่ไม่ดีแต่ไม่รุนแรงผ่านไปได้ก่อน
โดยเก็บปัญหานั้นสะสมไว้เพื่อให้แก้ไขในภายหลัง
ที่สำคัญ การแก้ปัญหาทางโปรแกรมจะใช้ "ช่องทางติดต่อทางโปรแกรม" ของคีย์บอร์ดหรือเม้าส์
ไม่ได้เข้าไปแก้โดยตรงทางวงจรกระแสไฟฟ้าหรืออีเล็คทรอนิค
ชีวิตร่างกายของคนเรามี "ช่องทางติดต่อทางโปรแกรม" ของระบบประสาทของภาพทางตา เสียงทางหู
กลิ่นทางจมูก รสทางลิ้น สัมผัสทางกาย และอารมณ์ทางจิต
จึงเป็นเหตุผลที่ Supong Massage ใช้ "นวดกดจุด"
มีตำแหน่งเฉพาะเจาะจงต่อช่องทางติดต่อทางโปรแกรมของระบบประสาททางสัมผัสทางกาย
Supong Massage นวดรักษาอะไร
1. อาการปวดล้าคอเรื้อรัง ผู้ที่ทำงานจดจ้องอยู่กับจอคอมพิวเตอร์ มักจะมีอาการปวดล้าก้านคอจนไม่สามารถใช้สายตามองจอคอมพิวเตอร์ได้
บีบนวดเองก็หายเพียงชั่วครู่ ขยับคอจะมีเสียงดังกรอบแกรบ เป็นมากอาจมีอาการมึนตึงศีรษะหรือปวดศีรษะ ปวดขมับ ปวดหัวคิ้ว
2. อาการปวดหรืออาการชาของมือและนิ้ว อาการกำมือลำบาก ผู้ที่ทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์จะมีปัญหาของการเกร็งกล้ามเนื้อในการจับเม้าส์
และการพิมพ์ แม้อาการจะเกิดที่มือและนิ้ว แต่การนวดที่มือและนิ้วไม่ได้ทำให้อาการหายไปได้
3. อาการปวดแขนเรื้อรัง อาจจะปวดบริเวณต้นแขนจากไหล่ถึงข้อศอกหรือปลายแขนจากข้อศอกถึงข้อมือ
มักปวดตอนนอนกลางคืนทำให้นอนไม่หลับ เป็นอาการปวดตลอดเวลาไม่เกี่ยวกับการขยับแขน
4. อาการปวดข้อศอกด้านในเรื้อรัง ไม่ใช่การบาดเจ็บหรือการอักเสบ ( Epicondylitis ) กินยาแก้อักเสบ ( Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drug ) ไม่หาย
5. อาการปวดข้อศอกด้านนอกเรื้อรัง ไม่ใช่การบาดเจ็บหรือการอักเสบ ( Epicondylitis ) กินยาแก้อักเสบ ( Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drug ) ไม่หาย
6. อาการปวดหลังเรื้อรัง กินยาแก้อักเสบ ( Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drug ) ไม่หาย บริเวณที่ปวดอาจเป็นบริเวณเหนือก้นกบ
บริเวณเอว บริเวณใต้สะบัก บริเวณสะบักส่วนล่าง หรือเป็นแนวของกระดูกสันหลังจากก้นกบถึงคอ
7. อาการปวดขาด้านนอก อาจจะปวดบริเวณสะโพก ต้นขาด้านนอกหรือด้านหลัง บริเวณหน้าแข้ง บริเวณน่องใกล้ข้อพับเข่า บริเวณใต้ข้อเท้า
8. อาการปวดบริเวณเข่าที่ไม่มีอาการขัดเข่า อาจจะปวดด้านบน ด้านข้าง ด้านล่างของหัวเข่า
9. อาการปวดเข่าขัด แม้ว่าจะมีเสียงดังของข้อขัด แต่ไม่ใช่ปัญหาของข้อเข่าเสื่อมหรือข้อเข่าอักเสบ
กินยาแก้อักเสบ ( Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drug ) ไม่หาย
10. อาการนั่งสมาธิเอาเข่าลงระนาบกับพื้นไม่ได้