๕.
ออกเผยแพร่ธรรมร่วมกับหลวงพ่อเทียน
หลังจากออกบวชอยู่ปฏิบัติกับหลวงพ่อเทียนได้
๗ ปี จนหมดความลังเลสงสัยการปฏิบัติในแนวทางนี้แล้ว ในปี ๒๕๑๘ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุได้พบกับเจ้าคระจังหวัดเลยและปรารภว่าต้องการให้พระกรรมฐานมาสอนที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์
อ. ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี .
หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดเลย
(สีหนาทภิกขุ) จึงแนะนำให้หลวงพ่อเทียนไปช่วยสอน
ท่านได้ติดตามหลวงพ่อเทียนมาจำพรรษาที่วัดชลประทานฯ
นับเป็นครั้งแรกที่ท่านได้ลงมาจำพรรษาและร่วมเผยแผ่ธรรมในภาคกลาง.
ในขณะนั้นพระอาจารย์โกวิท
เขมานันโท ซึ่งเป็นพระที่บวชอยู่สวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
หลายปี ท่านมีภูมิรู้ทางธรรมแตกฉานในพระไตรปิฎก
สามารถบรรยายธรรมได้อย่างลึกซึ้งไพเราะ เป็นที่สนใจของนักศึกษา ครู อาจารย์
และปัญญาชนทั่วไป
ท่านมาจำพรรษาที่สัดชลประทานฯด้วยและเป็นผู้สอนกรรมฐานแบบอานาปานสติ
ตามแนวทางของสวนโมกข์.
เมื่อหลวงพ่อเทียนกับท่าน
มาอยู่ที่วัดชลประทานฯใหม่ๆนั้น ไม่เป็นที่รู้จัก
คนจะรู้จักพระอาจารย์โกวิทเป็นอย่างดี
เนื่องจากเป็นพระมีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมและมีบุคลิกน่าเลื่อมใสศรัทธา
ส่วนหลวงพ่อเทียนเป็นพระหลวงตาแก่ๆมาจากบ้านนอก พูดภาษากลางก็ไม่ค่อยชัด
จึงไม่มีใครให้ความสนใจ มาอยู่ ๑ อาทิตย์แล้ว ยังไม่ได้พูดแนะนำสั่งสอนใครเลย
พระเณรทั้งหมดไปปฏิบัติแบบอานาปานสติอยู่กับพระอาจารย์โกวิท.
หลวงพ่อเทียนกับท่านจึงได้ชวนลูกศิษย์ของพระอาจารย์โกวิทมาแอบสอนกันลับๆ
จนเวลาผ่านไป ๑ เดือน พระบางรูปก็เข้าใจเรื่องรูปนาม
เมื่อเข้าใจแล้วก็ไปชวนพระรูปอื่นๆมาเพิ่มขึ้นอีก
จนกระทั่งพระอาจารย์โกวิทแปลกใจว่าทำไมลุกศิษย์ได้หายไปเรื่อยๆจึงถามพระ
พระก็เล่าให้ฟัง พระอาจารย์โกวิทจึงได้สนใจหลวงพ่อเทียนและมาพบหลวงพ่อเทียน
หลังจากสนทนาธรรมกันแล้ว พระอาจารย์โกวิทเกิดศรัทธาเลื่อมใส
ยินยอมให้หลวงพ่อเทียนสอนลูกศิษย์ทั้งหมด รวมทั้งตัวท่านเองด้วย.
นับแต่นั้นมา
คำสอนตามแนวของหลวงพ่อเทียนได้แผ่ขยายออกสู่คนรุ่นใหม่
โดยพระอาจารย์โกวิทเป็นกำลังสำคัญ
ในช่วงนั้นท่านได้มีโอกาสพูดแนะนำและสอนการปฏิบัติเคียงข้างกับหลวงพ่อเทียนอย่างเต็มความสามารถ
จนกระทั่งมีทั้งพระและฆราวาสเกิดความสนใจในการปฏิบัติมากขึ้นเรื่อยๆ.
ต่อมาเห็นว่าที่นั้นไม่เหมาะสมอีกต่อไป
ยาติโยมจึงชวนหลวงพ่อเทียนมาหาที่แห่งใหม่ ในครั้งแรกคุณวิโรจน์ ศิริอัฐ
ได้นำหลวงพ่อเทียนมาดูวัดสนามใน ซึ่งเป็นวัดร้างอยู่ ขณะนั้นมีร่องรอยของโบสถ์
เจดีย์เก่า วากอิฐกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นดิน พอให้เห็นร่องรอยว่าเคยเป็นวัดมาก่อน
บางครั้งพระธุดงค์มาแวะพักแรมบ้างแล้วผ่านไป
มีที่ดินเหลืออยู่เฉพาะบริเวณโบสถ์และเจดีย์เท่านั้น
ที่นอกนั้นชาวบ้านได้ยึดไปทำสวนหมดแล้ว หลวงพ่อเทียนรู้สึกพอใจในสถานที่นี้
จึงตัดสินใจที่จะมาอยู่บูรณะให้เป็นวัดโดยสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง.
ร่วมบุกเบิกวัดสนามใน
เมื่อหลวงพ่อเทียนตกลงใจจะอยู่บูรณะวัดสนามในเพื่อให้เป็นที่เผยแผ่ธรรมนั้น
ท่านได้มาร่วมงานด้วย ในตอนแรกเริ่ม พระอาจารย์โกวิทได้ติดตามมาจากวัดชลประทานฯ
พร้อมด้วยญาติโยมหลายคน นอกจากนั้นแล้ว ยังมีพระอาจารย์ทองล้วน ได้เข้าร่วมงานด้วย
ทุกคนต้องทำงานหนัก นับตั้งแต่หารูปแบบ รวมถึงงานก่อสร้างศาลา กุฏิ และปรับพื้นที่
งานที่หนักที่สุดคือ ได้แก่ งานปรับพื้นที่ ต้องหาบ
ต้องแบกทรายจากหมู่บ้านเดินข้ามทางรถไฟมาถมลานวัด
กว่าจะเป็นรูปร่างเรียบร้อยให้ใช้สอยได้ก็เป็นเวลาหลายเดือน
ท่านได้อยู่ช่วยงานก่อสร้างและปรับปรุงวัด ตลอดจนร่วมกับหลวงพ่อเทียนในการสอนธรรม.
จนกระทั่งใกล้เวลาเข้าพรรษาปี
พ.ศ. ๒๕๑๙ ท่านได้ลาหลวงพ่อเทียนไปจำพรรษาที่วัดป่า สุคะโต อ.แก้งคร้อ
จ.ชัยภูมิ.