นาย เลอพงศ์ พวงสวัสดิ์
การส่งวิทยุโทรทัศน์
แม้ว่าการส่งวิทยุโทรทัศน์ ส่งไปทั้งภาพและเสียงพร้อมกัน
แต่การส่งนั้น ส่งแยกกัน 2 ระบบโดยเด็ดขาด
1.
ระบบส่งสัญญาณภาพ video system
2.
ระบบส่งสัญญาณเสียง audio system
ระบบส่งสัญญาณภาพมีง่ายๆ ดังนี้
1. กล้อง
camera
จะเปลี่ยนพลังงานแสงให้เป็นพลังงานไฟฟ้าขยายสัญญาณให้มีสูงขึ้น
แล้วส่งไปตามสายเคเบิลไปเข้าเครื่องควบคุมกล้อง
1.1
เครื่องควบคุมกล้อง camera control unit
จะทำหน้าที่เปิดหน้ากล้อง และปรับแต่งสัญญาณต่างๆ
ให้ได้มาตราฐานที่ต้องการ
1.3
เครื่องควบคุมภาพจะส่งสัญญาณเข้าไป เครื่องรวบรวมสัญญาณภาพ
encoder กับสัญญาณซิงค์ และสัญญาณอื่นๆ
ที่จำเป็นเพื่อให้สัญญาณภาพโทรทัศน์ที่พร้อมจะออกอากาศ
1.4
สัญญาณจากเครื่องรวบรวมภาพ
จะส่งไปยังเครื่องตัดต่อภาพและเครื่องสร้างภาพพิเศษ switcher
special effect เครื่องตัดต่อสัญญาณภาพ
และเครื่องทำภาพพิเศษนี้
จะตัดต่อภาพที่ต้องการแล้วส่งไปยังเครื่องส่ง
1.5
เครื่องส่งสัญญาณภาพ VIDEO TRANSMITTER
จะมีวงจรผลิตคลื่นพาห์ของภาพให้ตรงกับที่ได้รับอนุญาตมา
และมีวงจรผสมกับคลื่นพาห์ แล้วส่งออกไปออกอากาศที่สายอากาศผสมแบบ
เอเอ็ม เนกาทีฟ AM NEGATIVE
คือผสมคลื่นพาห์เปลี่ยนแปลงไปตามคลื่นภาพทางด้านส่วนสูง
และซีกลบของคลื่นภาพ
2. ไมโครโฟน จะเปลี่ยนคลื่นเสียงให้เป็นพลังงานไฟฟ้าเรียกว่า
สัญญาณเสียง
ส่งสัญญาณเสียงไปตามเสียงไปตามสายเข้าเครื่องขยายและผสมสัญญาณเสียง
2.1
เครื่องขยายและผสมสัญญาณเสียง จะขยายเสียงให้มีกำลังสูงขึ้น
และสามารถปรับแต่งระดับความดังของเสียงได้
ตลอดจนรวมสัญญาณเสียงที่มาจากที่อื่น เช่น มาจากแถบบันทึกเสียง
หรือจากจานเสียงก็ได้ แล้วส่งเข้าไปเครื่องส่ง
2.2
เครื่องส่งที่ใช้ส่งสัญญาณเสียง
เป็นเครื่องเสียงคนละเครื่องกับเครื่องส่งที่ใช้ส่งสัญญาณภาพ
เครื่องส่งจะมีวงจรผลิตความถี่คลื่นพาห์ของเสียง
ซึ่งจะสูงกว่าคลื่นพาห์ของภาพอยู่ 5.5 เมกะเฮิรตซ์
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นคนละความถี่และคลื่นจะได้ไม่ปนกัน เช่น ช่อง
3 ความถี่คลื่นพาห์ภาพ 55.25 ความถี่คลื่นพาห์เสียง
60.75
2.4
สัญญาณจากเครื่องขยายเสียงและผสมเสียงจะเข้ามาที่เครื่องส่งและผสมกับคลื่นพาห์ในระบบ
เอฟเอ็ม คือ เมื่อเสียงดังขึ้นคลื่นพาห์จะเปลี่ยนความถี่ไป
ทั้งสูงขึ้นและต่ำลง ถ้าเสียงเป็นบวก
คลื่นพาห์จะมีความถี่สูงขึ้น ถ้าเสียงเป็นลบ
คลื่นพาห์จะมีความถี่ต่ำลง
2.5
นำคลื่นพาห์ที่ผสมกับสัญญาณเสียงแล้วเข้าไปยังเครื่องรวมสัญญาณ
ที่เรียกว่า ไดเพล็กเซอร์
เพื่อรวมกับคลื่นพาห์ของเครื่องส่งภาพ
แล้วส่งภาพไปออกที่สายอากาศเดียวกัน แม้ใช้สายอากาศเดียวกัน
แต่คลื่นทั้งสองจะไม่ปนกัน เพราะเป็นคนละความถี่
ข้อมูลอ้างอิงจาก หนังสือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช