ข้อมูลพื้นฐานของติมอร์ตะวันออก

ติมอร์ตะวันออก

1. กล่าวนำ
ติมอร์ ตอ.เป็นส่วนหนึ่งของเกาะติมอร์ อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครฯ มาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 3,700 กิโลเมตร มีรูปร่างยาวรีตามแนวตะวันออกเฉียงเหนือ - ตะวันตกเฉียงใต้ ลักษณะคล้ายกับจระเข้(เป็นสัตว์ที่ชาวติมอร์นับถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์) มีพื้นที่ประมาณ 19,000 ตร.กม.มีความยาวประมาณ 265 กม.และกว้างประมาณ 92 กม. ติมอร์ตะวันออกเป็นดินแดนที่ล้าหลังไม่ค่อยมีคนรู้จักจนกระทั่งหลังจากเหตุการณ์ที่อินโดนีเซีย ได้บุกเข้ายึดในปี พ.ศ.2518 ติมอร์ตะวันออกจึงเป็นที่รู้จัก ต่อมานานาชาติได้กดดันให้อินโดนีเซียปลดปล่อยรวมทั้งได้มีการต่อต้านจากกองกำลังที่ต้องการแยกตัวเป็นเอกราช ทำให้มีการต่อสู้กันมาอย่างยืดเยื้อ

2. ประวัติความเป็นมา
ประวัติศาสตร์ของเกาะติมอร์เริ่มชัดเจนในยุคของการล่าอาณานิคม เมื่อชาวโปรตุเกส ได้เดินทางมาที่เกาะแห่งนี้ เมื่อปี พ.ศ.2055 และยึดเกาะติมอร์เป็นอาณานิคม
ต่อมาในปี พ.ศ.2446 เนเธอร์แลนด์ ได้เข้ายึดครองอินโดนีเซียและเกิดการสู้รบกับโปรตุเกส จนยุติการสู้รบและได้แบ่งเกาะติมอร์ออกเป็น 2 ส่วน โดย เนเธอร์แลนด์ได้ครอบครองเกาะติมอร์ทางด้านตะวันตก และโปรตุเกสครอบครองเกาะติมอร์ทางด้านตะวันออก และโอกุสชี่
ในปี 2517-2518 โปรตุเกสได้ตกลงใจที่จะปลดปล่อยอาณานิคมของตน รวมถึงติมอร์ตะวันออกด้วย และส่งเสริมให้มีการจัดตั้งพรรคการเมือง โดยมีพรรคการเมืองที่สำคัญอยู่ 3 พรรค คือ พรรค UDT ที่มีนโยบายการปกครองตอนเองแต่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของโปรตุเกส พรรค FRETILIN ที่มีนโยบายทางสังคมนิยมและต้องการแยกตัวเป็นเอกราช และ พรรค APODETI ซึ่งมีนโยบายรวมชาติกับอินโดนีเซีย
ต่อมาเมื่อ มี.ค.2518 ได้มีการจัดเลือกตั้ง ผลปรากฎว่าพรรค FRETILIN ชนะการเลือกตั้งทำให้เกิดสางครามกลางเมืองขึ้น ต่อมาพรรค UDT และ พรรค APODETI ขอความช่วยเหลือจากประเทศอินโดนีเซียในการยุติสงคราม ดังนั้นอินโดนีเซียจึงใช้ข้อตกลงในการขอความช่วยเหลือดังกล่าวส่งกำลังเข้ายึดติมอร์ ตอ.
ใน ธ.ค.18 และประกาศให้ติมอร์ ตอ.เป็น จว.ที่ 17 ของอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันพรรค FRETILIN ก็ได้จัดตั้ง กกล.เพื่อต่อต้านการยึดครองของอินโดนีเซียตลอดมา
ต่อมาเมื่อ มี.ค.2542 กลุ่ม MILITIA ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอินโดนีเซีย ได้สังหารกลุ่มผู้สนับสนุนการเป็นเอกราชจนทำให้เกิดการจราจลขึ้น อินโดนีเซียไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จึงร้องขอให้สหประชาชาติเข้ามายุติความรุนแรง
เมื่อ ส.ค.42 จากการลงประชามติของประชาชนชาวติมอร์ ตอ.ที่ต้องการเป็นเอกราช ทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จนทำให้กองกำลังนานาชาติในชื่อ INTERFET ได้เข้ามาในติมอร์ตะวันออก เพื่อปฏิบัติภารกิจฟื้นฟูสันติภาพ ซึ่งต่อมาได้แปรสภาพเป็น UNTAET หรือ องค์กรเพื่อถ่ายโอนอำนาจในติมอร์ตะวันออก และได้ปฏิบัติภารกิจมาจนถึงปัจจุบัน
2. ข้อมูลพื้นฐาน
ก. ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไป
ติมอร์ ตอ. เป็นเกาะที่เกิดจากภูเขาไฟในทะเล โดยตรงกลางเป็นภูเขา ทอดยาวตามแนวตะวันออก - ตะวันตก และมีลักษณะลาดลงไปทางด้านเหนือและด้านใต้ ดังนั้นเส้นทางน้ำไหล จึงไหลจากตอนกลางลงไปทางด้านเหนือและใต้ ทางด้านเหนือของติมอร์ ตอ. ติดกับทะเลซาวู ประกอบด้วยพื้นที่ราบชายฝั่งสลับกับหน้าผาสูงเป็นช่วง ๆ ทางด้านตะวันออกติดกับทะเลติมอร์ มีพื้นที่ราบมากกว่าบริเวณอื่น ทางใต้ติดกับทะเลติมอร์ประกอบด้วยพื้นที่ราบสลับกับที่สูง มีป่าอุดมสมบูรณ์ ส่วนด้านตะวันตกเป็นภูเขาสูงและป่าไม้
ภูเขาที่สำคัญ ได้แก่ ภูเขา TATAMAILAU ใน อ.AINARO เขต SC ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดใน ติมอร์ตะวันออก มีความสูง 2963 ม.รองลงมาคือ ภูเขา MATABIAN ใน อ. BAUCAU สูง 2373 ม.
ข. ลักษณะภูมิอากาศ
ติมอร์ ตอ. ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมเขตร้อน มีอยู่ ๒ ฤดู คือ ฤดูแล้ง ซึ่งได้รับ อิทธิพลลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดความแห้งแล้งและหนาวเย็น ผ่านทะเลทรายจากประเทศออส-เตรเลีย และ ฤดูฝนได้รับอิทธิพลลมตะวันตกเฉียงเหนือ พัดความร้อนและความชื้นจากเส้น ศูนย์สูตร โดยฤดูฝนเริ่มตั้งแต่ เดือน พ.ย. - มี.ค. ฤดูแล้ง ตั้งแต่ เม.ย. - ต.ค. อุณหภูมิโดยเฉลี่ย กลางวัน ๒๗ - ๓๖ องศาเซลเซียส และกลางคืน ๑๖ - ๒๕ องศาเซลเซียส
ค. โครงสร้างพื้นฐาน
1. การคมนาคม
ก. ทางบก
ถนนมีความยาวทั้งสิ้น 3800 กม. (ลาดยาง 536 กม. )ถนนหลักเป็นถนนทางด้านเหนือเป็นถนนลาดยางสองช่องทาง ค่อนข้างแคบ โดยลัดเลาะไปตามชายทะเลที่เป็นพื้นราบสลับกับผาสูงชัน สามารถใช้ได้ตลอดทั้งปี ถนนในส่วนอื่นอยู่ในสภาพที่พอใช้ได้เท่านั้น โดยเฉพาะถนนในภูมิประเทศจะมีปัญหาในการใช้งานในห้วงฤดูฝน

ข. ทางอากาศ
ในเกาะติมอร์มีสนามบินอยู่หลายพื้นที่ ที่เป็นท่าอากาศยานระดับมาตรฐานมีอยู่ 3 แห่ง คือที่เมืองคูปังในติมอร์ตะวันตก ที่เมืองดิลีและเมืองเบาเกาในติมอร์ตะวันออก นอกจากนั้นเป็นสนามบินที่อยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐานไม่สามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ได้ สนามบินเมืองเบาเกา เป็นสนามบินที่มีทางวิ่งยาวที่สุดในติมอร์ตะวันออก สามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ได้
ค. ทางทะเล
ท่าเรือ DILI ที่กรุง DILI เมืองหลวงของติมอร์ ตอ.
ท่าเรือ Karabela อยู่ติดกับถนนดิลี-เบาเกา สามารถรองรับเรือขนาดกลางได้ ห่างจากเมืองเบาเกาไปทางตะวันออก 23 กม.
ท่าเรือ COM อยู่ในเขต อ. LAUTEM
ง.การโทรคมนาคม มีระบบโทรศัพท์ภายในเมืองแต่ถูกทำลายในช่วงไม่สงบและยังคงไม่สามารถใช้การได้ ปัจจุบันบริษัทเอกชนของออสเตรเลียได้ให้บริการทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ
จ.ไฟฟ้า มีโรงผลิตไฟฟ้าไว้ใช้ภายในเมืองสำคัญๆ
ฉ.ระบบประปา ส่วนใหญ่จะใช้ระบบประปาภูเขาโดยมีแหล่งกำเนิดทางธรรมชาติ ที่ไหลออกมาจาก ใต้ดินแล้วต่อท่อไปยังในเมือง
4. การเมืองการปกครอง
ขณะอยู่ในปกครองของอินโดนีเซีย แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ ในการ ปกครองนั้นอินโดนีเซีย ได้นำระบบการปกครองของตนมาใช้เช่นเดียวกับรัฐอื่น ๆ หลังจากได้รับเอกราช สภาแห่งชาติของขบวนการต่อต้านเพื่อชาวติมอร์ (CNRT) ได้เข้าควบคุมการปกครองภายใต้การกำกับดูแลของ UNAMET (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนเป็น UNTAET) โดยแบ่งการปกครองหลักออกเป็นฝ่ายการเมืองและการทหาร
ในพื้นที่รับผิดชอบของ ภาคตะวันออก มี 4 อำเภอ ดังนี้คือ
อำเภอมานาตูโต แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 ตำบล
อำเภอเบาเกา แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 ตำบล
อำเภอวิเคเค แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 5 ตำบล
อำเภอเลาเทม แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 5 ตำบล


5. เศรษฐกิจ
เกาะติมอร์เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ พลเมืองของเกาะแห่งนี้ดำรงชีพด้วยการทำเกษตรกรรมมายาวนานก่อนการแสวงหาอาณานิคมของโปรตุเกส นอกจากไม้จันทน์หอม (ที่ปัจจุบันค่อนข้างหายาก) ติมอร์ ตอ.มีการเพาะปลูกพืชอื่น ๆ เช่น กาแฟพันธุ์ดี ยางพารา ยาสูบ มะพร้าว(เนื้อแห้ง) ถั่วลิสง และยังมีการค้นพบทรัพยากรหินอ่อนบนเกาะติมอร์อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับประเทศออสเตรเลียในเรื่องการดำเนินการสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน บริเวณน่านน้ำทะเลระหว่างติมอร์ตะวันออกกับประเทศออสเตรเลีย หรือ Timor Gap โดยติมอร์ตะวันออกจะได้รับผลประโยชน์จากการขุดเจาะน้ำมัน ร้อยละ 90 ในขณะที่ออสเตรเลีย ได้ร้อยละ 10

6. สังคมจิตวิทยา
สภาพความเป็นอยู่ทั่วไปของประชาชนยังมีความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างจะต่ำกว่ามาตรฐาน โดยเฉพาะในเรื่องปัจจัยสีที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ รวมทั้งในด้านการศึกษา ติมอร์ ตอ. ยังคงต้องการความช่วยเหลือจากภายนอกในการที่จะพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไปและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ในด้านการศาสนา นักบวชโรมันคาทอลิก ชาวโปรตุเกส เข้ามาทำการเผยแพร่ศาสนาตั้งแต่ปี พ.ศ.2109 นับเป็นเวลา 139 ปี ปัจจุบันชาว ติมอร์ ตอ. ส่วนใหญ่ประมาณ ร้อยละ 91.4 นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
ชาวติมอร์ตะวันออกมีภาษาที่ใช้แตกต่างกันถึง 35 ภาษา และมีภาษาที่ใช้สื่อสารระหว่างกันอย่างกว้างขวางบนเกาะ คือ ภาษาเตตุน (Tetum) แม้ภาษาโปรตุเกสถูกกำหนดให้เป็นภาษาทางการของติมอร์ตะวันออก
การศึกษาที่นี่มีการแบ่งระดับชั้นออกเป็นระดับประถม ถึงระดับมหาวิทยาลัยซึ่งมีเพียงแห่งเดียวที่เมืองดิลี โรงเรียนมีค่อนข้างน้อย และบางโรงเรียนได้รับความเสียหายจากการเผาของทหารอินโดฯ ปัจจุบันมีครูอาสาจากประเทศโปรตุเกสมาช่วยสอนรวมถึงครูประจำถิ่นด้วย

7. ความสงบเรียบร้อยภายใน
ในปัจจุบัน ในพื้นที่รับผิดชอบของภาคตะวันออก ถือว่ามีความสงบเรียบร้อย สำหรับความรุนแรงหรืออาชญากรรมภายในเขตของ ภตอ.นั้น มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของความขัดแย้งในสังคมตนเองมากกว่า โดยเกิดจากความขัดแย้งระหว่างตัวบุคคลที่อยู่ต่างหมู่บ้าน จนความขัดแย้งนั้นขยายวงกว้างออกไป ในที่สุดก็เป็นความขัดแย้งระหว่างหมู่บ้านไป ความรุนแรงของเหตุการณ์ที่ปรากฏ ส่วนใหญ่จะเป็นการเผาบ้านเรือนของคู่กรณี และการทำร้ายร่างกาย และไม่ยอมที่จะใช้กฎหมายของท้องถิ่นในการแก้ปัญหา

8. การเลือกตั้ง
ภายหลังที่ UNTAET และ สภาแห่งชาติ เตรียมการเพื่อการเลือกตั้งอย่างเป็นขั้นตอน โดยมีการประชุมเพื่อตกลงใจในรายละเอียดหลายครั้ง ได้มีการประชุมเกี่ยวกับการจดทะเบียน พรรคการเมือง การจัดทำทะเบียนประชากรและการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ตลอดจนเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทุกพรรคได้มีการรณรงค์หาเสียงเพื่อสมัครเป็นสมาชิกร่างรัฐธรรมนูญนั้น การเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญนั้น ได้กำหนดให้มีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 88 ที่นั่ง โดยจะเป็นผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้ง ในระดับชาติจำนวน 75 ที่นั่งและอีก 13 ที่นั่ง จะเป็นผู้แทนในระดับเขตอำเภอที่มาจากการเลือกตั้ง และจากการที่ทุกหน่วยงานได้พยายามทุ่มเททรัพยากรในการจัดการเลือกตั้ง มีทั้งการรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน การรักษาความปลอดภัยในทุกพื้นที่ การจัดประชุมประสานงานของทุกหน่วยงานและกลุ่ม NGOS ทำให้สามารถจัดการเลือกตั้งได้ประสบผลสำเร็จและเกิดความเรียบร้อยในทุก ๆ พื้นที่

แนวโน้มของสถานการณ์
พรรคFRETILIN เป็นพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามากที่สุด เนื่องจากประชาชนให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากประวัติที่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชมาช้านาน และประชาชนมีความต้องการให้ นาย ซานานา กุสเมา เป็นประธานาธิบดีของติมอร์ ตอ. ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถึงแม้ว่าจะ ปรากฎข่าวสารมีกลุ่มต่อต้านในการเลือกตั้งก็ตาม ซึ่งทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องได้พยายามอย่างเต็มที่ในการทำให้การเลือกตั้งในครั้งนี้เกิดความสงบเรียบร้อย บรรลุวัตถุประสงค์ของชาวติมอร์ ตอ.และประชาคมโลก
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่รับผิดชอบไม่น่าจะเกิดความรุนแรง คงจะเป็นเพียงความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือหมู่บ้าน ซึ่งอาจจะลุกลามรุนแรงต่อไปได้ ซึ่งทุกหน่วยโดยเฉพาะหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการควบคุมให้ปฏิบัติตามกฎหมายควรได้มีการกวดขันจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างเฉียบขาด เพื่อให้ประชาชนมีความเกรงกลัวต่อบทลงโทษ และเร่งให้การศึกษาให้ประชาชนได้ เข้าใจในสิทธิและหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป