บ ท ที่

ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา การใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมากโดยปราศจากการจัดการดูแลอย่างเหมาะสม ได้ก่อให้เกิดปัญหาความเสื่อมโทรมและไม่ยั่งยืนอย่างรุนแรง ทรัพยากรธรรมชาติเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญต่อการผลิตภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการของประเทศ การนำไปใช้เพื่อขยายผลผลิตอย่างต่อเนื่องโดยขาดความระมัดระวังและไม่มีการฟื้นฟูอย่างจริงจัง ประกอบกับการไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานภาครัฐบางหน่วยงานในการบริหารจัดการและปัญหาบุคลากรขาดความรับผิดชอบ ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีจำกัดและสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็วทรัพยากรดิน ป่าไม้ ป่าชายเลน ประมง และชายฝั่งถูกนำมาใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยไม่มีการพื้นฟูอย่างจริงจัง การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มงวด และไม่มีประสิทธิผล ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติอยู่ในภาวะเสื่อมโทรมส่งผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ทรัพยากรน้ำเกิดปัญหาความขาดแคลน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูแล้ง การใช้สารเคมีทางการเกษตรมากขึ้นส่งผลต่อคุณภาพน้ำและดิน อีกทั้งการนำทรัพยากรแร่มาใช้โดยขาดไม่คำนึงถึงสภาพแวดล้อม ได้ความระมัดระวัง ได้ก่อให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในหลายพื้นที่ และสภาวะแวดล้อม

ขณะเดียวกัน การขยายตัวของการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและบริการตลอดจนการลงทุนด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ ที่เป็นไปอย่างไร้ระเบียบและขาดทิศทางที่เหมาะสม เนื่องจากไม่มีการนำผังเมืองและผังภาคมาใช้ ทำให้การขยายตัวของชุมชนกระจัดกระจาย เมืองขยายตัวโดยไม่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอย่างเพียงพอ และกอรปกับมีการนำพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสมทางการเกษตรไปใช้ประโยชน์ผิดประเภทโดยมิได้คำนึงถึงศักยภาพของพื้นที่และการลงทุนของภาครัฐ ทั้งหมดนี้ได้ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมและมลพิษต่างๆ อย่างกว้างขวาง นอกจากนั้นการขยายฐานการผลิตด้านอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วโดยไม่มีมาตรฐานการประกอบการที่เหมาะสมและไม่มีการมิได้บังคับใช้มาตรการควบคุมมลพิษอย่างจริงจัง ได้ทำให้เกิดปัญหามลพิษที่ส่ง
ผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยตรงมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนั้น การขยายตัวของการ

ท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วแต่ขาดโดยปราศจากการดูแลบำรุงรักษาและการจัดการแหล่งท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ ทำให้แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและศิลปกรรมหลายแหล่งเสื่อมโทรมสูญเสียคุณค่าและความงามไปลงตามลำดับ

การฟื้นฟูบูรณะทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังดำเนินการได้ในขอบเขตจำกัด ไม่ทันต่อความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและแนวโน้มการเกิดมลพิษต่างๆ เนื่องมาจากขาดประสิทธิภาพในการจัดทำและบริหารแผนงานให้สามารถนำไปสู่การประสานทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิผลทั้งกับหน่วยงานราชการภาครัฐเองและฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มีอีกทั้งยังขาดการศึกษาวิจัยที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ขาดมาตรการที่จะ
ผลักดันหรือจูงใจให้มีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตและการบริโภค ที่ซึ่งจะนำไปสู่การใช้ทรัพยากร ธรรมชาติที่ในระดับที่ยั่งยืน ประหยัด คุ้มค่า และ
สอดคล้องกับศักยภาพ นอกจากนั้น การกำกับควบคุมยังมีจุดอ่อน ขาดความโปร่งใส มีปัญหาทุจริต และการแย่งชิงทรัพยากรระหว่างกลุ่มผู้ใช้ประโยชน์ ทั้งในภาครัฐและการเมือง ในขณะแม้ว่าที่องค์กรชุมชนและ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แม้จะมีความตื่นตัวในการเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ แต่ยังขาดความพร้อมและประสบการณ์ ประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้และความมิได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และยังไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิของชุมชนในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ของตนพื้นที่ ทำให้เกิดข้อจำกัดในของการเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชุมชนท้องถิ่นกับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เกิดปัญหาการแย่งชิงการใช้ทรัพยากรระหว่างกลุ่มผู้ใช้ประโยชน์ต่างๆ

ดังนั้น ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๙ จึงให้จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการปฏิรูปปรับปรุงการจัดการที่ให้เกิดความสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์กับการอนุรักษ์ฟื้นฟู ส่งเสริมการนำทรัพยากรไปใช้ประโยชน์ในระดับที่ยั่งยืนเพื่อช่วยลดแก้ปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจของประเทศ สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาที่พึ่งตนเองได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ของคนไทยอยู่ดีมีสุข และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชุมชนและประเทศ รวมทั้งเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งของการพัฒนาประเทศ โดยมีเน้นการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม มุ่งเน้นประสิทธิภาพใน การกำกับควบคุม ที่มีประสิทธิผล มีความโปร่งใส สุจริต รับผิดชอบต่อหน้าที่ ตลอดจนมีการศึกษาวิจัยและวางแผนชี้แนะที่เกิดสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง เพื่อให้เป็นไปตามแนวทาง “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”

 

วัตถุประสงค์

เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตอบสนองต่อการปรับโครงสร้างการพัฒนาประเทศให้เข้าสู่สมดุล ที่มุ่งเน้นการพัฒนาในเชิงคุณภาพ โดยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัดและคุ้มค่า ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การจัดการต้องพิจารณาถึงให้ความสำคัญต่อความเป็นธรรมในสังคม การให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และวิถีชีวิต ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถของชุมชน ในการได้รับประโยชน์และการมีส่วนในการเข้าร่วมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงได้กำหนดภายใต้กรอบ
วัตถุประสงค์ไว้ ดังนี้

๑.๑ ให้มีระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่องค์กรมีเน้นความ
รับผิดชอบ มีความโปร่งใส มีการชี้นำที่เกิดเกิดผลในทางปฏิบัติ มีการให้ความรู้และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร โดยให้ประชาชน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีส่วนร่วมและรับผิดชอบในการรักษาความอุดมสมบูรณ์ของสภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

๑.๒ ให้มีการใช้ประโยชน์ อนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีสมดุล เพื่อให้กระบวนมีการควบคุมที่ดี เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและคุณภาพชีวิต พัฒนาเศรษฐกิจสังคมที่สมดุล ให้มีการจัดการเมืองและชุมชนน่าอยู่ มีและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของแหล่งมรดกศิลปวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี

 

เป้าหมาย

๒.๑ เป้าหมายการบริหารจัดการ

๒.๑ ปฏิรูประบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มี
ประสิทธิภาพในการกำกับดูแล ควบคุม มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้ รวมทั้งให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การป้องกัน รวมทั้งการเฝ้าระวังรักษาคุณภาพ
สิ่งแวดล้อมและการก่อมลพิษ

(๒) ประชาชนส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติรวมทั้ง
ป้องกันและเฝ้าระวังมลพิษ

๒.๒ เป้าหมายเฉพาะด้าน

๑๒.๒ อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติควบคู่กับการใช้ประโยชน์ โดยให้มีพื้นที่ป่าอนุรักษ์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๒๕ ของพื้นที่ประเทศ อนุรักษ์และฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ป่าอนุรักษ์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๒๕ ของพื้นที่ประเทศ และคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพในทุกพื้นที่อนุรักษ์ รวมถึงการจัดทำเครื่องหมายแนวเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลนให้ได้ไม่ต่ำกว่า ๑.๒๕ ล้านไร่เพื่อปรับปรุงความสมดุลของสภาวะแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ

(๒) ตลอดจนลดปัญหาการชะล้างพังทลายของดินไม่น้อยกว่า ๕ ล้านไร่ และฟื้นฟูปรับปรุงบำรุงดิน ที่มีปัญหาทั้งที่เป็นดินเปรี้ยว ดินเค็ม และดินขาดอินทรีย์วัตถุไม่น้อยกว่า ๑๐ ล้านไร่ ในปี ๒๕๔๙

๒.๓๓ รักษาคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลักทุกสายให้มีปริมาณออกซิเจนละลายไม่ต่ำกว่า ๒ มิลลิกรัมต่อลิตรตลอดทั้งปี และฟื้นฟูคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของประเทศ รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการรวบรวม กำจัดและลดกากของเสียอันตรายจากอุตสาหกรรมและจากชุมชนให้ได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ของปริมาณของเสียอันตรายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ให้มีการกำจัดขยะมูลฝอยอย่างถูกหลักวิธีและปลอดภัยได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของจังหวัดทั้งหมด และมีการใช้ประโยชน์มูลฝอยได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓๐ ของปริมาณ
มูลฝอยที่เกิดขึ้น ตลอดจนควบคุมคุณภาพอากาศให้ปริมาณฝุ่นละอองและสารมลพิษอื่นๆ ในชุมชนเมืองอยู่ในพิกัดมาตรฐาน

(๔) รักษาคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลักให้มีปริมาณออกซิเจนละลายน้ำไม่ต่ำกว่า ๒ มิลลิกรัมต่อลิตร ตลอดทั้งปี รวมทั้งป้องกันและฟื้นฟูคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของประเทศ

๒.๖๔ คุ้มครอง ป้องกัน ฟื้นฟู และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมไม่ต่ำกว่าปีละ ๕๐ แหล่ง และแหล่งท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่าปีละ ๑๕ แห่ง

 

แนวทางการพัฒนา

เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในช่วงระยะเวลา 5 ๕ ปี ของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๙ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายแนวทางการพัฒนาจึงมุ่งให้ความสำคัญกับการปรับกลไกและกระบวนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของประเทศให้มีประสิทธิผลโดยเน้นระบบการบริหารงานที่โปร่งใสและการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและชุมชน อนุรักษ์ฟื้นฟูและใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืน มีการจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรบรูณาการในระดับพื้นที่ลุ่มน้ำ ฟื้นฟูชายฝั่งและทะเล อนุรักษ์พื้นที่ป่า จัดการทรัพยากรดินที่มีปัญหาและเสื่อมโทรม อนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อมเมืองและแหล่ง
ท่องเที่ยว จัดการมลพิษอย่างมีประสิทธิผลควบคู่กับการส่งเสริมการผลิตที่สะอาดและการนำกลับมาใช้ใหม่ โดยมีแนวทางการพัฒนาตามลำดับความสำคัญ ดังนี้

๓.๑ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เอื้อต่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูและอำนวยประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ดังนี้

(๑) ปรับกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ โดย

(๑.๑) ให้มีการถ่ายโอนอำนาจหน้าที่ บทบาทและภารกิจในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมของท้องถิ่นระดับชุมชน จากหน่วยงานส่วนกลาง
ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการพัฒนาขีดความสามารถให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในด้านข้อมูล วิชาการ กฎหมาย และแนวทางการจัดการ ให้พร้อมรับกับการถ่ายโอนภารกิจตามกฎหมาย

(๑.๒) ให้องค์กรสิ่งแวดล้อมระดับชาติมีบทบาทหน้าที่ในการกำกับดูแล
กลั่นกรองนโยบาย การจัดสรรการใช้ทรัพยากร และประสานการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ตลอดจนติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายและรายงานผลสู่ต่อสาธารณะ

(๑.๓) แยกแบ่งอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานในการอนุญาตและตรวจสอบออกจากกันให้
ชัดเจน เพื่อให้มีเกิดการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน ได้ และเกิดประสิทธิภาพในการจัดการ

(๑.๔) สร้างกระบวนการประสานงานและการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ให้เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ โดยกำหนดนโยบาย การจัดสรรทรัพยากร การบริหาร กำหนดและหน้าที่ของหน่วยงานส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นให้ชัดเจน

(๑.๕) ผลักดันให้ประเด็นสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญในกระบวนการทางการเมือง โดยมีองค์กรอิสระให้มีประชาคมด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่นชุมชนตามศักยภาพและความพร้อม ประกอบด้วยภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน องค์กรพัฒนาเอกชน ชุมชน และประชาชน สำหรับเสนอข้อคิดเห็นและประสานงานกับกลไกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพื่อผลักดันให้การอนุรักษ์ ป้องกัน และแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างจริงจังและบังเกิดผลในทางปฏิบัติ

(๒) พัฒนากลไกและกระบวนการจัดการเชิงบูรณาการที่เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายอย่างแท้จริงในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ โดย

(๒.๑) ปรับปรุงกฎหมายเพื่อสนับสนุนท้องถิ่นและประชาชนให้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ รับรองสิทธิชุมชน และให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาทุกขั้นตอน ที่สำคัญได้แก่อาทิ การออกพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พระราชบัญญัติป่าชุมชน แก้ไข
ปรับปรุงพระราชบัญญัติประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ แก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการกระจายอำนาจการบริหารจัดการ และประสิทธิผลของการบังคับใช้กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมสู่ท้องถิ่น และ รวมทั้งทบทวนกฎหมายป่าไม้ เพื่อให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างสมดุล ตลอดจนตลอดจนปรับปรุงกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการใช้ที่ดินและการขยายตัวของเมืองให้สอดคล้องสัมพันธ์กันทั้งระบบ

(๒.๒) เสริมสร้างเครือข่ายการประสานงานและการทำงานร่วมกันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรชุมชน และประชาชนในท้องถิ่น และองค์กรพัฒนา
เอกชน

ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดย
ให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมให้ความรู้แก่แกนนำชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพที่จะในการสร้างกระบวนการเรียนรู้และริเริ่มในชุมชน หรือประชาคมของตนอย่างเท่าทันสถานการณ์ พัฒนาระบบรวบรวมและจัดทำแผนข้อมูลระดับท้องถิ่นให้สอดคล้องกัน รวมทั้งให้มีเวทีประชาชนคมท้องถิ่น จัดประชุม สัมมนา เวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็น สร้างกระบวนการเรียนรู้
การมีส่วนร่วมคิดร่วมทำ พร้อมกับเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและแนวคิดโครงการที่ริเริ่มโดยภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันและการมีส่วนร่วมคิดร่วมทำ

(๓) สร้างความโปร่งใสและเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายในการกำกับ ควบคุม และตรวจสอบการดำเนินงานอนุรักษ์ฟื้นฟูและใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระบียบ โดย

(๓.๑) สร้างกลไกและสนับสนุนเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน ประชาชน และอาสาสมัคร ให้มีความสามารถในการเฝ้าระวัง ติดตาม ตรวจสอบการดำเนินงานจัดการและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเฝ้าระวังการก่อมลพิษ และการบุกรุกพื้นที่อนุรักษ์ พื้นที่สาธารณะ แหล่งน้ำธรรมชาติ และริมฝั่งแม่น้ำลำคลองต่างๆ รวมทั้งการทำเหมืองแร่ที่ผิดกฎหมาย และการฟื้นฟูพื้นที่หลังการทำเหมืองแล้ว

(๓.๒) เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบ โดยมีบทลงโทษที่เข้มงวดรุนแรงเพื่อป้องปรามให้ได้ผล โดยสนับสนุนกลไกประสานงานระหว่างชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรมในการเฝ้าระวังภัยสิ่งแวดล้อมและการก่อมลพิษ การตลอดจนใช้มาตรการทางสังคมในการต่อต้านภาคการผลิตที่ก่อมลพิษ โดยให้มีการรายงานและเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับผู้ประกอบการที่ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยกย่องผู้ประกอบการที่ดำเนินการป้องกัน
ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง

(๓.๓) พัฒนาและใช้เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ที่เหมาะสมเพื่อจูงใจให้
มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้มีการจ่ายค่าการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อนำไปลงทุนฟื้นฟูและบำบัดสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งเสริมให้ภาคเอกชนลงทุนหรือร่วมลงทุนกับภาครัฐ เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในเมืองและชุมชนโดยใช้มาตรการจูงใจด้านภาษี

(๓.๔) กำกับและควบคุมการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับปรับปรุงการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโครงการและกิจกรรมต่างๆ ให้มีได้มาตรฐานและเป็นไปตามหลักวิชาการอย่างแท้จริง สนับสนับสนุนให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำโครงการในทุกขั้นตอน ตลอดจนโดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและองค์กรชุมชนในท้องถิ่นเป็นแกนกลางในการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะก่อนดำเนินโครงการลงทุนและกิจกรรมต่างๆ ที่จะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งให้มีการวิเคราะห์ภาพรวมด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศรายสาขาหรือระดับพื้นที่เพื่อรองรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึง
ผลกระทบต่อคนและสังคม

(๔) พัฒนาศักยภาพของคนไทย ให้มีขีดความสามารถและสร้างจิตสำนึกให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของในการรักษา
สภาพสิ่งแวดล้อมของชาติและเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ของตน
โดย

(๔.๑) เสริมสร้างความรู้ ความเข้มแข็งเข้าใจ และศักยภาพของคนไทยในด้านเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยสนับสนุนกระบวนการสอดแทรกเรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาไว้ในหลักสูตรการศึกษาทุกระบบระดับและทุกระดับทุกระบบ รวมทั้งสถาบันครอบครัว เพื่อสร้างความรู้ เพื่อปลูกฝังทัศนคติและ
ค่านิยมที่ถูกต้องในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม ตลอดจนรวมทั้งสร้างพฤติกรรมในการบริโภคที่เสริมสร้างสุขอนามัยเป็นมิตรกับ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สร้างความรู้ตระหนักถึงสิทธิหน้าที่ในการมีส่วนร่วมบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม

(๔.๒) เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินนโยบายสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ ระหว่างประเทศโดยจัดให้มีกลไกทำงานร่วมและทีมงานร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาสร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกันในด้านนโยบาย การค้า การลงทุน ผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและศักยภาพการแข่งขันทางการในเวทีโลกค้าและการลงทุน สำหรับ เพื่อเป็นข้อมูลในการเจรจาต่อรอง ควบคุมและการประสานความร่วมมือระดับภูมิภาคให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาต่อประเทศ

(๕) พัฒนาและจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

(๕.๑) พัฒนาฐานข้อมูลระดับพื้นที่ อาทิ ข้อมูลทรัพยากรดินและการใช้ประโยชน์ที่ดิน ข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพและพื้นที่ชุ่มน้ำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการติดตามตรวจสอบและจัดการทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างทันสถานการณ์ทันการ อาทิ ข้อมูลทรัพยากรดินและการใช้ประโยชน์ที่ดิน ข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพและพื้นที่ชุ่มน้ำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อนำมาใช้ในการวางแผนดำเนินการและติดตามตรวจสอบ รวมทั้งเป็นเครื่องมือในการป้องกันและปราบปรามการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างผิดกฎหมายได้อย่างทันสถานการณ์

(๕.๒) ให้มีการศึกษาวิจัยเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและมีการติดตามข้อมูล
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมโลก อาทิ ภาวะเรือนกระจก เพื่อวาง
แผนเตรียมพร้อมรับปัญหาด้านอุทกภัย ปัญหาด้านการผลิตภาคการเกษตรและปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

๓.๒ อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติของประเทศให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อความสมดุลของระบบนิเวศและใช้ประโยชน์ในการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศได้อย่างยั่งยืน ดังนี้

(๑) คุ้มครองและกำหนดเขตพื้นที่อนุรักษ์เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศ และมีการใช้ประโยชน์ที่สอดคล้องกับสมรรถนะ โดย

(๑.๑) ตรวจสอบความเหมาะสมของพื้นที่ที่ได้กำหนดเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ
ชั้นที่ ๑ ให้แล้วเสร็จ และประกาศให้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ทั้งหมด เป็นเขตอนุรักษ์หรือพื้นที่
คุ้มครอง และไม่อนุญาตให้มีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทุกประเภทโดยเด็ดขาด จัดทำแนวเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าชายเลนอนุรักษ์ให้เสร็จสมบูรณ์ รวมทั้งแนวกันชนรอบนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่สำคัญ ตลอดจนสร้างกลไกและเครือข่ายในการบริหารจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อลดข้อขัดแย้งระหว่างภาครัฐและประชาชน โดยยึดหลักประสิทธิภาพและหลักการมีส่วนร่วม

(๑.๒) ให้ชุมชนและท้องถิ่นมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการฟื้นฟูและปลูกป่า ตลอดจนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการป่าชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ

(๑.๓) ประกาศเขตสงวนรักษาพืชพันธุ์ เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ และกำหนดเขตและมาตรการคุ้มครองการทำประมงพื้นบ้านให้ชัดเจน

(๑.๔) กำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ที่สมควรอนุรักษ์เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ควบคู่ไปกับการสร้างแรงจูงใจผ่านมาตรการด้านสินเชื่อ ภาษี และระบบตลาด เพื่อกระจายสิทธิการถือครองที่ดินกรรมในพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเกษตรกรรมแต่ยังไม่มิได้นำมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร พร้อมทั้งให้มีกลไกสนับสนุนด้านการเงิน เพื่อรับซื้อที่ดินซึ่งเจ้าของประสงค์จะจำหน่ายจ่ายโอนไปใช้ในสาขาเศรษฐกิจอื่น และนำมาให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเช่าเพื่อทำการเกษตร

(๑.๕) จัดทำแผนระบบพื้นที่คุ้มครองแห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์ รวมทั้งกำหนดมาตรการคุ้มครองระบบนิเวศที่สำคัญ โดยเฉพาะบริเวณอย่างยิ่งผืนป่าขนาดใหญ่และระบบนิเวศ
พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญ

(๒) ฟื้นฟูชายฝั่งและทะเลไทยให้คืนความอุดมสมบูรณ์ โดยจัดทำแผนหลักเพื่อฟื้นฟูทะเลไทย ให้ครอบคลุมทั้งในด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชายฝั่ง ทรัพยากรทะเล แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล และประมงพื้นบ้าน สนับสนุนการออกกฎหมายยกเลิกเครื่องมือประมงทะเลที่ทำลายระบบนิเวศชายฝั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอวนรุน อวนลาก ประกาศเขตและกำหนดการใช้ประโยชน์พื้นที่ตลอดแนวชายฝั่งทะเล การคุ้มครองปะการัง หญ้าทะเล และสาหร่ายทะเล รวมทั้งกำหนดมาตรการฟื้นฟูฟื้นฟูชายฝั่งทะเลที่เสื่อมโทรมจากกระบวนการกัดเซาะ ตลอดจนจัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสียและระบบกำจัดขยะจากชุมชนและจากกิจกรรมการพัฒนาตามแนวชายฝั่ง

(๓) อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ โดยจัดให้มีเครือข่ายข้อมูลและการลงทุนวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งกำหนดมาตรการทางกฎหมายเพื่อคุ้มครองชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ที่มีความสำคัญ ควบคู่ไปกับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ให้ชุมชนและท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการคุ้มครองพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์

(๔) สนับสนุนการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพให้มีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนและเป็นธรรม โดย

(๔.๑) บริหารจัดการแหล่งน้ำที่มีอยู่ ให้มีการนำมาใช้ประโยชน์ต่อด้านการเกษตรกรรม การผลิต การบริโภค อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งปรับระบบการผลิตทาง
การเกษตรไปสู่พืชที่ใช้น้ำน้อย ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ

(๔.๒) จัดหาแหล่งน้ำเอนกประสงค์โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำโครงการ และให้ประชาชนผู้ได้รับประโยชน์มีส่วนร่วมรับภาระการลงทุน

(๔.๓) ศึกษาศักยภาพน้ำใต้ดินทั่วประเทศ และกำหนดแนวทางการจัดการคุณภาพน้ำใต้ดินและการใช้ประโยชน์น้ำใต้ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพ รวมทั้งสำรวจและติดตามสถานการณ์แผ่นดินทรุด เพื่อประกาศเขตควบคุมการใช้น้ำบาดาลเพื่อและแก้ปัญหาการลดลงของน้ำใต้ดิน

(๔.๔) ให้มีการเก็บค่าบริการใช้น้ำดิบ โดยเริ่มจากการใช้น้ำเพื่อ
อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการประปา ควบคู่กับการรณรงค์และสร้างแรงจูงใจให้

ประชาชนมีจิตสำนึกในการรักษาคุณภาพแหล่งน้ำและให้ใช้น้ำอย่างคุ้มค่า

(๔.๕) พัฒนาระบบการพยากรณ์ทรัพยากรน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ เอื้ออำนวยต่อการแก้ไขปัญหาน้ำขาดแคลน การป้องกันน้ำท่วม และการจัดหาน้ำให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม

(๔.๖) จัดทำแผนหลักและบริหารจัดการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการในระดับลุ่มน้ำ โดยให้ความสำคัญกับการจัดการคุณภาพน้ำและการจัดการพื้นที่ลุ่มน้ำวิกฤต พร้อมกับเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาชนในการดำเนินการ

(๕) ฟื้นฟูทรัพยากรที่ดินที่มีปัญหาและเสื่อมโทรม ให้มีความอุดมสมบูรณ์และเหมาะสมกับการใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร โดยสนับสนุนกิจกรรม การเกษตรแบบยั่งยืนหรือเกษตรเชิงอนุรักษ์ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดการ
ตกค้างของสารเคมีในดินและน้ำ โดยให้ชุมชนมีบทบาทหลักและภาครัฐสนับสนุนด้านวิชาการ

(๖) ใช้ประโยชน์ทรัพยากรแร่เพื่อสนับสนุนภาคการผลิตโดยไม่ส่ง
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
โดยกำหนดแนวทางในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรแร่ในกระบวนการผลิตภาคอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับการประเมินศักยภาพแหล่งแร่นอกเขตอนุรักษ์ ปรับปรุงกระบวนการทำเหมืองแร่และควบคุมสัมปทานทรัพยากรแร่ไม่มิให้มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม สำหรับการให้สัมปทานรายใหม่ ควรอนุญาตเฉพาะทรัพยากรที่มีการขาดแคลนเท่านั้น รวมทั้งให้มีการบังคับใช้กฎระเบียบเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแล้ว ตลอดจนกำหนดมาตรการควบคุมการทำเหมืองแร่ที่ผิดกฎหมาย

(๗) ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด โดยใช้มาตรการด้านราคา มาตรการบังคับ มาตรการจูงใจ และการสร้างจิตสำนึก พร้อมกับเร่งสำรวจและพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในประเทศ เพื่อลดการนำเข้าพลังงานจาก
ต่างประเทศ สนับสนุนการวิจัย และพัฒนาการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์

๓.๓ อนุรักษ์ฟื้นฟูและรักษาสภาพแวดล้อมชุมชน ศิลปวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยว ให้เกื้อหนุนต่อคุณภาพชีวิตและเป็นฐานการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชน ดังนี้

(๑) ฟื้นฟูและรักษาสภาพแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และแหล่งศิลปกรรมและโบราณคดี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับต่อการพิจารณาสมรรถนะในการรองรับของระบบนิเวศของในแหล่งท่องเที่ยว ที่จะรองรับตลอดจนป้องกัน
มิให้วัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยว ให้หน่วยงานหลักที่
เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางบริหารจัดการที่เหมาะสมกับศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยว สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และศิลปกรรม ให้มีการแยกออกเป็นกำหนดเขตอนุรักษ์และเขตเขตพัฒนาสำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และศิลปกรรมให้ชัดเจน ให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการกำหนดและควบคุมการก่อสร้าง
สิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอย่างเหมาะสม และสามารถจัดเก็บรายได้เพื่อใช้ในการฟื้นฟูอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น

(๒) ใช้ผังเมืองเป็นกลไกประสานการจัดการสิ่งแวดล้อมเมือง ให้เกิดความน่าอยู่และยั่งยืน โดยนำผังเมืองทุกระดับเป็นกรอบในการจัดทำแผนการลงทุนด้านสาธารณูปโภคสาธารณูปการ ให้ความสำคัญต่อการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจกรรมต่างๆให้เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ ควบคุมการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมและกิจกรรมการผลิตที่ก่อมลพิษหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างเข้มงวด โดยให้อยู่ในเขตการใช้ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและให้มีการจัดการของเสียและมลพิษอย่างเป็นระบบ ตลอดจนใช้มาตรการทางภาษีและกฎหมาย
ผังเมือง ควบคุมให้มีการปฏิบัติตามแผนผังเมืองอย่างเคร่งครัด

(๓) อนุรักษ์ ฟื้นฟู และสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อดำรงไว้ซึ่งวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทย โดยสร้างค่านิยมให้ชุมชนเกิดความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ พัฒนาและสืบทอดวิถีชีวิตของชุมชนอย่างต่อเนื่องในวิถีชีวิตของชุมชน

๓.๔ รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยให้ความสำคัญกับการลดมลพิษ และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ให้เมืองและชุมชนความมีความน่าอยู่ ประชาชนและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และและลดต้นทุนทางเศรษฐกิจในการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนี้

(๑) ส่งเสริมการพัฒนาระบบกำจัดของเสียอันตรายที่เป็นที่ยอมรับของ
ชุมชน
โดยเร่งออกกฎหมายและมาตรการพิเศษในการจัดการของเสียอันตราย ขยะ และ
น้ำเสียจากภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งออกกฎหมายควบคุมมิให้มีการนำเข้าของเสียอันตราย กฎหมายควบคุมมาตรฐานและความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ ให้ผู้ประกอบการรับผิดชอบความปลอดภัยจากการขนส่ง การจัดเก็บ และจัดการของเสียอันตราย และสารอันตราย ตลอดจนจัดให้มีระบบปฎิบัติการฉุกเฉินจากอุบัติภัยให้ มีการประกันภัยที่คุ้มครองความเสียหายต่อสภาพแวดล้อม และอันตรายที่เกิดแก่ร่างกายและทรัพย์สินของบุคคลอื่น

(๒) สนับสนุนการลดปริมาณขยะและของเสีย ของเสียและการนำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ โดยใช้มาตรการทางเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งมาตรการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย และให้มีการสร้างระบบเรียกคืนซากของเสียอันตราย ซากบรรจุภัณฑ์ วัสดุเหลือใช้ ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมที่รองรับการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่

(๓) สนับสนุนให้จังหวัดมีศูนย์รวมกำจัดขยะมูลฝอยที่มีระบบกำจัดอย่างครบวงจร โดยลงทุนและดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชน หรือโดยภาคเอกชน รวมทั้งจัดให้มีระบบจัดการขยะติดเชื้อที่มีประสิทธิภาพ

(๔) ฟื้นฟูโครงการบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนที่แล้วเสร็จให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับผิดชอบ และรับภาระค่าใช้จ่าย โดยให้และให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับภาระค่าบริการ และค่าธรรมเนียมต่างๆ

(๕) กำกับ ควบคุม และจำกัดเขตอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษสูงให้อยู่ใน
พื้นที่ที่กำหนด
เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนและสามารถควบคุมมลพิษได้อย่างเป็นระบบ โดยรัฐกำหนดมาตรการสนับสนุนและจูงใจทั้งบวกและทางลบให้เกิดผลในการปฏิบัติอย่างจริงจัง

(๖) พัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ และ
ควบคู่กับการส่งเสริมกระบวนการผลิตที่สะอาด
ลดการใช้วัสดุและส่งเสริมการแปรรูปของเสีย เพื่อกลับมาใช้ใหม่ โดยให้มีการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม กระตุ้นให้ภาคเอกชนเข้าร่วมพัฒนาเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง และกว้างขวางยิ่งขึ้น
ควบคู่กับการรวมทั้งสนับสนุนด้านการเงินแก่สถานประกอบการเพื่อปรับสู่กระบวนการผลิตที่สะอาด

(๗) เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการมลพิษ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อรองรับเงื่อนไขและมาตรการทางการค้าและสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการปรับปรุงมาตรฐาน ระเบียบวิธีการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดการมลพิษ