ชื่อวิทยาศาสตร์ | : Rhinoceros sondaicus Desmarest,1822 |
อันดับ | : Perissodactyla |
วงศ์ | : Rhinocerotidae |
ข้อมูลจำเพาะ | แรดเป็นพวกสัตว์กีบคี่ เท้าทั้ง 4ข้างมีนิ้วเท้าที่ปลายนิ้ว เป็นการพัฒนารูปร่างเปลี่ยนไป
เป็นกีบนิ้วแข็งข้างละ 3กีบ กีบกลางขนาดใหญ่ กีบข้างทั้ง 2กีบมีขนาดเล็กกว่า แตกต่าง
จากกีบเท้าของพวกวัว ควายและกวาง ซึ่งเป็นพวกกีบคู่จะมีกีบเท้าข้างละ 2กีบ ขนาดเท่า
กัน
ลักษณะเด่นของสัตว์จำพวกแรด คือมี"นอ" ซึ่งเกิดจากการเรียงตัวอัดแน่นของเส้นขน
จนแข็งเป็นเขาตัน ไม่มีแกนกระดูก เป็นเขาเดี่ยวติดอยู่กึ่งกลางของกระดูกดั้งจมูก ต่าง
จากเขาของวัวควายและกวาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระดูกกะโหลกศรีษะ แรดจึงเป้นสัตว์
ที่มีเขาตรงจมูก ปัจจุบันสัตว์จำพวกแรดมี 4 สกุล รวม 5 ชนิดที่อยู่ในแถบเอเซียมี 3ชนิด
คือแดอินเดียหรือแรดนอเดียวใหญ่ พบในอินเดียและเนปาล อีกสองชนิดมีถิ่นที่อยู่ในแถบ
เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ แรดหรือแรดชวา หรือแรดนอเดียวเล็ก และกระซู่หรือแรด
สองนอ นอกจากนี้ยังมีแรดที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกาซึ่งมี 2 นอคือ แรดขาวและแรดดำ
|
ลักษณะเด่น | แรดหรือแรดขวามีรูปร่างลักษณะคล้ายกับแรดอินเดียวและจัดอยู๋ในสกุลเดียวกัน ทั้งนี้สันนิฐาน
ว่าน่าจะมีบรรพบุรุษร่วมกันหรือใกล้ชิดกันมาก ต่อมาจึงได้มีวิวัฒนาการแยกจากกันไปตามสภาพ
ถิ่นที่อยู่ กลายเป็นต่างชนิดกันอย่างถาวร ประมาณว่าระยะเวลาของการแยกเป็นคนละชนิดนั้น
เกิดขึ้นเมื่อประมาณต้นศตวรรษที่ 19นี้เอง
แรดมีลักษณะลำตัวล่ำหนา ขาสั้นใหญ่ ลักษณะรอยเท้าคล้ายรอยเท้าลูกช้าง แต่มีรอยกีบข้างละ
3 กีบ รอยกีบปกติกลมไม่แหลมอย่างรอยเท้าสมเสร็จ ตาเล็กคล้ายตาหมู ใบหูตั้งตรง ผิวหนัง
ตามตัวหนามาก มีลายเป็นตุ่มเม็ด ขนาดเท่าปลายนิ้วทั้งตัว ผิวหนังจะย่นเป้นรอยพับข้ามหลัง
3 พับที่ด้านหน้าและด้านหลังของหัวไหล่ และสะโพก มีรอยพับที่โคนขาหน้าอีก 1พับทำให้ดูคล้าย
สวมเกราะหนัง มีขนตามตัวประปราย
แรดมีริมฝีปากบนยื่นเป็นจะงอยแหลมขยับเขยื่อนได้ ใช้ดีงรั้งใบไม้ยอดไม้สูง ๆ ใส่ปากกินได้
มีฟันหน้าที่กรามล่าง 4 ซี่ แรดตัวผู้จะมีนอยาวประมาณ 15 เซนติเมตร แต่ตัวเมียส่วนใหญ่จะมี
นอโผล่ให้เห็นเป็นปุ่มนูนเท่านั้น
|
อุปนิสัย | แรดเป้นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าดิบชื้น ระดับพื้นราบขึ้นไปถึงเขาสูงกว่า 1,000เมตร ปกติชอบอยู่
สืบพันธุ์ ตามป่าที่ร่มชื้น มีแหล่งน้ำสำหรับนอนแช่ปลักโคนหรือแช่น้ำเล่นในตอนกลางวัน สายตาของแรด
ไม่ดี แต่ประสาทรับกลิ่นและการฟังเสียงดีมาก
แรดมีนิสัยหวาดระแวงชอบอาศัยตามลำพังภายในพื้นที่เฉพาะตัว แต่ละตัวจะมีอาณาเขตส่วนตัว
ประมาณ7-10ตารางกิโลเมตร แรดจะถ่ายมูลหรือพ่นปัสสาวะสีแดงไว้ตามพุ่มไม้ เป็นการแสดง
อาณาเขตหวงห้ามพฤติกรรมเช่นนี้ทำให้มองว่าแรดเป็นสัตว์ที่ดุร้าย
อาหารของแรด ได้แก่ ใบไม้ ยอดอ่อน เครือเถาต่าง ๆ และลูกไม้ที่หล่นตามพื้นป่า ไม่ชอบกิน
หญ้า มีการพบว่าแรดจะดันต้นไม้เล็ก ๆ ให้ล้มลงเพื่อกินใบและยอดอ่อนอีกด้วย แรดสามารถ
ผสมพันธุ์ได้ทั้งปี ไม่มีฤดูที่แน่นอน วัยเจริญพันธุ์จะอยู่ประมาณ 6ปี ส่วนตัวเมียจะมีอายุประมาณ
3ปีขึ้นไป แรดตัวเมียจะมีระยะพร้อมผสมพันธุ์ทุก 46-48 วันระยะตั้งท้องประมาณ 16เดือน
ออกลูกทีละ 1ตัว ลูกแรดจะมีนอตั้งแต่แรกเกิด แม่จะเลี้ยงลูกด้วยนมนาน 2ปี ลูกจึงแยกอาศัย
อยู่ตามลำพัง
ปัจจุบันยังคงมีแรดหลงเหลืออยู่ในธรรมชาติเพียงแห่งเดียวในโลกที่อุทยานแห่งชาติอุดจุง คูลอน
ทางปลายสุดภาคตะวันตกของเกาะชวาประเทศอินโดนีเซีย มีประมาณ 50ตัว ส่วนที่มีรายงานการพบ
แรดทางตอนใต้ของเวียดนามประมาณ 10-15 ตัว แต่ก็ไม่มีการยืนยันแน่นอน สำหรับประเทศไทย
เชื่อว่าแรดสูญพันธุ์ไปแล้ว
|