กานท์กลอน แห่งชีวิต ขีดเขียนโดย นายพินิจ เพื่อรำลึกถึงความจริงที่ผ่านมา อาจมีบางตอนที่ให้แง่คิดได้บ้างเหมือนกัน ความเชื่อนี้จะผิดหรือถูก เชิญติดตาม ….

.......................................................................

                                         ปากกา

    จงมอง เห็นปากกา เป็นอาวุธ

เปรียบประดุจ ศาสตรา ค่ามหันต์

พกติดตัว ไปไหนไหน ได้ทุกวัน

ไว้ฟาดฟัน ความไม่รู้ เป็นคู่ตัว

    พบสิ่งใด เข้าที มีคุณค่า

หยิบปากกา บันทึกได้ ไม่เวียนหัว

จำไม่หมด จดได้ ไม่ต้องกลัว

บันทึกสิ่ง ดี-ชั่ว ไว้เตือนตน.

    แด่ว่าที่"บัณฑิต"

    ปลูกต้นไม้เอาไว้ข้างในรั้ว

บางครั้งก็หวาดกลัวเจ้าจะหาย

บางคราวก็หวาดกลัวฝูงวัวควาย

แหวกรั้วย่ำทำลายเสียก่อนโต

    ที่ห่วงใยเจ้านักเพราะรักมาก

ถึงลำบากก็ทนได้ไม่โมโห

เฝ้าพรวนดินรดน้ำไปหวังให้โต

จะต้องโชว์เขาให้ได้ไม่อายคน

    ครบสี่ปีคิดอีกทีก็ใจหาย

ถึงคราวเจ้าต้องจากไปหลายแห่งหน

สุดเหนี่ยวรั้งขังเจ้าไว้ใกล้ใกล้ตน

เพราะมวลชนหมู่ประชาตั้งตาคอย

    อย่าเสียใจจงออกไปสู่โลกกว้าง

บนเส้นทางอีกยาวไกลไม่ท้อถอย

จงใส่ใจเหลียวดูผู้รอคอย

และอย่าปล่อยคนอยู่หลังหวังลมลม.

                                                                               

                                                  คนมากรัก

                                                                                 คนหลาย รักสังคมมัก จะติฉิน

                                                                            เคยได้ยิน มานมนาน เกินขานไข

                                                                            หญิงรักชาย ชายรักหญิง ต้องจริงใจ

                                                                            อย่ามัวไป หลงเริงร่า หาคู่ชม

                                                                                 แท้ความรัก สูงส่งนัก ใช่ความใคร่

                                                                            ยิ่งแจกจ่าย เท่าไร ยิ่งสุขสม

                                                                            แบ่งใจรัก เผื่อแผ่ไป ให้สังคม

                                                                            น่านิยม หรือตำหนิ ตริตรองดู

                                                                                 เห็นแก่ตัว มากมาก อยากได้รัก

                                                                            ยิ่งอยากมาก ก็ยิ่งหนัก น่าอดสู

                                                                            ทุกทุกอย่าง ต้องเป็นไป ตามใจกออู

                                                                            แล้วจะรู้ รสรักได้ อย่างไรกัน

                                                                                    ลองสิลอง คิดใหม่ ด้วยใจว่าง

                                                                            มองทุกอย่าง ด้วยใจ อย่าไปฝัน

                                                                            ล้าง บวก-ลบ ชั่ว-ดี ที่ผูกพัน

                                                                            จะพบวัน เบาสบาย ทั้งกายใจ

                                                                                     แล้วความรัก อันสูงค่า จะมาสู่

                                                                            คำว่ากอ สระอู จะเลือนหาย

                                                                            เห็นทุกอย่าง ตามเป็นจริง ได้มากมาย

                                                                            พร้อมแจกจ่าย แบ่งรักไป ให้ทุกคน.

              

 

                      ความอบอุ่น

                          ความอบอุ่น ใดใด ในโลกหล้า

                            หรือจะเท่า ศรัทธา ในตัวท่าน

                            ทำถูกต้อง แล้วพอใจ ไปนานนาน

                            จะเบิกบาน อบอุ่นใจ ไร้กังวล

                                    อบอุ่นใจ เพราะมีใคร เป็นที่พึ่ง

                            ณ วันหนึ่ง อาจปวดใจ ได้สักหน

                            จงแกร่งกล้า ด้วยมั่นใจ ในจิตตน

                            จงอยู่ด้วย เหตุผล และ ปัจจุบัน.

                                                                                           

                                                    มีอะไร ? ในความว่าง

                                                                                            ในความว่าง มีอะไร มากมายนัก

                                                                                        หากรู้จัก เพ่งมอง จะต้องเห็น

                                                                                        มองด้วยตา ถ้าลำบาก เห็นยากเย็น

                                                                                        ลองเปลี่ยนเป็น มองด้วยจิต พินิจดู

                                                                                                อาจเห็นความ เป็นไป ในโลกกว้าง

                                                                              บนเส้นทาง รันทด น่าอดสู

                                                                                        หรือเส้นทาง สง่างาม ลองตามดู

                                                                                        มีความรู้ อยู่ทั่วไป ที่ในนั้น

                                                                                                สิ่งสำคัญ ต้องเพ่งพิศ ด้วยจิตว่าง

                                                                                        ทุกทุกอย่าง อย่าโน้มไป ตามใจฉั

                                                                                        ้าง บวก-ลบ ชั่ว-ดี ที่ผูกพัน

                                                                                        ในความว่าง ที่ว่านั้น มีความจริง.

                    คิดถึงนก

                            เจ้านกน้อย ทำไม บินไกลนัก

                    ไม่รู้จัก เหนื่อยล้า หรือไฉน

                    ทุกทุกวัน เราเห็น จนเจนใจ

                    เจ้าบินได้ อย่างไร แสนเสรี

                            มองดูเถิด เห็นอะไร ในเรื่องนก

                    เจ้าวิหค แบกอะไร ไปไหมนี่

                    แล้วเราล่ะ แบกอะไร ทุกนาที

                    แบกอย่างนี้ ไม่ฉลาด ปราชญ์ให้ปลง

                            ปลงออกไป ใช่ฝืนใจ ฝืนความคิด

                    ปลงด้วยจิต เห็นพิษภัย เลิกไหลหลง

Text Box:        บ้ า น น อ ก 0 0 1 
     ฉันเป็นคน บ้านนอก ขอบอกกล่าว
มีเรื่องราว มากมาย ให้นึกถึง 
กาลเวลา ล่วงไป ใฝ่คนึง
สิ่งที่ตรึง ใจมั่น นั้นมากมาย
    สมัยนั้น เราอยู่กัน ฉันท์น้องพี่
มากน้ำใจ ไมตรี มิเหือดหาย
ไร้ไฟฟ้า ไร้ประปา แต่สบาย
เราอยู่ได้ กับธรรมชาติ อันอุดม
    อยากกินปลา เราไปหา ตามท้องทุ่ง
เต็มตะกร้า ล้นกระบุง ก็สุขสม
แบ่งจ่ายแจก ลุงป้า น่านิยม
เป็นสังคม แห่งน้ำใจ อยู่ไกลเมือง
    ทั้งทำนา ปลูกข้าว และทำไร่
จวบต้นข้าว ออกรวงใหญ่ ชูช่อเหลือง
ต่างช่วยกัน เก็บเกี่ยวไป ไม่สิ้นเปลือง
ไม่มีเรื่อง จ่ายค่าจ้าง เป็นรางวัล
    ยังมีอีก มากมาย หลายตัวอย่าง
ยังจำได้ ไม่จืดจาง ใช่เรื่องฝัน
ชักอ่อนล้า ด้วยกรำงาน มาทั้งวัน
วันนี้พอ ก็แล้วกัน นะ บ๊าย บาย !
         บ้ า น น อ ก 0 0 2
    ขอเรียงร้อย เรื่องบ้านนอก มาบอกต่อ
อีกมากมาย หลายข้อ อยากเฉลย
คนกรุงเขา อาจค่อนว่า พวกข้าเชย
ขอเปิดเผย สิ่งที่พบ ประสบมา
    ฉันเป็นลูก สุดท้อง ของพ่อแม่
ใครคิดมา รังแก ยากนักหนา
กลัวพี่ชาย จะทำร้าย เจ็บกายา
หากขืนมา ซ่ากะเรา เขาต้องเจอ
    แท้พี่เรา ใช่นักเลง เก่งตีต่อย
อารมณ์ขัน ไม่น้อย สนุกเสมอ
ใครมาดี พี่จะรัก เหมือนเพื่อนเกลอ
ยิ้มหัวเราะ อยู่เสมอ ประทับใจ
    พี่กะฉัน จะแบ่งปัน แทบทุกสิ่ง
ฉันเรียนรู้ ความจริง ไม่สงสัย
รู้ว่ารัก ห่วงกัน นั้นซึ้งใจ
จนเติบใหญ่ ได้มีธรรม ช่วยนำตน
    พ่อกะแม่ เป็นอย่างไร ใครๆรู้
เป็นแบบอย่าง คนเชิดชู ทุกแห่งหน
แม่ขยัน พ่อซื่อสัตย์ และอดทน
การสั่งสอน พร่ำบ่น ไม่ค่อยมี
    ทำให้เห็น เป็นให้ดู เสียส่วนมาก
ถึงพบความ ลำบาก พ่อไม่หนี
เป็นผู้นำ ชวนชาวบ้าน ลูกหลานมี
พัฒนา ท้องถิ่นที่ กำเนิดกาย
    สหายพ่อ เพื่อนร่วมใจ คือหลวงพ่อ
ทั้งบ้านวัด จึงสานต่อ ไม่ขาดสาย
ช่วยนำพา ผู้คน พ้นอบาย
ยังมีอีก มากมาย คอยติดตาม ... นะจ๊ะ!
         บ้ า น น อ ก 0 0 3
     กลอนบ้านนอก ตอนนี้ ตอนที่สาม
ขอต่อความ ตามเพลง บรรเลงอักษร
อาจอ่อนด้อย อรรถรส แห่งบทกลอน
วานช่วยสอน อย่าได้ซ้ำ ขอน้ำใจ
     ตอนเป็นเด็ก เมื่อยามเล็ก ฉันจำได้
คืนเดือนหงาย แจ่มหล้า ท้องฟ้าใส
กลุ่มหนุ่มสาว "อุก"เกี่ยวข้าว ของเราไป
ทั่วผืนนา กว้างใหญ่ แอบเกี่ยวรวง
     ขะโมยข้าว จากนาเรา ใช่หรือไม่
ใครตอบ"ใช่" ก็ผิดไป อย่างใหญ่หลวง
แท้เป็นเรื่อง ของน้ำใจ ใช่หลอกลวง
แรงใจกาย ทั้งปวง แอบช่วยเรา
     พอดึกนิด เขาเริ่มคิด ทำตามแผน
ส่งตัวแทน มาบอกใบ้ ให้พวกเขา
ว่าไม่นาน จะเข้ามา ที่บ้านเรา
จะรับเขา อย่างไร ให้รีบทำ
     ในไม่ช้า พวกเขามา ถึงที่บ้าน
ร่วมดื่มกิน เล่านิทาน เรื่องขำขัน
จวบเดือนต่ำ จึงได้ร่ำ ลาจากกัน
ไปพักนอน อย่างสุขสันต์ ที่บ้านตน
     เขาเล่นกัน อย่างไร เห็นไหมท่าน
เล่นไปกับ การทำงาน และมีผล
ได้ผูกรัก เอาไว้ใน ใจผู้คน
ทุกหมู่บ้าน ทั้งตำบล ดุจครอบครัว.
                    ยิ้มรับสู้ ทุกสิ่งไป ใจมั่นคง

                    เป็นอานิสงส์ เรื่องวิหค นกโบยบิน.

Text Box:           รักของฉัน
     ได้ยินคำ ว่ารัก ชักหนาวหนาว
ด้วยใจร้าว ราญแยก แตกสลาย
ทุ่มเทรัก จากหัวใจ ไปมากมาย
ผลสุดท้าย ต้องแยกทาง ห่างเหินกัน
     แต่รักใหม่ ที่ฉันมี นั้นดีนัก
ด้วยเป็นรัก ยิ่งใหญ่ ไม่แปรผัน
รักจะให้ รักกันได้ ทุกวี่วัน
รักจะแบ่ง รักจะปัน สิ่งดีงาม. 
Text Box:             อั น ว่ า ตั ว ฉั น
    อันตัวฉัน นั้นสำคัญ ชวนให้คิด
ทุกชีวิต มักเมามัว ในตัวฉัน
ก่อกำเนิด เกิดกาย ไม่กี่วัน
ความหลง ความยึดมั่น เริ่มก่อตัว
    ความสนุก ความสบาย อยากได้มาก
เจอความทุกข์ ความลำบาก ก็สั่นหัว
ผลักที่ชัง รั้งที่ชอบ เข้าหาตัว
ความมืดมัว จึงเริ่มจอง ครองหัวใจ
    ยิ่งวันผ่าน เจริญวัย ยิ่งใจวุ่น
บ้างผลักบาป แต่บ้าบุญ เคยเห็นไหม
ติดบวกลบ กันมากมาก ลำบากใจ
ได้ทุกข์ทน หม่นไหม้ เป็นเจ้าเรือน
    ทั้งตัวฉัน ทั้งของฉัน พลันออกฤทธิ์
มันทิ่มแทง ชีวิต และเชือดเฉือน
ทิ้งริ้วรอย ความบอบช้ำ คอยย้ำเตือน
หลายชีวิต ต่างเป็นเหมือน ที่กล่าวมา
    แล้วทางออก ของใจ อยู่ไหนเล่า
ทางนำให้ ใจเรา หมดปัญหา
หยุดสักนิด มาลองคิด ด้วยปัญญา
มาลดค่า คำว่า"ฉัน" กันเถอะเรา.

           เตือนจิตตน
    ฟ้าจะมืด หรือสว่าง ก็ช่างฟ้า
ไม่มีวัน ที่ใจข้า จะมืดหมอง
กี่เมฆดำ จะทำร้าย อย่าหมายปอง
ข้าจะไม่ รอแสงทอง จากตะวัน
    อหังการ มากไป ใช่ไหมนี่
ไม่ใช่เรื่อง อวดดี หรอกนะท่าน
ใจอ่อนแอ จิตอ่อนไหว ไม่ได้การ
ขืนปล่อยไว้ นานนาน จะเสียคน.
          มนต์รักบานบุรี
    สักวา บานบุรี สีเหลืองอ่อน
คิดถึงตอน ได้รื่นรมย์ ห่มผ้าเหลือง
ณ วัดป่า ได้บ่มใจ อยู่ไกลเมือง
ไม่มีเรื่อง ร้อนรุ่ม ให้กลุ้มใจ
     อยากอยู่ต่อ แต่แล้วก็ ่ได้แค่คิด
ภารกิจ มากล้น สุดทนไหว
ลาก่อนนะ บานบุรี จำจากไกล
จะเก็บเจ้า ไว้ในใจ นิรันดร์กาล.

 

 

Text Box:             ใจ มั่น
    วันเวลา ผันผ่าน นานแค่ไหน
ขออย่าเปลี่ยน จิตใจ ที่คงมั่น
ร้อยความรัก ความห่วงใย ให้แก่กัน
สิ่งที่ฝัน และปองหมาย จะใกล้มือ.
           บัวริมทาง
    ที่ริมรั้ว มีดอกบัว อยู่ในอ่าง
ใครกันหนอ ทิ้งขว้าง ให้อับเฉา
ดูเหี่ยวแห้ง ทั้งดอกใบ ไร้ร่มเงา
แดดกล้าเผา จนกลีบช้ำ ทำได้ไง?
    บรรจงริน น้ำจากใจ ใส่ลงอ่าง
หวังให้บัว ริมทาง สุขสดใส
ทุกวันผ่าน ต้องแวะมอง พอสุขใจ
เจ้าชูดอก ทั้งก้านใบ สง่างาม
    มาวันนี้ ดอกบัวที่ เราแสนห่วง
หายจากไป ลับล่วง อยากทวงถาม
ใครเด็ดเจ้า พรากไป ไร้สิ้นงาม
เหลือเพียงก้าน ดั่งจะหยาม คนรักบัว.

Text Box:                       คนรุ่นใหม่
      คนรุ่นใหม่ อะไรอะไร ไม่เหมือนเก่า
คนรุ่นเรา เห็นแล้วงง สุดสงสัย
ใช้ชีวิต แต่ละวัน กันอย่างไร
มีทิศทาง หรือไม่ อยากถามดู

     คิดหรือไม่ จะไปไหน ที่เดินดุ่ม
บนหนทาง ที่อ่อนนุ่ม และสุดหรู
จะเกลือกปลัก ติดตม จมตัวกู
อีกกี่วัน จึงจะรู้ ถึงความจริง

     ท่านเดินไกล ห่างออกไป ทุกทีแล้ว
คงไม่แคล้ว ช้ำชอก หรอกชาย-หญิง
มาเถิดมา เรียนรู้เห็น ความเป็นจริง
ลองหยุดใจ นิ่งนิ่ง ใช้ปัญญา

     ทุกสรรพสิ่ง ตั้งอยู่ได้ อย่างไรเล่า?
มันเกี่ยวเนื่อง กับตัวเรา อย่างไรหนา?
ไม่แยแส ไม่สนใจ ไม่นำพา
แล้วเมื่อไร จะรู้ค่า คำว่า " คน "?

 

Text Box:            งูชีวิต
   เปรียบชีวิต ดั่งงูพิษ คิดดูเถิด
เราเลี้ยงดู มาแต่เกิด ก็นานหลาย
ประคบประหงม ไม่เคยยั้ง ทั้งใจกาย
เอาใจใส่ ไม่เคยให้ ต้องหมองมัว
    แล้วอยู่มา เป็นอะไร ไปหรือเจ้า
ยิ่งนานวัน กลับทำเรา ให้เวียนหัว
กัดเจ้าของ แล้วหรือเจ้า ช่างเมามัว
ช่างไม่รู้ ดีชั่ว หนอชีวี /.
   ดี vs. ชั่ว
    อันความดี นั้นย่อมดี กว่าความชั่ว
แต่ถ้าคิด เมามัว อาจหมองศรี
หาความสุข ได้ยาก ถ้าอยากดี
ทำถูกต้อง ให้เต็มที่ น่าจะพอ
    คนทำชั่ว ย่อมทุกข์ใจ ใครใครรู้
คนทำดี น่าหดหู่ มีไหมหนอ
หากทำดี ด้วยจิตใจ ที่ไม่พอ
ดีย่อมก่อ โทษภัย ได้เหมือนกัน.

   เรียนอะไร? เรียนทำไม?
   เรียนอะไร เรียนทำไม ใครรู้บ้าง
เรียนเพื่อสร้าง ชนชั้น กระนั้นหรือ
เรียนเพื่อแข่ง แย่งโอกาส วาดฝีมือ
ว่าทุกอย่าง ต้องแย่งยื้อ เป็นของเรา
    กระเสือกกระสน ทุรนทุราย ไร้ความสุข
ยิ่งเรียนมาก ก็ยิ่งทุกข์ และเปลี่ยวเหงา
แข่งกันเรียน เพียงมุ่งหมาย ให้ตัวเรา
ชนะเขา เท่านั้น เป็นอันพอ. ... (อย่างนั้น ฤๅ?)

Text Box:   คนอกหัก เชิญทางนี้

      คนอกหัก เชิญทางนี้ มียาแก้
มีบาดแผล มาจากใคร ใช่ปัญหา
ใจร้าวราญ มาจากไหน เชิญเข้ามา
จะรักษา ใจให้ ไม่คิดตังค์

      ก่อนกินยา ฟังทางนี้ ให้ดีก่อน
ไม่ใช่สอน แต่อยากให้ ได้สมหวัง
อยากหายขาด ต้องฉลาด และระวัง
จะลุกนั่ง ยามตื่นอยู่ ให้ดูใจ

      ถามตัวเอง หน่อยเถิด เกิดชาตินี้
เกิดมาแล้ว ทั้งที จะไปไหน
จะแขวนชีวิต ตนไว้ กับสิ่งใด
หรือจะให้ เขากระชาก ลากไปตาย

      ฉลาดคิด จงถอนจิต อย่างี่เง่า
ชีวิตเรา เริ่มใหม่ได้ ไม่มีสาย
ตัวของเรา ตัวของเขา ตัวของใคร
ต้องก้าวไป ข้างหน้า หาสิ่งดี

      ขยายรัก ออกไป ให้กว้างกว้าง
ทั่วทุกทิศ ทุกทาง อย่าหน่ายหนี
จะถูกรัก รุมล้อม ตอมชีวี
ทำอย่างนี้ อกไม่หัก เพราะรักลวง.
     แสงแห่งธรรม 
     ทุกสรรพสิ่ง ชั่วดี ในชีวิต
ถูกหรือผิด เมื่อมอง ต้องกล้าหาญ
เผชิญหน้า อย่างท้าทาย ทุกรายการ
เพื่อก้าวผ่าน คืนวัน อย่างมั่นใจ

     โลกกว้างใหญ่ มีอะไร มากมายนัก
ทั้งน่าชัง น่ารัก น่าผลักใส
โลกธรรม นำเรา ให้เขลาไป
ต้องทุกข์ทน หม่นไหม้ ไร้เสรี

     ผ่านมาแล้ว อย่างไร ผ่านไปเถิด
สุขทุกข์เกิด ตามมา อย่าคิดหนี
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน นั่นแหละดี
แล้วหยั่งตรง ลงไปที่ กลางหัวใจ

     คิดแบบไหน ทำอย่างไร แล้วใจสุข
อีกทั้งเหตุ แห่งทุกข์ อยู่ที่ไหน
ให้สอดส่อง มองดู อยู่เรื่อยไป
ไม่เท่าไร ประจักษ์แจ้ง เห็นแสงธรรม

     ครั้นแสงธรรม ส่องสว่าง กลางใจแล้ว
จะคลาดแคล้ว ทุกข์ภัย ไม่ถลำ
คอยละเหตุ ละปัจจัย ไม่ก่อกรรม
แสงแห่งธรรม จะปกป้อง คุ้มครองใจ

     ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ
เป็นได้ครบ ก็จะสิ้น ความสงสัย
อยู่อย่างเย็น เป็นประโยชน์ พ้นโทษภัย
มองสิ่งใด ก็จะเห็น ตามเป็นจริง.
Text Box: ถึงพี่ & เพื่อนพ้อง
   หลายเพลาไม่ได้มาย่ำถนน
ทิ้งพี่-เพื่อนทุกคนให้เงียบเหงา
สิ่งที่ทำมันมากล้นจนตัวเรา
โกลาหลทั้งค่ำเช้าด้วยการงาน
   มันต่อเนื่องโยงใยไม่รู้จบ
มันท้าทายดุจนักรบผู้ห้าวหาญ
ผู้หมายมุ่งให้ได้สมอุดมการณ์
แม้ยุ่งยากอีกยาวนานก็จะทำ.
      การให้
ให้อะไร ให้ด้วยใจ จะสูงค่า
ให้เพราะอยาก ได้กลับมา นับว่าเขลา
ต้องผิดหวัง จากการให้ ไปนานเนาว์
มาฉลาด กันเถอะเรา .. ให้ด้วยใจ ! 
        กากมนุษย์ !
กากมนุษย์ เหลือเดน ชอบเข่นฆ่า
เดรัจฉาน ยังดีกว่า เจ้าหลายเท่า
ใจมืดดำ เห็นแก่ตัว อย่างมัวเมา
คนทั้งโลก ประณามเจ้า " หนักแผ่นดิน ".
พองาม - พอดี
อะไรอะไร ถ้ามากไป ก็ไร้สุข
อะไรอะไร น้อยก็ทุกข์ อีกวิถี
อะไรอะไร ที่พองาม และพอดี
จะเสริมสร้าง ราศี แลสุขเอย.

Text Box:                เ บื่ อ ชี วิ ต !

     ฉันเหนื่อยล้า แทบสิ้นแรง ระโหยอ่อน
ดุจตะวัน ผันจร จวนอับแสง
ตะเกียกตะกาย ผ่านหลายรส บทแสดง
ละครแห่ง เวทีโลก สุขโศกปน

     ใจมุ่งมั่น สิ่งที่ฝัน ย่อมจริงได้
แต่อีกนาน สักเท่าไร จึงเกิดผล
ใช่ว่าท้อ แต่ก็รอ ด้วยทุกข์ทน
เห็นผู้คน หมองมัว ทั่วแผ่นดิน

     ตอบได้ไหม อยู่ทำไม กันนานนัก
ทั้งที่ทุกข์ ถมหนัก ราวแผ่นหิน
คนทั้งโลก แย่งกันอยู่ แย่งกันกิน
ยิ่งนับวัน จะต้องดิ้น ทุรนทุราย

     หากชีวิต สิ้นไป ในวันนี้
แง่มุมหนึ่ง ก็คงดี นะสหาย
ใช่จะคิด มืดมัว ฆ่าตัวตาย
แต่เริ่มท้อ และเหนื่อยหน่าย ในชีวี. 


        ถึงมวลมิตรที่คิดห่วง!

     ขอขอบคุณ ใจทุกดวง ของปวงมิตร
"เบื่อชีวิต" ที่เขียนไป ใช่พลั้งเผลอ
เพียงจะบอก ความใน ที่ใจเจอ
เพื่อเสนอ ความจริง สิ่งที่เป็น

    อันแนวทาง ที่เคยวาง ให้ชีวิต
เป็นวิถี ที่บัณฑิต ท่านคิดเห็น
ว่าถูกต้อง เป็นครรลอง ที่ควรเป็น
ชีวิตเย็น มีประโยชน์ ไร้โทษภัย

   เราพัฒนา ตัวตน จนเก่งกล้า
เรียนรู้สรรพ วิทยา หายสงสัย
แสวงรู้ ทดลองทำ อยู่ร่ำไป
ประสบการณ์ เก่า-ใหม่ จึงอุดม

   เมื่อทำได้ หลายอย่าง และเจนจัด
ช่วยคนได้ สารพัด ก็สุขสม
แต่นานนาน งานชักล้น แทบเป็นลม
นายก็ชม เพื่อนก็ใช้ ไม่ปรานี

   ที่อยากทำ ก็มีมาก อยากพิสูจน์
ทั้งช่วยคิด ทำ-พูด ทุกวิถี
โน่นนี่นั่น เต็มไป ทำไงดี
จะถอยหลัง ก็ใช่ที่ ทำไม่ลง

   นั่นคงเป็น ที่มา ของความคิด
"เบื่อชีวิต" จึงเขียนไป ตามใจประสงค์
เพียงอยากปล่อย ใจไป ให้หายงง
แต่สุดท้าย ก็ยังคง เดิน"ทางธรรม".

Text Box:      ปล่อยใจใส่กระทง

    กระทงน้อย ลอยคว้าง กลางสายน้ำ
ดุจเรียมร่ำ เรียกหารัก หนักใจแสน
จันทร์แจ่มฟ้า งามสง่า ไปทั่วแดน
คนมีแฟน เขาเคียงคู่ อยู่ริมธาร

    เพื่อนชื่อเหงา ชักชวนเรา ไปลอยบ้าง
นายอ้างว้าง ขอไปด้วย ช่วยสมาน
ริมฝั่งน้ำ เรานั่งดู อยู่แสนนาน
กระทงน้อย ค่อยลอยผ่าน ไกลออกไป

    เขาแต่งเจ้า เสียแสนงาม เมื่อยามบ่าย
เพื่อจะได้ ปล่อยเจ้าลง คงคาใส
ตกเย็นค่ำ ปล่อยลงน้ำ ให้ลอยไป
จะไปไหน เรื่องของเจ้า เขาไม่แคร์

    ช่างเหมือนใคร คนหนึ่ง แถวๆนี้
นั่งปล่อยใจ ไหลรี่ ตามกระแส
ชีวิตงาม ที่เคยหวัง ตั้งตาแล
เหลือเพียงแต่ ซากความหวัง ที่ฝังใจ /..

    แด่ลูกเทา-เหลือง

    ถิ่นเทาเหลือง เรืองรอง ของเรานี้
เป็นถิ่นที่ ปลูกรัก สมัครสมาน
ประสานใจ นักศึกษา ครูอาจารย์
ด้วยดวงมาลย์ แน่นหนัก รักแผ่นดิน

    ภารกิจ ยิ่งใหญ่ รอเราอยู่
ต้องใฝ่เรียน ใฝ่รู้ เป็นนิจสิน
ให้ปัญญา แก่กล้า เป็นอาจิณ
พร้อมโบยบิน ด้วยความรู้ สู่สังคม.