คนเมืองนอก กับร้านอาหารไทย
(ตอน ๑)
สรุปการพูดคุย วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๔๖
 







ปัญหาแรงงาน
ในร้านอาหารไทย
(ณ  สหรัฐอเมริกา)

 

 

 เมื่อไม่นานมานี้มีนักเรียนไทยกลุ่มหนึ่งยื่่นใบฟ้องศาลสหรัฐ ในข้อหาที่ว่าเจ้าของร้านอาหาร ที่ตนกําลังทํางานอยู่นั้น จ่ายค่าแรงตํ่ากว่า “ค่าแรงขั้นตํ่า”(minimum wage) แมัว่านักเรียนกลุ่มนี้จะมาทํางานโดยไม่ได้รับใบอนุญาต (ไม่มี Work Permit) แต่ศาลกลับสั่งให้ร้านอาหารที่ถูกฟ้อง จ่ายค่าชดเชยทั้งหมดหลายล้านบาท ให้กับนักเรียนเหล่านั้น คดีที่ว่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเฉพาะกรณีเท่านั้น แต่อาจเกิดขึ้นกับ ร้านอาหารไทย ร้านใดก็ได้ในสหรัฐ

ข้อมูลเรื่องสิทธิ์แรงงาน และกฏหมายในสถานที่ทํางานของสหรัฐนั้น จึงน่าจะเป็นเรื่องที่ลูกจ้างและเจ้าของร้านอาหารควรรับรู้ไว้เพื่อ ผลประโยชน์ของทุกฝ่าย

ประเด็นการพูดคุย


· เฉพาะใน San Francisco มีร้านอาหารไทยอยู่ประมาณ 120 ร้าน

3 ฐานะของคนงานในร้านอาหารไทย

· เป็นผู้อยู่อาศัยถาวร (Permanent Resident) ของสหรัฐ (มี Green Card)

· เป็นนักเรียน (อาจมีหรือไม่มี Work Permit )

· เป็นคนงานที่มาโดยใช้  Tourist Visa (ไม่มี Work Permit)

 
2 ลักษณะของคนงานในร้านอาหารไทย

· คนในครัว - มักจะเป็นคนมีอายุ ไม่ได้เป็นนักเรียน ไม่ใช้ Internet
และอาจพูดภาษาอังกฤษไม่ได้


· คนนอกครัว - มักจะเป็นคนหนุ่มสาวที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
 
เป็นคนเสริฟอาหาร (waiter/
waitress)
หรือเป็นนักเรียน
ที่ต้องการหารายได้พิเศษ

 
ทําไมจึงทํางานให้ร้านอาหารไทย ?

· ต้องการเงินเพื่อเลี้ยงชีพ

· ไม่สามารถทํางานที่อื่นได้เพราะไม่มีใบอนุญาต (Work Permit)

 
ทําไมร้านอาหารไทยจึงจ้างคนไทย ?

· สามารถจ่ายค่าจ้างในอัตราที่ตํ่ากว่า “ค่าแรงขั้นตํ่า” ได้ (ผิดกฏหมาย)

· ความเป็นกันเองของคนไทย และการที่ลูกจ้างสํานึก “บุญคุณ” ของนายจ้าง

 
สิทธิ์แรงงานของคนงานที่ทํางานโดยไม่มีใบอนุญาต (Undocumented Workers)

· มีสิทธิ์เท่าเทียมกับคนงานทั่วไป และอยู่ในการปกป้องคุ้มครองของกฏหมายแรงงานของรัฐ

· ปัจจุบันค่าแรงขั้นตํ่าในรัฐ California (Minimum Wage) =  $ 6.75 / ชั่วโมง

· สามารถฟ้องศาลเอาค่าเสียหายได้ หากนายจ้างจ่ายค่าแรงตํ่ากว่า “ค่าแรงขั้นตํ่า” (Minimum Wage)
--
ติดต่อ (415) 703-5300

·  สามารถฟ้องศาลเอาค่าเสียหายได้ หากสถานที่ทํางานไม่ปลอดภัย หรือถูกสุขสักษณะ
-- ติดต่อ (415) 703-5135


·  สามารถได้ค่าแรงเพิ่ม 1.5 เท่าต่อชั่วโมง หากทํางานมากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน  หรือ 40 ชั่วโมงในหนึ่งสัปดาห์  สามารถได้ค่าแรงเพิ่ม 2  เท่าต่อชั่วโมง หากทํางานมากกว่า 12  ชั่วโมงต่อวัน 
--  ติดต่อ (415) 703-5300



ถ้าสำนักงาน
ตรวจคนเข้าเมือง
มาตรวจ
ควรทำอย่างไร
  1. ขอดูคำสั่งศาล (judge's order)

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ INS (Immigration and Naturalization Service) จะต้องได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของร้านก่อน หรือต้องมีคำสั่งศาลเพื่อที่จะเข้าไปตรวจได้ ดังนั้น เมื่อ INS มาเคาะประตูร้าน คุณควรจะขอดูคำสั่งศาลก่อน (judge's order) ถ้าไม่มีคำสั่งศาล เจ้าของร้านมีสิทธิ์ห้ามไม่ให้ INS เข้ามาได้

2. อย่าวิ่งหนี

ให้ตั้งสติ พยายามทำท่าทางปรกติ ใจเย็นไว้ หากคุณวิ่งหนี ทำให้คุณดูเหมือนผู้ต้องสงสัย INS สามารถจับคุณได้หากคุณ"มีพิรุธ" แต่ INS ไม่สามารถจับคุณเพียงเพราะคุณดูลักษณะท่าทางเป็นคนต่างชาติ หรือพูดอังกฤษไม่ชัด

3. ไม่ปริปาก

อย่าเปิดปากพูดว่าคุณมาจากประเทศไหน และอย่าตอบคำถามที่ว่าคุณกำลังทำงานอย่างถูกกฏหมายหรือไม่ สิ่งเดียวที่คุณควรพูดก็คือ I want to speak with a lawyer first (ฉันขอคุยกับทนายความก่อน) ตามกฏหมายสหรัฐ คุณมีสิทธิื์ที่จะไม่พูดอะไรทั้งสิ้นเมื่อคุณถูกจับ

4. ควรจะมีเหรียญ quarter ติดตัวไว้เสมอ

หรือมือถือ เพื่อโทรเรียกทนายความ หรือโทรหาเพื่อนสนิทให้ตามหาทนายความ มีทนายความหลายคนที่ยินดีช่วยลูกจ้างทั้งแบบที่ทำงานถูกกฎหมาย และไม่ถูกกฎหมาย

5. อย่าเซ็น

หาก INS จับคุณ คุณจะถูกกดดันให้เซ็นข้อตกลงยอมออกจากร้านชั่วคราว (accepting your voluntary departure) หากคุณไปเซ็นตรงนั้น คุณอาจสูญเสียสิทธิบางอย่างได้ เมื่อมีคนขอให้คุณเซ็นอะไรก็ตาม ควรขอคุยกับทนายก่อน

ุ6. อย่าให้เอกสารปลอมกับ INS

ถ้า INS จับได้ว่าเป็นเอกสารปลอม เขาจะปรับคุณและส่งตัวคุณออกนอกประเทศทันที

ึ7. ร่วมมือกัน

ทั้งเจ้าของร้าน และลูกจ้าง ต่างก็ต้องเสียผลประโยชน์ทั้งคู่หากถูกจับได้ว่าจ้างแรงงานเถื่อน ดังนั้นในขั้นต้น เจ้าของร้านก็ควรร่วมมืือกับลูกจ้างด้วยการไม่ปริปากใดๆ ทั้งสิ้นและไม่ให้ความร่วมมือจนกว่าจะได้ปรึกษากับทนายความ ลูกจ้างทั้งหลายก็ควรจะร่วมมือกัน ลูกจ้างที่ทำงานอย่างถูกกฏหมายก็มีสิทธิไม่แสดงหลักฐานต่อ INS

หากไม่มีใครร่วมมือ INS ก็ทำอะไรต่อไม่ได้







การคุกคามทางเพศ
(Sexual Harassment)
 

คุณยังจำ กรณี อนิต้า ฮิล กับ แคลเร้นซ์ ทอมมัส ได้หรือไม่   เหตุเกิดเมื่อนายแคลเร้นซ์ ทอมมัส กำลังผ่านขั้นตอนการพิจารณาเพื่อรับตำแหน่งผู้พิพากษาสูงสุดของสหรัฐฯ  อนิต้า ฮิล ผู้เคยทำงานภายใต้ นายแคลเร้นซ์ ได้ออกมาเปิดโปง ความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของเขา  ที่เข้าข่ายการคุกคามทางเพศ อันได้สร้างความอัตคัต ลำบากใจ และ มีผลกระทบต่อการทำงานของเธอ  การกระทำอันไม่เหมาะสม มี ตั้งแต่ การ ชักชวนให้อนิต้าใช้เวลากับเขานอกงาน การพูดหยอกล้อทางเพศ และ อื่นๆ  

กรณีนี้ สิ้นสุดลงโดยที่ นายแคลเร้นซ์ ทอมมัส ได้รับการแต่งตั้ง เข้าดำรงตำแหน่ง ผู้พิพากษาสูงสุดของสหรัฐฯ แต่มันไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้  อนิต้าได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงที่กล้านำปัญหา การคุกคามทางเพศ ในที่ทำงานมาเปิดเผย  และนี่คือจุดเริ่มต้นของความเข้าใจ การต่อสู้ และ การแก้ไขความประพฤติอันไม่ควร ไม่ถูกกฏหมายนี้  อย่างไรก็ดี การละเมิดสิทธิ การล่วงเกิน และการคุกคามทางเพศก็ยังเกิดขึ้นอยู่เสมอ

ความประพฤติแบบไหนที่เข้าข่าย การคุกคามทางเพศในที่ทำงาน ที่ผิดกฏหมาย

Sexual Harassment คือ การคุกคามทางเพศ อันไม่เป็นที่ปรารถนา  ซึ่งรวมถึงการขอความช่วยเหลือทางเพศ  และ ความประพฤติ ทางกายและวาจา ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางเพศ ที่หากอีกฝ่ายปฏิเสธหรือไม่ปฏิบัติตาม จะมีผลต่อการจ้างงานของเขา หรือมีผลต่อการทำงานของเขา หรือทำให้บรรยากาศการทำงานอึดอัด เครียด และ เป็นปฏิปักษ์

ตัวอย่าง ของการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม

1.     จับเนื้อต้องตัว จับก้น หน้าอก รวมทั้งส่วนอื่นๆของร่างกาย โดยที่ไม่ได้รับการเชื้อเชิญ หรือยินยอมอย่างเต็มใจของอีกฝ่ายหนึ่ง

2.     พูดจาลวนลาม เรื่องเซ็กซ์ ทำให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจ เช่น พูดหยอกล้อ เรื่องหน้าอกของผู้หญิง เรื่องอวัยวะเพศของผู้ชาย

3.     บังคับ หรือ ชักชวน ให้ไปออกเดท หรือ นอนด้วย

4.     มองจ้อง เรือนร่าง ด้วยสายตาที่ส่อกำหนัด

5.     พูดจาหรือทำกิริยา ดูถูก เหยียดหยาม กีดกันและ รังเกียจ ความเป็นเกย์หรือเลสเบี้ยน

การคุกคามทางเพศเกิดขึ้นได้ในสถานการณ์ต่างๆกัน ซึ่งรวมถึง

·        ผู้ถูกกระทำและผู้กระทำเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นการคุกคามเพศตรงข้าม

·        ผู้คุกคาม หรือผู้กระทำ อาจเป็นหัวหน้า ตัวแทนลูกจ้าง หัวหน้าฝ่ายอื่น เพื่อนร่วมงาน หรือ คนที่เกี่ยวข้องกับที่ทำงานแต่ไม่ใช่ลูกจ้าง

·        ผู้ถูกกระทำ อาจไม่ใช่เหยื่อของการคุกคามโดยตรง แต่เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการคุกคามนั้น

·        การคุกคามที่เกิดขึ้นจะต้องเป็น การกระทำอันไม่เป็นที่พึงปรารถนา

ผู้ถูกคุกคามควรบอกกับผู้ที่กำลังคุกคามตนว่า การกระทำแบบนั้นไม่เป็นที่พึงปรารถนา และบอกให้หยุดกระทำ ผู้ถูกคุกคามควรปฏิบัติตามขั้นตอนของการแจ้งปัญหา เช่น แจ้งให้หัวหน้า ผู้รับผิดชอบงานทราบ