ตัวหล่อนเองก็ออกมาร้องห่มร้องไห้สารภาพว่า เธอเคยแต่งงานมาแล้วจริงๆ แต่ทว่าประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่การแต่งหรือไม่
"แต่งงาน" นะสิครับ
เรื่องนี้ผมทราบดีเพราะผมเองเคยรู้จักกับคุณหมอท่านหนึ่งที่เคยทํางานที่นครปฐมเมื่อ
20 ปีก่อน ท่านเคยมาบ่นให้ผมฟังว่า ทุกๆปีคณะกรรมการประกวดสาวงาม ประจําจังหวัดจะต้องเรียกตัว
คุณหมอไปเพื่อ "ตรวจหาตําหนิ" ที่อาจมีบนร่างของผู้ประกวดทุกคนเพื่อความแน่ใจ
แล้วข้อ"ตําหนิ" ที่ว่านี้ไม่ใช่ ประเด็นเรื่องการแต่งงานแน่ๆครับ
มันต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับร่างกาย และอวัยวะบางส่วนที่ สายตาอันเชี่ยวชาญของหมอเท่านั้นจะมีโอกาสได้สํารวจ
ครับ ประเด็นที่ทําให้ผูุ้็คนบ้าคลั่งกันทั้งเมืองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
มันอยู่ที่ พรหมจารีย์
เรื่องนี้ไม่ได้เป็นกันแต่เฉพาะในบ้านเรา แต่เป็นเรื่องที่แพร่หลายกันทั่วโลกทีเดียว
ในสหรัฐอเมริกานี้ก็มีกลุ่มชาวคริตส์หลายกลุ่มที่ยังห้าม การมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานกันอยู่เป็นจํานวนมาก
แม้หนัง Hollywood จะสร้างภาพในท่านเห็นว่าเซ็กซ์เป็นวิถีชีวิตของคนหนุ่มสาวมะกันก็ตาม
การที่ดาราหนัง Britney Spears ต้องออกมาเปิดเผยว่าตนมิได้เป็นพรหมจารีย์อย่างที่แฟนๆคาดเอาไว้
ก็เป็นการชี้ให้เห็นว่าในสังคมมะกันนั้นลึกๆแล้วยังมีพวกอนุรักษนิยมอยู่มากพอสมควร
แล้วยิ่งคนที่มีฐานะ"สูง"ในสังคมเท่าไร ก็ยิ่งจะต้องระวังมิให้เสียพรหมจารีย์เท่านั้นไม่ว่าจะอยู่ในสังคมไหนก็ตาม
เออ....แล้วทําไมมนุษย์เราจึงหมกมุ่นอยู่กับเรื่อง พรหมจารีย์ ของฝ่ายหญิงนักเล่า
เรื่องนี้เราต้องมองให้กว้างออกไปถึงสัตว์พวก Primates (มนุษย์และลิงทั้งหลาย)
ในบรรดาสัตว์ Primates ทั้งหลายนั้นทําไมมีแต่มนุษย์เล่าที่เน้น พรหมจารีย์
หรือมันมีบทบาทบางอย่างในวิวัฒนาการและการสืบพันธุ์
จริงๆแล้วสัตว์จําพวก Primates นั้นก็มีหน้าที่หลักๆทางธรรมชาติือยู่ไม่เกิน
3 อย่างหรอกครับ
1 รักษาถิ่นฐานของตน
2 รักษาทรัพยากรของตน
3 สืบพันธุ์
เรามาลองดูสัตว์ตัวผู้ที่ประสบความสําเร็จใน 3 อย่างดังที่กล่าวมาแล้วกันดีกว่า
ตัวแรกที่จะกล่าวถึงนั้นคือ Chingiz Khan (สมัย 1200s ACE) ผู้ี่สามารถสร้างถิ่นฐานของตนได้อย่างมหาศาล
แล้วยังสามารถถ่ายทอดอาณาจักรของตนให้ลูกชาย Ogedei ได้เสียอีก สมบัติ (ทวีปเอเซีย)
ทั้งหมดของ Chingiz Khan ก็ตกไปอยู่ที่ลูกชายของเขา นับเป็นการสืบพันธุ์และถายทอดถิ่นฐาน
ทรัพยากร ที่ใหญ่หลวงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Primates ทีเดียว
ในขณะเดียวกันกษัตริย์ราชวงศ์ชินผู้หนึ่ง ได้รับภรรยามาเป็นเป็นของขวัญ แต่หาได้รู้ไม่ว่าภรรยาของตนที่ได้รับมานั้นตั้งครรภ์มากับผู้อื่นแล้ว
ตํานานจีนได้บันทึกไว้ว่าบิดาของเด็กในครรภ์นั้น คือที่ปรึกษาของกษัตริย์นั่นเอง
เด็กในครรภ์ผู้นั้นคือ ชินซี ฮ้องเต้ (200s BCE) ซึ่งไม่ได้มีเชื้อของกษัตริย์เลยแม้แต่น้อย
หากแต่จะเป็นกษัตริย์ได้ด้วยความบังเอิญ บังเอิญที่ไม่มีใครใส่ใจว่าหญิงที่มาเป็นภรรยาของกษัตริย์ราชวงศ์ชินนั้นเป็น
พรหมจารีย์ หรือไม่
ใช่ครับ มันหมายความว่า ถ้าสัตว์ตัวผู้อยากที่จะแน่ใจว่าลูกที่อยู่ในท้องของสัตว์ตัวเมียนั้นเป็นของตนจริงๆละก้อ
มันคงจะต้องเลือกสัตว์ตัวเมียที่เป็นพรหมจารีย์ไว้ก่อน
การที่สัตว์ตัวผู้จะต้องเป็นพรหมจารีย์นั้น ไม่ใช่ประเด็นที่สําคัญสําหรับการสืบพันธุ์ของสัตว์ตัวเมีย
เพราะไม่ว่าบิดาของเด็กในครรภ์นั้นจะเป็นใครก็ตาม 1/2 ของเด็กในครรภ์นั้นยังไงก็ต้องมีเชื้อของสัตว์ตัวเมียผู้ตั้งครรภ์อยู่ดี
การสร้างวัฒนธรรมสังคมที่เน้น พรหมจารีย์นั้น จึงเป็นการกระทําของสัตว์ตัวผู้
เพื่อสืบทอดทรัพย์สมบัติของตนไปให้ลูก
ในฐานะสัตว์ด้วยกัน บ้างครั้งผมยังคิดอิจฉาลิงมันเลย ไม่มีสมบัติให้ห่วง
ไม่มีพรหมจารีย์ให้เสีย ถ้ามีสมบัติเยอะแล้วอยากจะกุมมันเอาไว้ อยากจะเก็บมันไว้ให้ลูกก็ดีหรอกครับ
แต่ขออย่าไปยึดกับเทคโนโลยีล้าสมัยอย่าง "พรหมจารีย์" เลย ใช้ตรวจลูกกันด้วย
DNA ไม่ชัดและแน่นอนกว่าหรือ และที่สําคัญที่สุดก็คือ สัตว์ตัวผู้ที่มีเกียรติอย่างเราน่ะ
อย่าไปหมกมุ่นอยู่กับสถานภาพของอวัยวะบางส่วนของสัตว์ตัวเมีย ให้มันเสียหน้าเสียเวลาเลย
เรื่องของเขา เราไปเสือกทําไม
|