ดอกของมะม่วง (Mangifera indica Linn .) พันธุ์แก้วและพันธุ์อกร่อง
ลิ้นจี่ (Litchi chinensis Sonn.) พันธุ์ฮงฮวยและพันธุ์ฮงเฮียะ ลำไย
(Euphoria longana Lam .) พันธุ์ดอ พันธุ์เบี้ยวเขียวและพันธุ์แห้ว
ที่สวนในจังหวัดลำพูน จะเริ่มบานเวลา 6.00 - 7.30 น. ช่วงเวลาการบานของดอกย่อยในช่อของไม้ผลทั้ง
7 พันธุ์ อยู่ระหว่าง 12 - 19 วัน อับละอองเกสรเริ่มแตกหลังจากดอกบานแล้ว
2 ชั่วโมง 50 นาที - 4 ชั่วโมง 20 นาที และมีลักษณะการแตกตามยาว
รูปร่างของละอองเกสรพบอยู่ 2 แบบ ละอองเกสรของมะม่วงมีรูปร่างแบบกรวยรี
ปลายแหลมมุมทู่ ส่วนละอองเกสรของลิ้นจี่และลำไยมีรูปร่างแบบกรวยรีปลายตัดมุมทู่
ละอองเกสรของไม้ผลเหล่านี้มีขนาดแตกต่างกันทั้งด้านยาว และด้านกว้าง
ลวดลายบนผนังชั้นเอกซีนของเกสรมะม่วงเป็นแบบร่างแห ส่วนละอองเกสรของลิ้นจี่และลำไยมีลวดลายแบบกลุ่มเส้นขนาน
ละอองเกสรทั้งหมดที่ช่องเปิดแบบคอลเพตและมีจำนวน 3 ช่องเปิด ที่ผนังชั้นเอกซีนจะมีช่องเปอร์ฟอเรชันยกเว้นละอองเกสรของลิ้นจี่พันธุ์ฮงฮวย
ละอองเกสรของพืชทั้ง 7 พันธุ์ จะมีผนังชั้นเอกซีนหนากว่าชั้นอินทีน
และผนังชั้นเอกซีนจะเป็นแบบเทคเตต
ที่ยอดเกสรตัวเมียของไม้ผล ทั้ง 7 พันธุ์ จะไม่ผลิตน้ำตาลที่เป็นซูโครสกลูโคส
หรือฟรุกโตสขึ้นมา เมื่อตรวจสอบการงอกของละอองเกสรในห้องปฏิบัติการพบว่า
ละอองเกสรจะงอกได้ดีในสารละลายซูโครส และมีเดียมที่เป็นวุ้น มะม่วงมีดอกอยู่
2 ชนิด คือดอกเพศผู้และดอกสมบูรณ์เพศ ละอองเกสรจากดอกเพศผู้และดอกสมบูรณ์เพศมีเปอร์เซ็นต์การงอกใกล้เคียงกัน
สำหรับลิ้นจี่และลำไยมีดอกอยู่ 3 ชนิด คือ ดอกเพศผู้ ดอกเพศเมียและดอกสมบูรณ์เพศ
ละอองเกสรจากดอกเพศผู้มีเปอร์เซ็นต์การงอกสูงกว่าละอองเกสรของดอกสมบูรณ์เพศ
ส่วนละอองเกสรที่เป็นส่วนประกอบในดอกเพศเมียจะไม่มีการงอกเลย
เมื่อนำละอองเกสรของไม้ผลทั้ง 7 พันธุ์ มาตรวจสอบการงอก พบว่ามีเปอร์เซ็นต์การงอกสูงหลังจากอับละอองแตกแล้วไม่เกิน
6 ชั่วโมง ความมีชีวิตของละอองเกสรมะม่วงจะดีที่สุด เมื่อเก็บรักษาภายใต้อุณหภูมิ
10 องศาเซลเซียส ระดับความชื้นสูง ส่วนละอองเกสรของเกสรลิ้นจี่และลำไยจะเก็บรักษาได้ดีที่
4 องศาเซลเซียส ระดับความชื้นต่ำลำไยมีเปอร์เซ็นต์การติดผลสูงที่สุด
รองลงมาได้แก่ มะม่วง และลิ้นจี่ ตามลำดับ
|