ชื่อเรื่องไทย การพัฒนาและการเจริญของผลลำไย 7 สายพันธุ์ที่ปลูกจากเมล็ด  
ชื่อเรื่องอังกฤษ Friut Growth and Development of 7 Longan Cultivars Grown from Seeds  
ผู้แต่ง ปาริชาติ ศีลสัตย์ และอาริสา หล้าหา  
สาขาวิจัย วิทยาศาสตรบัณฑิต  
สถาบัน สาขาวิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  
ปีที่พิมพ์ 2533  
ประเภท พันธุ์  
บทคัดย่อ
การศึกษาการพัฒนาและการเจริญของผลลำไยซึ่งปลูกจากเมล็ด ใช้ต้นลำไย 7 สายพันธุ์พื้นเมือง, อีดอ, เบี้ยวเขียว, แห้ว, กะโหลกใบดำ และชมภู พันธุ์ละ 2 ต้น อายุ 7 ปี ทำการศึกษาตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม 2533 โดยเก็บผลลำไยจากต้นลำไยทั้งหมดต้นละ 10 ผล นำมาบันทึกข้อมูลต่างๆ ไว้ โดยจะบันทึกทุกสัปดาห์เป็นเวลา 9 สัปดาห์ ผลการศึกษา พบว่า ลำไยพันธุ์เบี้ยวเขียวมีเปอร์เซนต์น้ำตาลในเนื้อมากที่สุดซึ่งเท่ากับ 25. 37 % และพันธุ์อีดอมีเปอร์เซ็นต์น้ำตาลในเนื้อน้อยที่สุดซึ่งเท่ากับ 16. 50 % น้ำหนักเฉลี่ยต่อผลพันธุ์พื้นเมืองมีค่าสูงสุดซึ่งเท่ากับ 11.38 กรัม พันธุ์อีดอมีค่าต่ำสุดซึ่งเท่ากับ 6.96 กรัม ลำไยพันธุ์พื้นเมืองมีน้ำหนักเนื้อเฉลี่ยต่อผลโดยสูงสุดเท่ากับ 11.38 กรัม พันธุ์ที่ต่ำที่สุดคือ พันธุ์อีดอซึ่งเท่ากับ 3.69 กรัม น้ำหนักเมล็ดเฉลี่ยต่อผลพันธุ์ชมพูสูงสุด คือ พันธุ์พื้นเมือง หนัก 2.29 กรัม ส่วนพันธุ์อีดอหนักน้อยที่สุดคือ 1.43 กรัม น้ำหนักเปลือกเฉลี่ยต่อผลพันธุ์ชมพูเท่ากับ 3.11 กรัม พันธุ์แห้วต่ำสุดเท่ากับ 1.92 กรัม ความหนาเนื้อของลำไยพันธุ์พื้นเมืองมีค่าสูงสุดเท่ากับ 0.55 เซนติเมตร ส่วนพันธุ์อีดอมีค่าต่ำสุดเท่ากับ 0.29 เซนติเมตร และขนาดความกว้างเฉลี่ยของผลพันธุ์พื้นเมืองกว้างที่สุดเท่ากับ 3.30 เซนติเมตร พันธุ์อีดอต่ำที่สุด เท่ากับ 2.36 เซนติเมตร และการพัฒนาของผลจะมีความสัมพันธ์กัน กล่าวคือ เปอร์เซ็นต์น้ำตาลจะถึงจุดสูงสุดก่อนเมล็ดจะพัฒนาถึงจุดสูงสุด และการพัฒนาของน้ำหนักเปลือก, น้ำหนักเนื้อ, ความหนาเนื้อจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ จะเพิ่มขึ้นในช่วงแรก แล้วจะลดลงในช่วงหลัง ส่วนขนาดความกว้างของผลมีการพัฒนาค่อนข้างน้อย