จากการส่งตัวอย่างไรสี่ขาศัตรูสำคัญของลำไยไปวิเคราะห์ชื่อวิทยาศาสตร์
ผลปรากฏว่ามีชื่อ Aceria dimocarpi (Kuang)ซึ่งไม่เคยพบมีรายงานชื่ไรชนิดนี้ในประเทศไทยมาก่อนการศึกษาวงจรชีวิตของไร
A. dimocarpi บนต้นกล้าลำไยอายุ 12 วัน ในห้องปฏิบัติการที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย
25.05 ?0.24 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมผัส 68.23?0.93 เปอร์เซ็นต์
พบว่าระยะการเจริญเติบโตของไร A. dimocarpi มี4 ระยะ คือ
ระยะไข่ ตัวอ่อนระยะที่ 1 ตัวอ่อนระยะที่ 2 และตัวเต็มวัย ระยะไข่เฉลี่ย
2.88 ? 0.02 วัน ตัวอ่อนระยะที่ 1 เฉลี่ย 0.94 ? 0.02 วัน ตัวอ่อนระยะที่
2 เฉลี่ย 0.76 ? 0.03 วัน โดยมีการพักตัวครั้งที่ 1 และครั้งที่
2 เฉลี่ย 0.69 ? 0.01 วัน และ 0.85 ? 0.04 วัน ตามลำดับ ระยะก่อนการวางไข่
2.43 ? 0.17 วัน ตัวเมียวางไข่เฉลี่ยวันละ 0.91 ฟอง ตลอดอายุขัยตัวเมีย
1 ตัววางไข่ได้เฉลี่ย 2.71 ? 0.04 ฟอง อัตราการฟักไข่ประมาณ 68 เปอร์เซ็นต์
ตัวเต็มวัยมีอายุนาน 5.14 ? 0.33 วัน อัตราการอยู่รอดจากตัวอ่อนระยะที่
1 จนกระทั่งเป็นตัวเต็มวัย 34 เปอร์เซ็นต์
การศึกษาจำนวนประชากรของไรสี่ขาในฤดูกาลต่างๆ ตลอดทั้งปีจากสวนลำไยของเกษตรกรจำนวน
4 สวน ในจังหวัดเชียงและลำพูน พบปริมาณไรสูงที่สุดในระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน
ซึ่งเป็นระยะที่ดอกลำไยบานและเริ่มติดผล โดยที่จำนวนไรที่นับได้บนใบมีประมาณ
20-257 ตัวต่อใบ ในเดือนพฤษภาคมประชากรไรลดลง 0-14 ตัวต่อใบ ในระยะที่ลำไยแทงช่อใบในเดือนกรกฎาคมพบไรจำนวนประมาณ
14-147 ตัวต่อใบ และปริมาณไรเพิ่มขึ้นอีกครั้งช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน
ประมาณ 0-40 ตัวต่อใบ ซึ่งเป็นระยะที่ลำไยแทงช่อใบอ่อนอีกครั้งหนึ่ง
และเมื่อนำจำนวนไรต่อใบมาหาความสัมพันธ์กับอุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์
และปริมาณน้ำฝน พบว่าอุณหภูมิไม่มีอิทธิพลต่อจำนวนประชากรของไรทุกสวนที่ทำการทดลอง
สำหรับความชื้นสัมพัทธ์และปริมาณน้ำฝนมีอิทธิพลต่อจำนวนประชากรของไรเพียงเล็กน้อยและพบเฉพาะบางสวนเท่านั้น
จากการนำช่อใบและช่อดอกจากต้นลำไยพันธุ์ดอที่แสดวอาการม้วนหงิกจากสวน
4 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูนไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ พบว่าสาเหตุอาการผิดปกติเกิดจากไรสี่ขา
(A. dimocarpi) ซึ่งเข้าทำลายโดยดูดกินเนื้อเยื่อของใบอ่อนทำให้ใบมีขนาดเล็กใบบอดเป็นเกลียวขอบใบม้วนลงด้านล่างบางครั้งม้วนขึ้นด้านบน
ใต้ใบและบนใบมีขนละเอียดสีเขียวอ่อน()ปกคลุม บริเวณก้านช่อใบแตกพุ่มเป็นกระจุก
ในระยะแทงช่อดอกพบว่าก้านช่อดอกที่ถูกไรชนิดนี้เข้าทำลายมีอาการแตกกระจุกเป็นพุ่มไม้กวาดมีข้อปล้องสั้น
เมื่อทำการวัดความเสียหายบนช่อใบและช่อดอกในพื้นที่ 1 ตารางเมตรของทรงพุ่มทุกทิศ
พบว่าช่อใบและช่อดอกถูกไรเข้าทำลายตั้งแต่ 1-27 เปอร์เซ็นต์ใน 4
พื้นที่ ของสวนลำไยที่สำรวจ ความเสียหายกระจายไม่แตกต่างกันทุกทิศ
ยกเว้นที่สวนเหมืองง่าเฉพาะในเดือนตุลาคม ความเสียหายบนช่อใบพบมากทางทิศตะวันออกและทิศใต้ของทรงพุ่ม
และเมื่อนำจำนวนไรต่อใบมาหาความสัมพันธ์กับเปอร์เซ็นต์ความเสียหายของช่อใบและช่อดอกที่ถูกทำลายพบว่ไม่มีความสัมพันธ์กัน
ในเดือนเมษยนทำการนับช่อดอกลำไยพันธ์ดอที่ถูกไรเข้าทำลายทุกช่อทั่วต้นทุกทิศ
จากสวนลำไย 4 สวน พบไรเข้าทำลาย 9-42 ช่อต่อต้น
เมื่อทำการเปรียบเทียบผลผลิต ระหว่างช่อดอกที่ม้วนหงิกสาเหตุจากไรและช่อปกติ
พบว่าช่อดอกที่ถูกไรเข้าทำลายไม่ติดผล หรือติดผลน้อย มีจำนวนเฉลี่ย
2-3 ผลต่อช่อขณะที่ช่อดอกปกติให้ผลประมาณ 16-22 ผลต่อช่อ
ไรศัตรูธรรมชาติที่พบจากช่อใบและช่อดอกลำไยใน Berlese funnel ของทั้ง
4 สวน พบไรตัวห้ำ จำนวนน้อยเพียง 2 ชนิด Amblyseius paraaerialis
Muma และ Phytoseius hawaiiensis Prasad ซึ่งเป็นไรในวงศ์ Phytoseiidae
และพบปริมาณไรตัวห้ำมีมากที่สุดในเดือนมีนาคมเฉลี่ย 805 ตัวจากช่อดอก
31 ช่อ
|