ปัจจุบันเกษตรกรใช้โพแทสเซียมคลอเรตในการเร่งผลผลิตลำไยซึ่งให้ผลดี
แต่ยังไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับผลการตกค้างในเนื้อลำไยและในดิน ในการทดลองนี้ใช้วิธีการทางสเปกโทรโฟโตเมตรี(ความไว
0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร) วิเคราะห์หาคลอเรตในเนื้อลำไย โดยทำปฏิกิริยากับน้ำแป้งที่มีโพแทสเซียมไอโอไดด์มากเกินพอ
และกรดซัลฟูริก วัดค่าการดูดกลืนแสงที่ 560 นาโนเมตร พบคลอเรต 1.99
X 10 -5 กรัมต่อกรัมของเนื้อลำไยสด การวิเคราะห์หาคลอไรด์ในเนื้อลำไยโดยทำปฏิกิริยาเฟอรริกแอมโมเนียซัลเฟตในกรดไนตริก
และเมอร์คิวริกไธโอไซยาเนตอิ่มตัววัดค่าการดูดกลืนแสงที่ 460 นาโนเมตร
พบคลอไรด์ 4.84 X 10 -4 กรัมต่อกรัมของเนื้อลำไย เมื่อเติมโพแทสเซียมคลอเรตลงในน้ำลำไย
วิเคราะห์หาปริมาณคลอเรตได้ต่ำกว่าความจริงมากและเมื่อเติมโพแทสเซียมคลอเรตลงในน้ำลำไยแล้ววิเคราะห์หาคลอไรด์
พบว่ามีคลอไรด์เพิ่มขึ้นแสดงว่าคลอเรตสามารถทำปฏิกิริยากับน้ำลำไยได้คลอไรด์ไอออน
เมื่อเติมโพแทสเซียมคลอเรตลงในดินใต้ต้นลำไย แล้วนำดินมาวิเคราะห์พบว่าคลอเรตมีแนวโน้มลดลงแต่น้อยมากในช่วง
2 เดือน แต่เมื่อนำดินมาใส่กระถางกันน้ำรั่วออกพบว่าคลอเรตมีแนวโน้มลดลงมากในช่วง
1 เดือน โพแทสเซียมคลอเรตที่ซื้อมาจากร้านค้าพบว่ามี คลอเรต 98.53
% เมื่อวิเคราะห์หาน้ำตาลรีดิวซิ่งในน้ำลำไยกับสารละลายเบเนดิกต์
พบว่ามีน้ำตาลรีดิวซิ่ง 16.62 มิลลิกรัมต่อกรัมของเนื้อลำไย
|