ในงานครั้งนี้ ได้พัฒนาเครื่องลดความชื้นแบบสลับทิศทางลมร้อนขึ้นใหม่
เพื่อใช้ในการอบลำไยทั้งเปลือก เครื่องลดความชื้นที่พัฒนาขึ้นนี้
จะช่วยแก้ปัญหา ความชื้นของลำไยไม่สม่ำเสมอหลังการอบ และการต้องใช้แรงงานในการกลับลำไย
ตลอดจนการแตกบิดเบี้ยวเสียรูปทรงระหว่างการลดความชื้นให้หมดไปได้
นอกจากนั้นได้ศึกษาปัจจัยเกี่ยวกับขนาดของผลลำไย ความลึกในการอบ
และช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมในการสลับลมร้อนโดยใช้เครื่องที่พัฒนาขึ้นนี้
ผลการทดลองพบว่า ลำไยขนาดใหญ่ (เกรด A) จะใช้ระยะเวลาในการอบมากกว่าลำไยเกรด
B ที่มีขนาดเล็กกว่า ดังนั้นในการอบลำไย ถ้าต้องการความชื้นสม่ำเสมอทั่วกันในการอบแต่ละชุดควรมีการคัดขนาดลำไยเสียก่อน
มิฉะนั้นความชื้นสุดท้ายที่ได้ของลำไยที่มีขนาดผลต่างกันจะไม่เท่ากัน
จากการศึกษาผลของความลึกในการลดความชื้นพบว่า ในช่วงแรกของการลดความชื้น
ลำไยชั้นล่างจะมีความชื้นลดลงเร็วกว่าชั้นกลางและชั้นบน อย่างไรก็ตาม
เมื่อสิ้นสุดการทดลอง ความชื้นสุดท้ายของลำไยทั้ง 3 ชั้นไม่แตกต่างกันทางสถิติ
และในการอบด้วยชั้นหนา 60 เซนติเมตร ให้ผลไม่แตกต่างกับการอบที่ความหนา
40 เซนติเมตร ดังนั้นในทางปฏิบัติสามารถลดความชื้นลำไยด้วยความหนา
60 เซนติเมตร ต่อไปเช่นเดิมดังที่เกษตรกรเคยปฏิบัติมา
สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสลับลมร้อน พบว่า การกลับลมถี่ให้ผลในการลดความชื้นดีกว่าการสลับลมห่าง
นั่นคือการสลับลมทุก 6 ชั่วโมงให้ผลดีกว่าการสลับลมทุก 9 และ 12
ชั่วโมง เนื่องจากการลดความชื้นของลำไยจะสม่ำเสมอทั่วทั้งหมดมากกว่า
ในด้านคุณภาพของลำไยหลังการลดความชื้นในเรื่องสีลักษณะปรากฏ และความแข็งกรอบของเมล็ดตลอดจนการยอมรับโดยรวม
พบว่า ลำไยที่ลดความชื้นด้วยวิธีสลับลมร้อน มีคุณภาพไม่แตกต่างจากลำไยที่ลดความชื้นด้วยวิธีกลับผลลำไยจากบนลงล่างที่เกษตรกรใช้อยู่ในปัจจุบัน
และไม่มีการแตกหรือบิดเบี้ยวของผลลำไยอีกด้วย ดังนั้นการเครื่องลดความชื้นแบบสลับลมร้อนที่พัฒนาขึ้น
จึงช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ในการลดความชื้นลำไยได้สมตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
|