เหตุฟ้องหย่า
เพราะสมัครใจแยกกันอยู่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1516 (4/2)
วางหลักกฎหมายไว้ว่า
สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้
โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี
หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งศาลเป็นเวลาเกินสามปี
ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
สามีภริยาแยกกันอยู่นานเท่าใดจึงจะฟ้องหย่าได้
และมีองค์ประกอบอย่างใดบ้าง
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยเป็นคำพิพากษาศาลฎีกาไว้ดังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
1762/2542
การที่จำเลยไม่ได้อยู่กับโจทก์ฉันสามีภริยาที่ต่างประเทศ
เนื่องจากโจทก์ไม่ให้
ความยินยอมในการทำหนังสืออนุญาตเข้าประเทศ
(VISA) แก่จำเลย ต่อมา
เมื่อโจทก์กลับมารับราชการภายในประเทศ
โจทก์เป็นฝ่ายแยกไปอยู่ต่างหาก
กับน้องสาวของโจทก์เอง
ถือว่าโจทก์สมัครใจแยกกันอยู่กับจำเลยแต่ฝ่ายเดียว
แต่จำเลยไม่ได้สมัครใจแยกกันอยู่กับโจทก์
หาใช่กรณีที่โจทก์จำเลยสมัครใจ
แยกกันอยู่เพราะเหตุไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกิน
3 ปี
อันเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าตาม
ป.พ.พ.ม.1516 (4/2) แต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
4815/2539
โจทก์ออกจากบ้านที่ปลูกสร้างและอยู่กินกับจำเลยเพราะต้องการพาบิดาซึ่งเป็น
โรคหัวใจไปให้พ้นจากบิดาจำเลยซึ่งชอบดื่มสุราแล้วส่งเสียงดัง
โจทก์และจำเลย
เคยตกลงจะไปจดทะเบียนหย่าขาดจากกัน
แต่หย่าไม่ได้เพราะโจทก์ไม่มีเงิน
ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรแก่จำเลย
พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าโจทก์และจำเลย
สมัครใจแยกกันอยู่
เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุข
ตลอดมา
และการแยกกันอยู่ดังกล่าวเป็นเวลานับถึงวันฟ้องเกินสามปีแล้ว
โจทก์
จึงมีสิทธิฟ้องหย่าได้ตาม ป.พ.พ.
ม.1516 (4/2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
5196/2538
โจทก์กับจำเลยแยกกันอยู่มากว่า
3 ปี
แต่การแยกกันอยู่นั้นมิใช่ด้วยความสมัครใจ
ของจำเลย
เป็นเพียงความสมัครใจของโจทก์ฝ่ายเดียว
จึงหาทำให้เกิดสิทธิฟ้อง
หย่าของจำเลยตาม ป.พ.พ.ม.1516 (4/2)
ไม่
Thailegal
01/12/43
|