แพ่งและพาณิชย์

http:www.oocities.org/thailegal ศูนย์รวมความรู้ทางด้านกฎหมายไทย Update everyweek

<Home> <Webboard> <Guestbook> <Condition> <About Me>
 <
แพ่งและพาณิชย์> <อาญา> <วิธีพิจารณาความแพ่ง> <วิธีพิจารณาความอาญา> <คำคม>
 <
Education> <Legal Word> <Coffee Break><The Rule of Law>

 
รถกอล์ฟชนนักกอล์ฟ

เหตุเกิด ณ สนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง เมื่อโจทก์ซึ่งนักกอล์ฟเล่นกอล์ฟเสร็จ

ได้เข้าไปอาบน้ำที่คลับเฮาส์ ขณะเดินออกมาเพื่อจะขึ้นรถ ได้ยินเสียงข้างหลัง

พูดว่า "หยุด หยุด"  จากนั้นปรากฎว่าโจทก์ถูกรถกอล์ฟที่ขับโดยจำเลยที่ 1 ซึ่ง

เป็นแคคดี้ประจำสนามกอล์ฟดังกล่าว ขับมาทางที่รถวิ่งซึ่งตามธรรมดาเป็นทาง

คนเดินแล้วแหกโค้งมาชนและครูดโจทก์ไป ทำให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บที่เข่าซ้าย

แลหลังเท้าซ้าย โจทก์ไปรักษาตัวเบื้องต้นที่โรงพยาบาลเวชธานี เสียค่าใช้จ่ายไป

จำนวน 4,455 บาทโจทก์ทวงถามจากจำเลยทั้งสองแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่ยอม

ชำระ โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีต่อศาลขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน

564,455 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดเป็นต้นไป

จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นแคคดี้ขาดนัดยื่นคำให้การและไม่มาศาลในวันนัด

พิจารณา ทำให้ขาดนัดพิจารณา

            ส่วนจำเลยที่ 2 ในฐานะเจ้าของสนามกอล์ฟ ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็น

ลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 เหตุละเมิดเกิดจากโจทก์วิ่งตัดหน้ารถคันเกิดเหตุ

โจทก์จึงประมาทเอง โจทก์ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ในระหว่างรักษาโจทก์ยังคง

ปฏิบัติงานได้ตามปกติ จึงไม่ทำให้ขาดรายได้และไม่มีสิทธิเรียกค่าเสื่อมสภาพต่อ

ร่างกาย ขอให้ยกฟ้อง

            ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน

384,455 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 มกราคม

2538 อันเป็นวันเกิดเหตุเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

            จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษายืนตามคำพิพากษา

ศาลชั้นต้น

            จำเลยที่ 2 ยังไม่พอใจคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยื่นฎีกาต่อ

            ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว แยกพิจารณาออกเป็นสองประเด็น

            ประเด็นแรก พิจารณาเรื่องว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะแคคดี้กระทำละเมิดต่อ

โจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่าโจทก์มีตัวโจทก์และภริยาโจทก์ซึ่งเป็น

ประจักษ์พยานเบิกความยืนยันตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 1 ไม่มาศาลและไม่สืบพยาน

 ส่วนจำเลยที่ 2 คงมีแต่เพียงพยานบุคคลซึ่งไม่เห็นเหตุการณ์เบิกความถึงรูปถ่าย

และแบบจำลองที่เกิดเหตุ จึงเลื่อนลอยไม่มีน้ำหนัก ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าความเสียหาย

ที่โจทก์ได้รับมิได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของโจทก์เองหรือโจทก์มีส่วนร่วมกระทำ

ประมาทอยู่ด้วยแต่เป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 โดยตรงตามที่โจทก์

นำสืบ จำเลยที่ 1จึงเป็นผู้กระทำละเมิดต่อโจทก์

            ประเด็นที่สอง พิจารณาเรื่องว่า จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 หรือ

ไม่ ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า

            ก. จำเลยที่ 1 ทำงานเป็นแคคดี้อยู่ในสนามกอล์ฟของจำเลยที่ 2

            ข.  จำเลยที่ 1 แคคดี้จะทำงานในสนามกอล์ฟได้ จะต้องได้รับอนุญาตจาก

จำเลยที่ 2 ก่อน หากแคคดี้ทำผิด จำเลยที่ 2 สามารถลงโทษไล่ออกได้

            ค.  ผู้เล่นกอล์ฟจะต้องซื้อบัตรเล่นกอล์ฟ เพื่อนำตั๋วอีกแผ่นหนึ่งมอบให้แคคดี้

เพื่อบริการผู้เล่นกอล์ฟ แคคดี้จะนำตั๋วดังกล่าวมาขึ้นเงินจากจำเลยที่ 2 หากผู้เล่น

กอล์ฟต้องการแคคดี้ 2 คน ก็ต้องซื้อตั๋วเพิ่ม

              แสดงว่า แคคดี้จะทำงานในสนามกอล์ฟของจำเลยที่ 2 ได้จะต้องได้รับ

อนุญาตจากจำเลยที่ 2  โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้จ่ายค่าบริการให้แก่แคคดี้ จำเลยที่ 1

 ในฐานะ แคคดี้จึงเป็นตัวแทนในด้านบริการผู้เล่นกอล์ฟแทนจำเลยที่ 2 ส่วนที

่จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่ารถคันที่เกิดเหตุเป็นของผู้อื่นที่นำมาให้ผู้เล่นกอล์ฟใช้

 โดยจำเลยที่ 2 อนุญาต และได้รับส่วนแบ่งเป็นค่าเช่า แม้ว่ารถกอล์ฟจะไม่ใช่

ของจำเลยที่ 2 แต่รถกอล์ฟก็อยู่ในสนามของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ก็ได้รับ

ส่วนแบ่งเป็นประโยชน์ จึงถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ครอบครองดูแลรถกอล์ฟคันที่

เกิดเหตุ

            พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ขับรถกอล์ฟคันเกิดเหตุแม้จะมิใช่หน้าที่โดยตรงของ

จำเลยที่ 1 แต่ก็ถือได้ว่าเป็นหน้าที่ส่วนหนึ่งที่จำเลยที่ 2 มอบหมายเช่นเดียวกับการ

ถอนวัชพืช จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในส่วนนี้โดยปริยายตาม

วัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 2 ในด้านบริการแก่ผู้เล่นกอล์ฟ จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวการ

จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด ซึ่งจำเลยที่ 1 ในฐานะตัวแทนได้กระทำการไป

ในขอบอำนาจแห่งตัวแทนของจำเลยที่ 2....

            ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น เป็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5545/2542

 

บทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

            ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420,427

            มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย

ให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สิน หรือสิทธิ

อย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิด จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

             มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้

กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น

            มาตรา 426 นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอก เพื่อ

ละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น

             มาตรา 427 บทบัญญัติในมาตราทั้งสองก่อนนั้น ท่านให้ใช้บังคับแก่ตัวการ

และตัวแทนด้วย โดยอนุโลม

 

Webmaster : Thailegal
more information,contact : thailegal@yahoo.com
Copyright(c)2000,Thailegal,All Right Reserved