แคชเชียร์เช็คเด้ง
เหตุเกิดอันเนื่องมาจาก
มีลูกค้าจำนวน 3 คน
ร่วมกันไปกู้ยืมเงินจาก
ธนาคารแห่งหนึ่ง
แล้วธนาคารอนุมัติและได้สั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คจ่ายให้ลูกค้า
คนหนึ่งไปจำนวน
406,000 บาท
ต่อมาลูกค้าคนดังกล่าวมีหนังสือแจ้งให้
ธนาคารระงับการจ่ายเงินโดยอ้างว่าแคชเชียร์เช็คถูกชิงทรัพย์ไป
และขอให้
ออกแคชเชียร์เช็คฉบับใหม่ให้
ธนาคารจึงออกแคชเชียร์เช็คให้ลูกค้าใหม่
ต่อมาโจทก์นำแคชเชียร์เช็คฉบับแรกไปเรียกเก็บเงิน
ธนาคารได้ปฏิเสธ
การจ่ายเงิน
โจทก์ฟ้องธนาคารเป็นจำเลยที่
1
และลูกค้าที่รับเช็คไปเป็นจำเลยที่
2
และที่
3
ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
เป็นเงิน
407,334
บาท
จำเลยทั้งสามให้การให้ทำนองเดียวกันว่า
ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน
406,000
บาท
พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ
7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 8
กรกฎาคม
2539
เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว
ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกา
ของจำเลยที่
1 มีว่า จำเลยที่ 1
ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า เช็ค
พิพาทเป็นแคชเชียร์เช็คที่ธนาคารจำเลยที่
1 เป็นผู้สั่งจ่าย
หาใช่ผู้เคยค้าสั่งจ่าย
เช็คพิพาทมาเบิกเงินจากธนาคารจำเลยที่
1 ไม่ จำเลยที่
1 จะยกเอาข้อต่อสู้ที่
ว่าจำเลยที่
2
มีคำบอกกล่าวว่าเช็คพิพาทถูกชิงทรัพย์ไปตาม
ป.พ.พ. มาตรา
991(3),992(1)
มายกเว้นความรับผิดของตนต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คหาได้
ไม่
เมื่อมาตรา 900
วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า
"บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงิน
ย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น"
ฉะนั้นจำเลยที่ 1
ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่าย
แคชเชียร์เช็คพิพาท
จึงต้องผูกพันตนเป็นลูกหนี้ชั้นต้นที่จะต้องจ่ายเงินตามเช็ค
ให้แก่ผู้ทรงเช็ค
เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงแคชเชียร์เช็คพิพาท
จึงฟ้องให้จำเลยที่ 1
รับผิดตามเช็คได้โดยตรง
จำเลยที่ 1
จะอ้างว่าได้ออกแคชเชียร์เช็คฉบับใหม่
ให้แก่จำเลยที่
2 ไปแล้ว
เพื่อปัดความรับผิดชอบต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงแคชเชียร์
เช็คพิพาทไม่ได้
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
เป็นคำพิพากษาศาลฎีกาที่
2201/2542
บทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 991
ธนาคารจำต้องใช้เงินตามเช็คซึ่งผู้เคยค้ากับธนาคารได้ออก
เบิกเงินแก่ตน
เว้นแต่ในกรณีดั่งกล่าวต่อไปนี้
คือ
(1)
ไม่มีเงินในบัญชีของผู้เคยค้าคนนั้นเป็นเจ้าหนี้พอจะจ่ายตามเช็คนั้น
หรือ
(2)
เช็คนั้นยื่นเพื่อให้ใช้เงินเมื่อพ้นเวลาหกเดือนนับแต่วันออกเช็ค
หรือ
(3)
ได้มีคำบอกกล่าวว่าเช็คนั้นหายหรือถูกลักไป
มาตรา 992
หน้าที่และอำนาจของธนาคารซึ่งจะใช้เงินตามเช็คอันเบิกแก่ตน
นั้น
ท่านว่าเป็นอันสิ้นสุดไปเมื่อกรณีเป็นดั่งจะกล่าวต่อไปนี้
คือ
(1)
มีคำบอกห้ามการใช้เงิน
(2)
รู้ว่าผู้สั่งจ่ายตาย
(3)
รู้ว่าศาลได้มีคำสั่งรักษาทรัพย์ชั่วคราวหรือคำสั่งให้ผู้สั่งจ่ายเป็นคน
ล้มละลาย
หรือได้มีประกาศโฆษณาคำสั่งเช่นนั้น
|