จงใจขาดนัด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ได้วางหลักกฎหมายเกี่ยวกับการขาดนัด
ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาไว้ว่า
ถ้าคู่ความฝ่ายที่ขาดนัดยื่นคำให้การมา
ศาลก่อนศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดี
และแจ้งต่อศาลในโอกาสแรกว่าตนประสงค์
จะต่อสู้คดี
เมื่อศาลเห็นว่าการขาดนัดยื่นคำให้การนั้นมิได้เป็นไปโดยจงใจหรือ
มีเหตุอันสมควร
ให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การภายในกำหนดเวลา
ตามที่ศาลเห็นสมควร
และดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตั้งแต่เวลาที่จำเลยขาด
นัดยื่นคำให้การ
แต่ถ้าศาลเห็นว่าการขาดนัดยื่นคำให้การนั้นเป็นไปโดยจงใจหรือไม่มีเหตุอัน
สมควร
ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
ส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยที่บ้าน
แต่ปรากฏว่าจำเลยอุปสมบทเป็นพระภิกษุและ
จำพรรษาที่วัด
เจ้าหน้าที่ศาลปิดหมายเรียกที่บ้าน
จำเลยไม่ยื่นคำให้การและ
ไม่มาศาล
จะถือว่าจงใจขาดนัดหรือไม่
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยเป็นคำพิพากษา
ศาลฎีกาที่ 767/2543 ว่า
ขณะที่เจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายเรียกและหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยทั้ง
สองครั้ง
จำเลยได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุและจำพรรษาอยู่ที่วัด
ซึ่งห่างจากบ้าน
จำเลยเพียงประมาณ 1
กิโลเมตร
การเดินทางไปมาสะดวก
ที่บ้านจำเลยมีภริยา
บุตรสาวและบุตรเขยของจำเลยอาศัยอยู่
ซึ่งบุคคลเหล่านี้มักไปทำบุญที่วัดดังกล่าว
เป็นประจำ
ทั้งในการส่งหมายให้แก่จำเลยทั้งสองครั้ง
เจ้าหน้าที่พบภริยาจำเลย
อยู่ที่บ้าน
แต่ภริยาจำเลยไม่ยอมรับหมายแทน
จึงได้ปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาล
แสดงว่าภริยาจำเลยทราบเรื่องการส่งหมายทั้งสองครั้งแล้ว
ซึ่งตามปกติวิสัยเรื่อง
ที่มีความสำคัญเช่นนี้
ภริยาจำเลยหรือบุคคลอื่นในบ้านย่อมต้องรีบแจ้งให้จำเลย
ทราบเรื่อง ดังนั้น
การที่จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การในกำหนดและไม่ได้ไปศาลตาม
วันเวลาที่นัดสืบพยานโจทก์โดยไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ
ย่อมถือได้ว่า
จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและจงใจขาดนัดพิจารณา
คดีจึงไม่มีเหตุให้
พิจารณาคดีใหม่และรับคำให้การของจำเลย
(คำพิพากษาศาลฎีกาของสำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ปี 2543 เล่ม 1 หน้า 148)
|