อำนาจฟ้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 55
วางหลักกฎหมายไว้ว่า
เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมายแพ่ง
หรือ
บุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาล
บุคคลนั้นชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่ง
ที่มีเขตอำนาจได้
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายแพ่งหรือประมวลกฎหมายนี้
มาตรา 1(11)
วางหลักกฎหมายไว้ว่า
คู่ความ
หมายความว่า
บุคคลผู้ยื่น
คำฟ้องหรือถูกฟ้องต่อศาล
และเพื่อประโยชน์แห่งการดำเนินกระบวนพิจารณา
ให้รวมถึงบุคคลผู้มีสิทธิกระทำแทนบุคคลนั้น
ๆ
ตามกฎหมายหรือในฐานะ
ทนายความ
ดังนั้น
ผู้ที่จะเป็นคู่ความฟ้องคดีได้ก็ต่อเมื่อผู้นั้นเป็นบุคคลตามกฎหมาย
กล่าวคือ
ต้องเป็นบุคคลธรรมดา
หรือนิติบุคคล
ตามกฎหมาย
ศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับวัดเป็นโจทก์ฟ้องคดีไว้
ใน คำพิพากษา
ศาลฎีกาที่
7490/2542 ว่า
วัดที่จะมีฐานะเป็นนิติบุคคลซึ่งหมายความรวมถึงวัดประเภทสำนักสงฆ์ด้วย
นั้น
หลังจากกรมการศาสนาออกหนังสืออนุญาตให้สร้างวัดแล้ว
ยังจะต้องมีการดำเนิน
การเพื่อขอตั้งเป็นวัดต่อนายอำเภอและผ่านขั้นตอนการพิจารณา
การปรึกษาและการ
รายงานการขอตั้งวัดโดยหน่วยราชการต่าง
ๆ ตามลำดับ
จนเมื่อมหาเถรสมาคม
พิจารณาเห็นชอบด้วยแล้ว
กระทรวงศึกษาธิการจึงจะประกาศตั้งเป็นวัดใน
ราชกิจจานุเบกษาได้
ดังนั้นวัดโจทก์แม้จะได้รับอนุญาตให้สร้างวัดแล้ว
แต่เมื่อยัง
ไม่ได้มีการดำเนินการเพื่อขอตั้งเป็นวัดและได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ตั้งวัด
ตามกฎหมาย
ย่อมถือว่าขณะยื่นฟ้อง
โจทก์เป็นวัดประเภทสำนักสงฆ์
ยังไม่มีฐานะ
เป็นนิติบุคคล
โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
(คำพิพากษาศาลฎีกาของสำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
เล่ม 12 หน้า 41)
|