|
ยาคุมฯป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์ไม่ได้
|
|
ภญ.อังกาบ เวสโกสิทธิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ได้มีผู้บริโภค
ร้องเรียนมาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) เกี่ยวกับโฆษณายาคุมกำเนิด
ยี่ห้อหนึ่งที่ทำให้เข้าใจผิดคิดว่า การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดจะช่วยฆ่าอสุจิได้
ในเรื่องดังกล่าว อ.ย. ขอชี้แจงว่า ยาเม็ดคุมกำเนิดไม่ได้มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้ออสุจิแต่อย่างใด
อีกทั้งยังไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพียงแต่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้
โดยผู้บริโภคต้องปฏิบัติตามวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้องตามที่ระบุไว้ในเอกสารกำกับยาอย่างเคร่ง
ครัด มิฉะนั้นจะไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้
ทั้งนี้ การโฆษณาที่ไม่ถูกต้องตามที่มีผู้ร้องเรียนดังกล่าว อ.ย.จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับผู้ที่เริ่มกินยาเม็ดคุมกำเนิดจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้หลังจากกินยาไปแล้ว
10 - 14 วัน ดังนั้นใน 2 สัปดาห์แรกจึงควรใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วย เช่น ใช้ถุงยาง
อนามัย
นอกจากยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดปกติดังกล่าวแล้ว ยังมียาคุมเม็ดกำเนิดอีกประเภทหนึ่งคือ
ยาเม็ดคุมกำเนิดหลังร่วมเพศหรือยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่งจัดเป็นยาอันตรายที่มักมีผู้นำ
ไปใช้อย่างผิดๆ โดยใช้ทุกครั้งหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อคุมกำเนิดซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ
เพราะยาดังกล่าวควรใช้ในกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเท่านั้น เช่นในสตรีที่ถูกข่มขืน
วิธีใช้ที่ถูกต้องคือ ต้องกินยา 2 เม็ด เม็ดแรกกินภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากมีเพศสัมพันธ์
ส่วนเม็ดที่ 2 ต้องกินหลังจากนั้นอีก 12 ชั่วโมง และใน 1 เดือนไม่ควรกินติดต่อกันมาก
เพราะหากใช้ซ้ำหลายครั้ง อาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้ ฉะนั้น ก่อนใช้ยานี้จึงควรปรึกษา
แพทย์ หรือเภสัชกรและอ่านเอกสารกำกับยาให้เข้าใจก่อนใช้
รองเลขาธิการอ.ย. ย้ำว่า วิธีคุมกำเนิดได้ดีที่สุด คือการใช้ถุงยางอนามัย เพราะนอกจากจะ
ป้องกันการตั้งครรภ์ที่ได้ผลดีแล้ว ยังป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะโรคเอดส์
ซึ่งเป็นมหันตภัยร้ายสำหรับมนุษยชาติที่ยังไม่มียารักษาให้หายได้
ที่มาข้อมูล: หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
อ่านข่าวอื่นประจำสัปดาห์นี้
ข้าวกล้อง - น้ำเต้าหู้ เมนู อาหารผู้ติดเชื้อเอดส์
สถานที่ทำงานทำให้เกิดความเครียด
เตือนผู้บริโภคเลี่ยงสมุนไพรไร้มาตรฐาน
ระวังข้อเอ็นไก่ หมูบด เนื้อแดดเดียว
อ.ย.พบสารร้าย "บอแรกซ์" เจือปน
|
|
ข่าวสุขภาพ
|