รถไฟขบวนที่ผมโดยสารไปเป็นขบวนรถนำเที่ยวซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยได้จัดนำเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญในช่วงวันหยุดเป็นการเฉพาะก่อนเดินทางผมได้โทรศัพท์ไปสอบถามรายละเอียดที่การรถไฟแห่งประเทศไทยหากท่านต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางสามารถโทร.ไปได้ที่หมายเลข
02-2237010 ผมใช้บริการจองตั๋วล่วงหน้า เพื่อจะได้มีหลักประกันว่า
จะมีที่นั่งให้สามารถโดยสารไปได้ การจองตั๋วไม่จำเป็นจะต้องไปจอง ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง
ซึ่งเป็นสถานีที่ขบวนรถออกโดยตรงแต่สามารถจองที่ไหนก็ได้ที่มีบริการจองแบบออนไลน์ค่าโดยสารคนละ200บาทเป็นรถปรับอากาศบริการแบบไปเช้าเย็นกลับ
ในวันเดินทางขอแนะนำว่าควรจะไปถึงสถานีที่จะขึ้นก่อนกำหนดเวลารถไฟออก
เวลา 07.30 น.สักเล็กน้อย เพื่อจะได้มีเวลาตรวจสอบตู้และที่นั่งโดยสารตามที่ได้จองเอาไว้
สำหรับท่านที่ไม่ได้เตรียมเสบียงไว้ก่อนจะได้หาซื้อได้ ซึ่งในบริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง
เดี๋ยวนี้มีร้านซูเปอร์มาร์เก็ตบริการ นับว่าสะดวก ส่งผลให้สถานีรถไฟหัวลำโพงซึ่งเมื่อก่อนมีความสกปรกไม่เป็นระเบียบ
แลดูสวยงานสะอาดขึ้นเยอะ หากไม่ต้องการซื้ออาหารที่สถานีรถไฟจะไปซื้อบนขบวนรถก็ได้
มีพนักงานเดินขายอาหารและเครื่องดื่มอยู่ตลอกเวลา สำหรับท่านที่มีประสบการณ์จากการนั่งรถไฟคงจะนึกภาพออกว่า
หากไม่จำเป็นจริงๆ อย่าไปซื้ออาหารบนรถไฟเพราะราคาจะแพงกว่าปกติ
การเดินทางในวันนั้นผู้โดยสารค่อนข้างจะพลุกพล่านและแลดูหนาตาเป็นพิเศษ
เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน จึงทำให้มีการเพิ่มตู้โดยสารจำนวนหลายตู้
ขบวนรถจึงยาวเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามการรถไฟได้จำหน่ายตั๋วตามจำนวนที่นั่งโดยสาร
ไม่มีการจำหน่ายตั๋วเกิน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าตั๋วยน ทำให้จำนวนผู้โดยสารในแต่ละตู้ไม่แออัดจนเกินไป
การทำงานของเครื่องปรับอากาศค่อนข้างเย็น ช่วยผ่อนคลายความร้อนจากอากาศข้างนอกได้
แต่ที่เป็นข้อเสียที่เกิดขึ้นควบคู่กับการรถไฟมานานก็คือ ขบวนรถในวันนั้นได้ออกล่าช้าไปประมาณ
30 นาที ซึ่งเป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นควบคู่กับการรถไฟมานานแก้ไม่ได้สักทีคงจะต้องคอยรถไฟรางคู่กันต่อไป
หากสร้างเสร็จเมื่อไร ก็คงจะแก้ปัญหาได้บ้าง
ขบวนรถเริ่มเคลื่อนออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง
เวลา 08.00 น. ไปตามเส้นทางรถไฟสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แวะจอดรับผู้โดยสารที่สถานีรถไฟสามเสน
บางซื่อ และพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ผู้โดยสารที่จองตั๋วและประสงค์ที่จะขึ้นที่สถานีดังกล่าวสามารถขึ้นได้
เวลาผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมงเศษขบวนรถวิ่งมาถึงสถานีแก่งเสือเต้น หากเดินทางในฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงที่ดอกทานตะวันบาน
รถไฟจะหยุดให้ชมทุ่งทานตะวัน ซึ่งสามารถเดินไปชมได้อย่างใกล้ชิด บังเอิญในช่วงที่ผมโดยสารไปเป็นช่วงต้นฤดูฝน
จึงไม่สามารถชมทุ่งทานตะวันได้
จนกระทั่งถึงเวลา
10.00 น. รภไฟเริ่มวิ่งผ่านป้ายหยุดรถเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ก่อนถึงเขื่อนป่าสักเล็กน้อยพนักงานได้ชี้แจงข้อสังเกตในการชมวิวให้ทราบ
นับว่ามีประโยชน์สำหรับผู้โดยสารอย่างผมที่ไม่เคยเดินทางมาก่อน เมื่อรถไฟเริ่มวิ่งผ่านเขื่อนป่าสักจะมีทิวทัศน์และบรรยากาศที่งดงามมากทีเดียว
ผมได้เปิดหน้าต่างรถเพื่อซึมซับกับบรรยากาศ ข้อดีของการนั่งรถไฟเที่ยวที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือสามารถชมเขื่อนและทิวทัศน์ของเขื่อนได้อย่างเต็มที่หากนั่งรถยนต์ไปรถยนต์จะจอดอยู่ที่ริมสันเขื่อน
ไม่สามารถวิ่งเข้าไปในเขื่อนได้เช่นเดียวกับรถไฟ ภาพของรถไฟที่วิ่งผ่านข้าไปในเขื่อนจึงดูเหมือนรถไฟลอยน้ำ
ซึ่งไม่สามารถจะหาชมที่ไหนได้ กลิ่นอายของน้ำและละอองน้ำได้ปะทะกับใบหน้าของผมซึ่งโผล่ออกไปรับลมนอกหน้าต่าง
ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ไม่น้อย จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.45 น. รถไฟจึงเคลื่อนมาจอดที่สถานีสุรนารายณ์
เพื่อสับเปลี่ยนหัวรถจักรและวิ่งกลับไปในเส้นทางเดิม รถไฟจะหยุดอยู่ที่สถานีดังกล่าวประมาณ
20 นาที ผู้โดยสารสามารถลงไปซื้ออาหารและน้ำ มีอาหารและน้ำดื่มวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก
สิ่งที่น่าชมเชยก็คืออาหารและเครื่องดื่มที่จำหน่ายค่อนข้างจะสะอาดและราคาปกติไม่แพง
ไม่เหมืนกับบางแห่งที่ถือโอกาสอาเปรียบนักทองเที่ยว ผมได้ลงไปซื้อข้าวผัดกะเพรา
2 กล่องราคากล่องละ 20 บาท เมื่อถึงเวลา รถไฟจึงค่อยๆเคลื่อนย้อนกลับไปในเส้นทางเดิม
และหยุดจอกอีกครั้งที่ป้ายจอดรถไฟเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพื่อให้ผู้โดยสารได้แวะที่สันเขื่อน
ในจุดนี้จะจอดอยู่นานถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง
|