ยืนยง โอภากุล
"แอ๊ด คาราบาว"
เกิด 9 พฤศจิกายน 2497
สุพรรณบุรี
ร้องนำ, กีต้าร์, ร้องประสาน

หนุ่มสุพรรณที่มีใจกบฏกับสังคมที่ไม่ค่อยถูต้อง จำเป็นต้องงัดคมความคิดของตัวเองในสังคม
ได้รับรู้และปรับตัวใหม่ โดยถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงบรรเลงเพื่อชีวิต

ผลงาน

ก้าวแรกของชีวิต ก้าวที่สองของคนดนตรี

อัตชีวประวัติ โดย ยืนยง โอภากุล
พิมพ์ครั้งที่ 4 เดือนสิงหาคม 2546 159 หน้า
(พิมพ์ใหม่) ราคา 150 บาท

บทสัมภาษณ์ในไรเตอร์ปี 2539, บทกวี 2540 งานเขียน 2540-2541 เบื้องหลังการทำอัลบั้มชุดชี้เมา และแป๊ะขายขวด

หลังไมค์สไตล์แอ๊ด

สารคดีพิเศษโดย แอ๊ด คาราบาว
พิมพ์ครั้งที่ 4 เดือนสิงหาคม 2546 จำนวน 135 หน้า
(พิมพ์ใหม่) ราคา 130 บาท
สารคดีพิเศษทั้ง 8 เรื่อง เรียบง่าย เข้มข้น ตรงไปตรงมา เต็มอิ่ม มุมมองและทัศนะคงเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยทั้งหมดนั้นเปี่ยมด้วยปราถนาด ีต่อคนส่วนใหญ่และประเทศชาติ

หลังไมค์สไตล์แอ๊ด

สารคดีพิเศษโดย แอ๊ด คาราบาว
พิมพ์ครั้งที่ 4 เดือนสิงหาคม 2546 จำนวน 135 หน้า
(พิมพ์ใหม่) ราคา 130 บาท
สารคดีพิเศษทั้ง 8 เรื่อง เรียบง่าย เข้มข้น ตรงไปตรงมา เต็มอิ่ม มุมมองและทัศนะคงเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยทั้งหมดนั้นเปี่ยมด้วยปราถนาด ีต่อคนส่วนใหญ่และประเทศชาติ

สารคดีชีวิต ไม่ต้องร้องไห้

เมษายน 2545 จำนวน 200 หน้า
ราคา 170 บาท

รวบรวมมาจากคอลัมน์ "หน้าไมค์สไตล์แอ๊ด" นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ ในห้วงปี พ.ศ.2544

ปั้นเพลงให้เป็นหนัง 1

หนังสือเล่มนี้พยายามถ่ายทอดความคิดเบื้องต้น อย่างเป็นธรรมชาติในการเขียนหนังจากเพลง
ที่มิได้ยึดติดกับกฎกติกาใดๆ จนเกินไป

ท่านจะได้เห็นความแตกต่างในทางความคิด ของการก่อกำเนิดเรื่องราวแต่ละเร่องที่ผิดแผกจากกัน
เช่น บางเรื่องความคิดแรกเป็นเรื่องย่อ แต่บางเรื่องเป็นการอารัมภบท

อีกทั้งเรื่องย่อและการลำดับเหตุการณ์ ก็ล้วนเป็นก้อนความคิด ที่มิได้ดัดแปลงสำนวนให้สละสลวยในเชิงการประพันธ์

หากเป็นเพียงความคิดประกายแรก ของการปั้นเพลงให้เป็นหนังที่มิใช่สิ่งยุ่งยาก ซับซ้อนเกินกว่าผู้อื่นจะทำได้

ขอเพียงแต่คิดจะทำ ก็เท่ากับเริ่มก้าวไปสู่ความสนุกสนานในอีกมิติหนึ่ง ที่เราผ่านมันมาในวิถีทางของคนเขียนเพลง

ปั้นเพลงให้เป็นหนัง 2

เสน่ห์ของวงการหนังการละคร ไม่ได้อยู่ที่ความอยากเป็นดารา ถ้าพูดแค่นี้ผมเป็นมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่สะพายกีตาร์ยืนร้องเพลงต่อหน้าผู้คนนับพัน นั่นก็ยากพอแก่การที่จะแสดงออก แต่วงการหนังการละครได้ให้ชีวิตที่แตกต่างไป จากชีวิตประจำวันที่ผมดำรงอยู่บนสายธารแห่งเสียงดนตรี

ผมชอบทั้งสองทาง ทางเดิมที่คุ้นเคย มีผู้คนเชื่อถือยอมรับ ทางสายใหม่ที่ท้าทาย ต้องจำบทพูด ต้องใส่อารมณ์ ไม่เคยโกรธ ไม่เคยเกลียด กระทั่งร้องไห้ ก็ต้องหัดเป็นเสียตั้งแต่บัดนี้ ถ้าจะเอาดีกับงานแสดง ต้องหัดขี่ม้า หัดยิงธนู ฟันดาบ กระทั่งนั่งพับเพียบเรียบร้อย ก้มกราบพร้อมเอ่ยเอื้อนวาจาย้อนยุคไป 15 ชั่วโคตร

มันเป็นอะไรที่ไม่สามารถมาสัมผัสได้ ในโลกของความเป็นจริง สิ่งนี้แหละที่เขาเรียกว่าโลกมายา...