:: Homepage ::

:: Home

:: Profile

:: Gallery

:: Webboard

:: Chat Room

:: University Link ::

:: Bangkok University

:: Assumption University

:: UTCC

:: Siam University

:: My School ::

:: ACC

:: ทำนายทายทัก ::

:: ดวงชะตาวันนี้

:: Radio Online :: 

:: 106.5 Green wave
:: 104.5 Fat Radio
:: 103.5 Modern love
:: 102.5 Radio
:: 93.5 Radio Vote
:: 91.5 Hotwave
:: 89.0 Bangkok Radio
:: 88.0 Radio noproblem

:: E-Mail :: 

:: Kunmail
:: Yahoo
:: Hotmail
:: Thaimail
:: Chaiyo
:: Maildozy

:: TV Channel :: 

:: ช่อง 3
:: ช่อง 5
:: ช่อง 7
:: ช่อง 9
:: ช่อง 11
:: ITV
:: UBC
:: IP-TV
:: TGN
Welcome to Threestrokesix Web for 3/6

::  กล้องถ่ายรูปแบบต่าง ๆ  ::
     
มีคำนิยามในวิชาถ่ายภาพกล่าว "กล้องถ่ายภาพแบบหนึ่งจะเหมาะสำหรับงานถ่ายภาพประเภทหนึ่ง" โปรดอย่างเข้าใจว่ามีกล้องถ่ายภาพกล้องหนึ่งแล้ว จะสามารถใช้งานถ่ายภาพได้ทั่วไป” ดังนั้นเป็นที่ทราบกันแล้วว่ากล้องถ่ายภาพที่ขายมีอยู่มากมายหลายชนิด กล้องแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพสำหรับใช้ประโยชน์ในการถ่ายภาพได้ไม่เหมือนกัน ต่อไปนี้จะได้นำเอาแบบกล้องชนิดต่าง ๆ พร้อมทั้งประโยชน์การใช้งาน เพื่อผู้เริ่มศึกษาจะได้ตัดสินใจเลือกหามาใช้ได้อย่างถูกต้อง

กล้องบอกซ์ (Box Camera)

ในสมัยแรก ๆ กล้องแบบนี้ได้ผลิตเป็น กล้องรูปหีบ 4เหลี่ยมผู้ผลิตจึงตั้งชื่อเรียกตามรูปลักษณะ แต่สำหรับในชื่อภาษาไทย ถ้าจะตั้งชื่อเรียกโดยแปลเข้ามาจะต้องแปลว่ากล้องรูปกล่องหรือกล้องรูปหีบ ฟังค่อนข้างแปร่งหู ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการถ่ายภาพจึงนิยมเรียกชื่อกล้องตามชื่อในภาษาเดิม
กล้องบอกซ์ เป็นกล้องที่มีรูปแบบง่าย ๆ เครื่องที่เคราส่วนประกอบจึงมีแต่เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ในปัจจุบันกล้องประเภทนี้ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบแปลกตาไปกว่าเดิมมาก คือแทนจะผลิตออกมาในรูปกล้อง 4 เหลี่ยม แต่เปลี่ยนให้มีรูปร่างลักษณะคล้ายกล้องถ่ายภาพแบบดี ๆ โดยทั่วไปและใช้ถ่ายได้ทั้งฟิล์มขาวดำ และฟิล์มสี บางแบบยังใช้ถ่ายกับชุดไฟแฟลชได้อีกด้วย พวกกล้อง snapshot กล้อง compact เป็นกล้องในกลุ่มเดียวกัน

ประโยชน์ของกล้องบอกซ์ กล้องบอกซ์เป็นกล้องราคาถูก ใช้ง่ายเพราะไม่มีเครื่องเครากระจุกกระจิก เหมาะสำหรับเด็ก ๆ และผู้เริ่มฝึกหัดถ่ายภาพ
ฟิล์มที่ใช้สำหรับกล้องประเภทนี้มีอยู่หลายขนาด ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับการออกแบบกล้อง สำหรับแบบที่มีใช้กันโดยทั่วไปคือแบบที่ใช้ฟิล์ม เบอร์ 120 เบอร์ 127 เบอร์ 135 (35 มม.)

ข้อบกพร่องของกล้องบอกซ์ กลองบอกซ์เป็นกล้องที่ใช้เลนส์ชั้นเดียวและปรับระยะชัดตายตัว (fixed focus) เลนส์ประเภทนี้มีประสิทธิภาพในการรับแสงได้น้อยมาก ควรจะถ่ายกลางแสงแดดหรือถ่ายในที่ซึ่งมีแสงสว่างตามสมควร (ยกเว้นกล้องที่ใช้กับชุดไฟแฟลชได้)
ความเร็วชัตเตอร์มีเพียงอัตราเดียว บางแบบมีชัตเตอร์ช้า ๆ ให้ด้วย จึงถ่ายได้แต่เฉพาะวัตถุที่อยู่นิ่ง ๆ
เลนส์ของกล้องประเภทนี้เป็นเลนส์ชั้นเดียวมีประสิทธิภาพในการรับแสงได้น้อย และเป็นเลนส์ที่ตั้งระยะชัดไว้ตายตัว ทั้งขนาดช่องรับแสงมีไว้แต่เพียงขนาดเล็ก ๆ หนึ่งหรือสองขนาดเท่านั้นด้วยเหตุนี้ภาพที่ถ่ายได้จึงมีระยะคุมความชัดตั้งแต่ใกล้ไปถึงไกลสุด ภาพดังกล่าวแล้วนี้ถ้าได้อัดขยายออกมาในขนาดเล็ก ๆ จะดูชัดแจ่มใสดี แต่ถ้ามีความจำเป็นจะต้องขยายให้เป็นภาพใหญ่ ๆ ภาพจะไม่คมชัด ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดามาก

สรุป กล้องบอกซ์เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ฝึกหัดใช้ถ่ายภาพเล่น (ถ้าเป็นผู้ใหญ่ควรเริ่มฝึกหัดด้วยกล้องถ่ายภาพชนิดที่ใช้งานได้จะดีกว่า) จึงไม่เหมาะสำหรับใช้ถ่ายภาพที่สำคัญ ๆ หรือภาพที่เป็นเรื่องเป็นราวเอาจริงเอาจัง เช่นงานถ่ายภาพข่าว งานแต่งงาน งานบวชนาค ฯลฯ

กล้องพับ (Folding Camera)

เป็นกล้องถ่ายภาพขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีส่วนพับยึด (Bwllow) เป็นห้องมืด เวลาจะกดปุ่มเปิดกล้อง ส่วนพับยืดจะเปิด เลนส์ตั้งอยู่ในระดับตรงเตรียมพร้อมที่จะใช้ถ่ายภาพได้ ในเวลาปิดเก็บกล้อง ส่วนพับยืดของกล้องจะเก็บพับได้แนบสนิทอยู่ในฝากล้อง ดูเรียบร้อย กะทัดรัด สะดวกต่อการถือ การสะพายและใช้ถ่ายภาพมาก

สมัยเมื่อตอนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กล้องพับเป็นที่นิยมกันในบรรดานักเลงกล้อง เพราะสมัยนั้นยังไม่มีกล้องแบบใดจะถ่ายได้รวดเร็ว และสะดวกเหมือนกับกล้องพับ แต่ในปัจจุบันกล้องพับกลับกลายเป็นกล้องล้าสมัย บริษัทผู้ผลิตส่วนใหญ่ถึงกับเลิกผลิตและความนิยมในท้องตลาดก็มีน้อยเต็มที

ฟิล์มที่ใช้สำหรับกล้องพับ มีตั้งแต่เบอร์ 120 เบอร์ 620 และเบอร์ 127 กล้องพับแบบเก่า ๆ เคยมีแบบที่ใช้กับฟิล์มกระจก ฟิล์มแผ่น และฟิล์มม้วนขนาดใหญ่ แม้แต่กล้องที่ใช้ฟิล์มเบอร์ 135 (ขนาด 35 มม.) บางแบบที่ผลิตเป็นกล้องพับแต่มีน้อย

ประโยชน์ของกล้องพับกล้องพับเป็นกล้องมีส่วนพับยืด จึงมีขนาดกะทัดรัด สะดวกต่อการถือการใช้เลนส์ของกล้องมีประสิทธิภาพตั้งแต่ระดับปานกลางจนถึงระดับดีมาก อัตราความเร็วชัตเตอร์มีตั้งแต่ทั้งช้าถึงเร็ว พอที่จะเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม และข้อที่นิยมกันมากคือกล้องมีที่เล็งภาพแบบระดับตา (Eye-Level-Viewfinder) การเล็งกล้องถ่ายภาพแบบระดับตา เป็นท่าที่โก้เก๋ สะดวกและรวดเร็วดีมาก

ข้อบกพร่องของกล้องพับส่วนประกอบที่สำคัญของกล้องพับคือส่วนพับ ถึงแม้จะช่วยให้กล้องแบบนี้มีรูปสวย เล็กกะทัดรัด ใช้ได้สะดวกแต่ส่วนพับยืดก็เป็นส่วนที่บอบบาง จึงเกิดการชำรุดเป็นรูรั่ว จนเป็นเหตุให้แสงส่องลอดไปถึงฟิล์มได้ง่ายมาก
การเล็งระดับตา ช่วยให้ถ่ายภาพได้สะดวกรวดเร็ว แต่ถ้าเป็นการถ่ายแบบเร่งด่วน หรือการถ่ายแบบกระชั้นชิดและเป็นภาพชนิดที่ต้องการความเที่ยงตรงแน่นอน ย่อมจะเกิดความคลาดเคลื่อนได้ง่ายมาก เช่นเคยมีผู้ถ่ายภาพคนยืนเรียงแถวหลาย ๆ คน แต่พอเป็นภาพ จำนวนคนก็เกิดขาดหายไปหรือในบางครั้งก็ถ่ายหัวขาดเท้าขาดไปก็มี และในกรณีที่ต้องสวมเลนส์พิเศษเพื่อถ่ายภาพใกล้ (Closeup) จะทำได้ไม่สะดวก

สรุป กล้องพับ เหมาะสำหรับใช้ถ่ายภาพข่าว ภาพกิจกรรมโดยทั่วไป แต่ไม่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพอย่างใกล้ และการถ่ายภาพทำสำเนาเอกสารการพิมพ์

กล้องแบบสะท้อน (Reflex Camera)

ลักษณะเป็นกล่อง 4 เหลี่ยม ดูแข็งแรงคงทนดีมากจากรูปลักษณะเป็นกล่องเหลี่ยม ๆ หลายคนจึงเรียกง่าย ๆ ว่า กล้องบอกซ์ แต่ความจริงกล้องแบบนี้ต่างกับกล้องบอกซ์อย่างห่างไกล
กล้องแบบสะท้อนเป็นกล้องที่ผู้ผลิตได้ปรับปรุงแก้ไขมาจากกล้องพับ โดยเฉพาะในกรณีที่กล้องพับใช้ถ่ายภาพบางประเภทไม่ได้ตามความต้องการ เพราะช่องเล็งภาพกับเลนส์อยู่คนละแห่งไม่สามารถจะทำงานให้สัมพันธ์ต่อเนื่องกันดดยตรงได้ ผู้ออกแบบจึงคิดใช้กระจกเงาทำมุม 45 องศา ตั้งรับภาพจากเลนส์โดยตรง แล้วจึงเอกภาพที่ได้ส่งไปบันทึกฟิล์ม การเล็งกล้องด้วยวิธีใช้ระบบกระจกสะท้อนแสง จึงเป็นระบบที่ใช้ถ่ายภาพได้เที่ยงตรงทุก ๆ ระยะ แม้จะเป็นระยะที่ใกล้สุดหรือไกลสุด

กล้องแบบสะท้อน มี 2 แบบคือ

1. กล้องสะท้อนแบบเลนส์คู่ (Twin lens reflex Camera)

กล้องแบบนี้มีเลนส์แยกกัน 2 เลนส์ เลนส์ตัวบนให้เล็งภาพ (Viewing Lens) และปรับระยะชัดขณะที่ต้องการเล็งภาพ ภาพจะผ่านมาทางเลนส์ตัวบน แล้วส่องฉายที่กระจกเงา 45 องศา ภาพจากกระจกเงาจะสะท้อนไปบนแผ่นกระจกฝ้าบนหลังกล้อง จากภาพปรากฎนี้ ผู้ถ่ายจะเลือกปรับภาพได้ตามความต้องการ เลนส์ตัวล่าง เป็นเลนส์ถ่ายภาพ (Taking Lens) เลนส์ตัวนี้จะรับภาพได้เท่ากับเลนส์ตัวบนเมื่อรับภาพได้อย่างไร ก็ส่งภาพไปบันทึกลงบนฟิล์มตามนั้น

ประโยชน์ของกล้องสะท้อนแบบเลนส์คู่ กล้องสะท้อนแบบเลนส์คู่ มีตัวกล้องแข็งแรงเสียหายยาก แม้จะตกหรือถูกกระทบกระเทือนการเล็งภาพระบบสะท้อนช่วยให้ถ่ายภาพได้เที่ยงตรงระบบเล็งภาพสามารถใช้ได้หลายแบบ เช่น แบบเล็งจากเลนส์ตัวบนด้วยกระจก 45 องศา กับกระจกฝ้า (ground-glass screen) แบบเล็งผ่านกรอบมองภาพ(Sport-finder) แบบปรับหลังกล้องด้วยแผ่นกระจกฝ้า โดยรับภาพตรงจากเลนส์ถ่ายภาพตัวล่าง

ฟิล์มที่ใช้กับกล้องแบบนี้มีอยู่หลายขนาด คือ กล้องบางแบบใช้ฟิล์มเบอร์ 120, เบอร์ 220 บางแบบใช้เบอร์ 127 บางแบบใช้เบอร์ 135 (ขนาด 35 มม.) ได้ด้วย และบางแบบใช้ฟิล์มแผ่นโดยเปลี่ยน Film Adapter ข้างหลังกล้อง

ส่วนดีของกล้องแบบนี้ คือ กล้องของบางบริษัทได้ออกแบบใก้เปลี่ยนเลนส์ ที่มีความยาวระยะชัดได้หลายขนาด เช่นเปลี่ยนจากเลนส์มาตรฐาน ( Normal lens) ที่มีติดมากับกล้องตามปกติแล้ว ยังเปลี่ยนเป็นเลนส์มุมกว้าง(Wide-abgle lens) และเลนส์ถ่ายไกล (Telepgoto lens) ได้นับว่าช่วยให้กล้องมีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพได้กว้างขวางยิ่งขึ้น

ข้อบกพร่องของกล้องสะท้อนแบบเลนส์คู่ กล้องสะท้อนแบบเลนส์คู่ ถึงแม้โรงงานผู้ผลิต ได้ปรับปรุงแก้ไขให้ใช้ประโยชน์ในการถ่ายภาพ ได้เกือบทุกกรณีแล้วก็ตาม แต่ยังมีจุดอ่อน เช่น การถ่ายภาพในระยะใกล้มาก ๆ ที่ต้องใช้เลนส์ถ่ายใกล้ (Close-up lens) ช่วย ในกรณีนี้ถึงแม้กล้องจะมีเครื่องช่วยแก้ความ parallax จะทำได้เพียงระยะใกล้ปานกลางเท่านั้น ถ้าเป็นในระยะใกล้มากๆ จำต้องใช้วิธีคาดคะเนหรือทดลองถ่ายแล้วทำเครื่องหมายไว้ ทั้งนี้เกิดจากกล้องมีเลนส์คู่ เลนส์ดูภาพกับเลนส์ถ่ายภาพ เป็นเลนส์คนละตัวและอยู่คนละตำแหน่ง การถ่ายภาพในระยะใกล้ ๆ เป็นพิเศษจึงต้องแพรัลแลกซ์ไปบ้างเป็นธรรดมดา

2.กล้องสะท้อนแบบเลนส์เดี่ยว (Single lens reflex Camera)

กล้องสะท้อนแบบเลนส์เดี่ยว เป็นกล้องที่ปรับปรุงมาจากกล้องสะท้อนแบบเลนส์คู่ โดยใช้เลนส์ปรับระยะภาพกับเลนส์ถ่ายภาพเป็นเลนส์ตัวเดียวกัน ภาพที่ได้จึงเที่ยงตรงแน่นอน แม้ว่าจะถ่ายใกล้มากก็ตาม

กล้องแบบนี้มีทั้งแบบใช้ฟิล์ม 3 นิ้ว เบอร์ 120 และ 220 (ภาพขนาด 6x6 ซม. 12 รูป) บางแบบใช้ฟิล์มขนาด 70 มม. ได้ด้วย และแบบที่นิยมกันมากคือกล้อง 35 มม. ใช้ฟิล์มเบอร์ 135 สำหรับกล้องที่ใช้ฟิล์มใหญ่ ผู้ผลิตได้ออกแบบให้เปลี่ยนเลนส์ที่มีความยาวระยะชัดได้หลายขนาด และบางแบบสร้างให้เปลี่ยนที่บรรจุฟิล์มได้หลายชุด จึงช่วยให้ถ่ายภาพได้สะดวกทั้งภาพขาว-ดำ ภาพสี และภาพขนาดอื่น ๆ ที่กล้องกำหนดให้ โดยใช้กล้องตัวเดิมเพียงตัวเดียว

ประโยชน์ของกล้องสะท้อนแบบเลนส์เดี่ยว มีประโยชน์ทำนองเดี่ยวกับแบบเลนส์คู่ แต่ได้ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าตรงที่ใช้ระบบเลนส์เดี่ยวจึงช่วยให้ถ่ายภาพได้เที่ยงตรง และสะดวกรวดเร็วกว่ากล้องแบบอื่น ๆ

กล้องเล็ก (The Miniature camera)

เป็นกล้องขนาดเล็กกะทัดรัดเหมาะมือ น้ำหนักเบา สะดวกต่อการหิ้วหรือสะพายนำติดตัวไปใช้ถ่ายภาพได้อย่างสบาย ฟิล์มที่ใช้เป็นฟิล์มเล็กขนาด 35 มม. บรรจุในกลัก ( cassette)เบอร์ 135 ถ่ายภาพขนาด 24x36 มม. ได้ 20 รูป และ 36 รูป กล้องรุ่นใหม่บางแบบ ยังแบ่งครึ่งฟิล์มให้ได้รูปจำนวนมากขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว คือจาก 20 รูปก็เป็นขนาด 18 x 24 มม. 4 รูป และ 72 รูป ตามลำดับ ฟิล์มตามขนาดที่ว่านี้มีทั้งฟิล์มขาวดำ สไลด์สี และฟิล์มเนกาติฟสี กล้องขนาด 35 มม. ใช้เลนส์ตั้งแต่ชั้นไวแสงสูง f/2.8 ไปจนถึงสูงเป็นพิเศษขนาด f/2 f/1.5 และf/1 ซึ่งเลนส์ชั้นดีระดับนี้จะช่วยให้กล้องมีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพได้เกือบทุกสภาพของแสงสว่าง
แบบของกล้องขนาด 35 มม. มีอยู่ 2 แบบ คือ แบบเล็งผ่านช่องเล็งภาพ (Range-finder) และเล็งผ่านเลนส์ (Through-the-lens-reflex)

  • แบบเล็งภาพผ่านช่องเล็ง คือแบบที่มีช่องเล็งภาพ ( Viexfinder) อยู่ข้างบน แล้วปรับเลนส์กับช่องเล็งภาพให้ได้ภาพสัมพันธ์กัน กล้องแบบนี้เหมาะสำหรับถ่ายวิวทิวทัศน์ ภาพบันทึกทั่ว ๆ ไป แต่ไม่เหมาะสำหรับภาพถ่ายใกล้ ๆ และภาพที่ต้องการสัดส่วนที่เที่ยงตรงแน่นอนอย่างตาเห้น เพราะช่องเล็งภาพกับเลนส์รับภาพอยู่คนละที่ การถ่ายภาพระยะใกล้ ๆ จึงต้องมีการคลาดเคลื่อนบ้าง
  • แบบเล็งผ่านเลนส์ เป็นแบบที่รับภาพจากเลนส์โดยตรงแล้วสะท้อนภาพผ่านกระจก 45 องศา ผ่านแก้วปริซึม แล้วจึงผ่านช่องเล็งภาพ การเล็งภาพตามระบบนี้นับว่าเที่ยงเหมือนกับตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพจากระยะไกลหรือใกล้เพียงใด เกี่ยวกับระบบกากรทำงานของกล้องเล็งทั้ง 2 แบบ มีข้อสังเกตไว้ให้เปรียบเทียบกันอยู่ว่า กล้องแบบเล็งภาพผ่านช่องมองภาพ ถึงแม้จะถ่ายภาพได้ไม่เที่ยงเท่าแบบเล็งภาพผ่านเลนส์ แต่ระบบชัตเตอร์ของกล้องแบบนี้จะทนกว่า เพราะลำดับชั้นการทำงานไม่มากนัก ดังนั้น ถ้าจะถ่ายภาพเยงแบบเล็งภาพผ่านเลนส์ ซึ่งเป็นแบบที่ได้ภาพตรงเหมือนตาเห็น กล้องแบบนี้ระบบชัตเตอร์ต้องทำงานหนักมาก บางแบบต้องทำงานถึง 3 ขั้นและบางแบบต้องทำงานถึง 5 ขั้น คือการหมุนฟิล์ม ขึ้นไกชัตเตอร์ ตั้งกระจก 45 องศา รับภาพลั่นไกกระจกกระดกกลับแล้วลดลงตั้งรับแสงสะท้อนภาพต่อไปอีก 3-5 ครั้ง ต่อการถ่ายภาพ 1 ภาพ ถ้ามีงานถ่ายจำนวนมาก ตัวเฟืองจักรที่บอบบางที่ไหนจะทนอยู่ไหว กล้องแบบนี้เป็น Single lens reffex camera ชนิด small format

สรุปส่วนดีของกล้องเล็ก มีขนาดเล็ก กะทัดรัดเหมาะมือ เป็นกล้องแบบเดียวที่ใช้เลนส์ที่รับแสงได้สูงสุด ถ่ายภาพได้มาก กล้องสมัยใหม่บางแบบมีเครื่องหมุนฟิล์มลั่นไกพิเศษ มีที่ใส่ฟิล์มได้ยาวช่วยให้ถ่ายภาพติดต่อกัน ได้คราวละหลายร้อยภาพ เปลี่ยนเลนส์ได้หลายขนาด เปลี่ยนช่องมองภาพได้ มีชัตเตอร์ให้เลือกได้ 2 แบบคือ แบบชัตเตอร์แผ่น (leaf-shutter) และชัตเตอร์ระนาบโฟกัส (Focal-plane shutter)

ข้อยุ่งยากของกล้องเล็ก เนื่องจากเป็นกล้องที่ใช้ฟิล์มขนาดเล็ก และมีจำนวนภาพมากฟิล์มที่ถ่ายแล้วจะต้องล้างด้วยความละเอียดประณีต และต้องอาศัยการขยายจึงจะได้ภาพใหญ่ ถ้าถ่ายภาพน้อยก็จะต้องเสียเวลา เพราะกว่าจะถ่ายฟิล์มหมดม้วนต้องคอยกันนาน ภาพใดที่ต้องการขยายให้ใหญ่พิเศษ จะทำได้ด้วยยากทั้งคุณภาพของภาพและความสะดวกในการจัดทำจะสู้กล้องที่ใช้ฟิล์มใหญ่ไม่ได้

กล้องเล็กแบบพิเศษ (subminiature camera)

เป็นกล้องขนาดเล็กรองจากขนาดมาตรฐาน กล้องแบบนี้ใช้ฟิล์มขนาด 16 มม. กล้องรุ่นใหม่มีฟิล์มขนาดพิเศษซึ่งใหญ่กว่าขนาด 16 มม. แต่เล็กกว่าขนาดมาตรฐาน 35 มม. มีทั้งขาวดำสไลด์สี และเนกาติฟสี

เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศเยอรมันนีได้ผลิตกล้องชั้นดีขนาดเล็กพิเศษขึ้นใช้ในสงครามหลายแบบ ทำรูปร่างต่าง ๆ กัน บางแบบทำเป็นกลักไม้ขีดไฟแช็ก บางแบบทำเป็นแท่งสิปสติก และเครื่องใช้ประจำตัวขนาดเล็ก ๆ ใช้เลนส์ไวแสงสูง ใช้ความเร็วชัตเตอร์ตั้งแต่ช้าถึงปานกลางและเร็วมาก เป็นกล้องที่สร้างขึ้นสำหรับงานจารกรรม หน่วยสืบราชการลับ และกล้องประจำแนวรบ แต่ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นได้ผลิตเป็นกล้องสำหรับชาวบ้านใช้ถ่ายกันเล่น ๆ การขยายภาพไม่สะดวก และไม่สวยงามเท่าที่ควร

กล้องหนังสือพิมพ์ (Press Camera)

กล้องหนังสือพิมพ์เป็นกล้องพับอีกชนิดหนึ่ง ที่มีขนาดใหญ่กว่ากล้องพับแบบธรรมดา มีประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างกว้างขวาง แต่เดิมบริษัทผู้ผลิตมีเจตนาจะผลิตให้เป็นกล้องสำหรับช่างภาพหนังสือพิมพ์โดยเฉพาะ แต่ในปัจจุบันช่างภาพหนังสือพิมพ์นิยมใช้กล้องฟิล์ม 35 มม. และกล้องสะท้อนทั้งแบบเลนส์เดี่ยวและเสนส์คู่ เพราะขนาดกะทัดรัด เปลี่ยนเลนส์ได้รวดเร็ว จึงช่วยให้ทำงานได้คล่องตัวมาก ในสมัยนี้กล้องหนังสือพิมพ์จึงกลายเป็นกล้องของช่างภาพอาชีพเท่านั้น

ประโยชน์ กล้องหนังสือพิมพ์ใช้ฟิล์มได้หลายชนิด คือ ใช้ได้ทั้งฟิล์มม้วน ฟิล์มแผ่นบางชนิดใช้กับฟิล์มโพลารอยด์ ขนาดของฟิล์มใหญ่พอสมควร เหมาะกับการอัดขยายหรือใช้ทำภาพขนาดใหญ่พิเศษได้ ทั้งฟิล์มที่ใช้ถ้าเป็นฟิล์มแผ่น ฟิล์มแพค (pack film) เมื่อถ่ายเสร็จแต่ละภาพจะแยกไปล้างได้ทันที มีที่เล็งภาพ 3 แบบ คือแบบเล็งระดับตาชนิดท่อ (Eye level tube finder) แบบเล็งระดับตาชนิดกรอบลอด (Frame wire sport finder0 และชนิดปรับภาพด้วยกระจกฝ้าหลังกล้อง สำหรับการเล็งภาพแบบหลังนี้ เป็นแบบที่เที่ยงตรงแน่นอน ทั้งการถ่ายภาพระยะใกล้และไกล มีชัตเตอร์ 2 แบบ คือแบชัตเตอร์แผ่นหน้ากล้อง (Leaf-front shutter) และชัตเตอร์ม่านท้ายกล้อง จึงช่วยให้เลือกใช้ประโยชน์ได้ตามความเหมาะสม มีที่แก้ภาพบิดเบือน เกี่ยวกับการถ่ายภาพทางสถาปัตยกรรม กล้องประเภทนี้มีที่แก้เส้นดิ่งระดับไม่ให้โย้เย้หรือบิดเบือนได้ โดยการปรับระดับที่แผงเลนส์หน้ากล้อง หรือแก้ที่ใส่ฟิล์มท้ายกล้องได้
เปลี่ยนเลนส์ได้หลายขนาด ที่หน้ากล้องมีแผงเปลี่ยนเลนส์ได้ทุกขนาด ทั้งเลนส์มาตรฐานเลนส์มุมกว้างและเลนส์ถ่ายไกล

ข้อเสีย กล้องมีขนาดใหญ่ หนัก ถ้าจะนำกลบ้องไปทั้งชุดต้องใส่กระเป๋าหิ้วใบใหญ่ จึงทำให้ไม่คล่องตัว ฟิล์มมีขนาดใหญ่ ราคาแพง สำหรับงานบางชนิดไม่จำเป็นจะต้องใช้ฟิล์มขนาดใหญ่ เวลาจะถ่ายภาพแต่ละครั้งต้องเตรียมการช้า เสียเวลา จึงไม่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพแบบเร่งด่วน
ราคากล้องสูงมาก เหมาะสำหรับช่างภาพอาชีพ แต่ไม่เหมาะสำหรับประชาชนที่ต้องการใช้กล้องโดยทั่วไป

สรุป กล้องหนังสือพิมพ์เป็นกล้องพับขนาดกลาง มีประโยชน์ในการถ่ายภาพได้เกือบทุกสาขา เหมาะสำหรับนักศิลปะและช่างภาพอาชีพ

กล้องถ่ายภาพขนาดใหญ่ (Large format camera)

กล้องใหญ่มีอยู่ 2 แบบ

1. กล้องถ่ายภาพนอกสถานที่ ( View Camera) ลักษณะคล้ายกล้องหนังสือพิมพ์ แต่มีขนาดใหญ่กว่า
เวลาถ่ายต้องตั้งบนขาตั้งกล้อง ใช้ฟิล์มขนาดใหญ่ตั้งแต่ 6” x 7” 8” x 10” และ10” x12” ใช้ฟิล์มแผ่น ช่างภาพอาชีพ ใช้ถ่ายภาพหมู่ ภาพอาคารสถานที่ และภาพบุคคลในบางโอกาส

2. กล้องประจำร้านถ่ายภาพ (Studio Camera) รูปร่างคล้ายกล้องถายภาพนอกสถานที่แต่ขนาดใหญ่
กว่า ลักษณะแข็งแรงกว่า มีขาตั้งติดกับตัวกล้อง ใช้เลื่อนไปมาในพื้นที่เรียบ ๆ ได้ใช้ฟิล์มตั้งแต่ขนาด 2” – ขนาด 12” ใช้ฟิล์มแผ่นเปลี่ยนเลนส์ได้หลายขนาด มีชัตเตอร์ 2 แบบ คือชัตเตอร์ลม (ใช้บีบลูกยางเป่าลมลั่นไกชัตเตอร์) และชัตเตอร์แผ่น (Leaf Shutter) แบบที่ติดกับเลนส์โดยทั่วไป

กล้องใหญ่ ใช้ฟิล์มได้ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ จึงสะดวกสำหรับการตกแต่งแก้ไขข้อบกพร่องในเนกาทิฟ และเนกาทิฟที่ได้จะใช้อัดเท่าแบบก็สะดวก หรือจะใช้ขยายเป็นภาพขนาดใหญ่พิเศษก็ทำได้เป็นอย่างดี

สรุป กล้องใหญ่เป็นกล้องที่ใช้งานเฉพาะอย่าง ใช้ถ่ายภาพได้ชัดเจนแน่นอน ถ่ายภาพได้ทั้งใกล้และไกล ใช้ฟิล์มได้หลายขนาด เปลี่ยนเลนส์ได้ เวลาถ่ายภาพต้องตั้งกล้องบนขาตั้งเป็นประจำถ่ายภาพได้ช้า แล้องประเภทนนี้จึงเหมาะสำหรับนักถ่ายภาพงานศิลปะและนักถ่ายภาพอาชีพเท่านั้น

กล้องประเภทอื่น ๆ (Other Camera)

เป็นกล้องถ่ายภาพที่ผลิตขึ้นมาเพื่อผลพิเศษบางประการที่กล้องถ่ายภาพทั้งไปไม่อาจทำได้ เช่น

  • กล้องโพลารอยด์ ( Polaroid Camera)
    กล้องโพลารอยด์เป็นกล้องระบบภาพทันใจ ใช้ถ่ายภาพได้ทั้งภาพขาวดำและภาพสี เมื่อถ่ายภาพแต่ละภาพ เพียงแต่ใช้เวลาคอยไม่ถึงนาทีก็จะเอาภาพออกจากกล้องมาดูกันได้แล้ว นับว่ารวดเร็วทันใจ ระบบนี้ต้องถ่ายทีละภาพ ถ้าภาพแรกยังไม่ดึงออกจากกล้อง ภาพต่อไปก็ยังจะถ่ายไม่ได้ เรื่องนี้จึงกลายเป็นจุดอ่อนของกล้องประเภทนี้ ซึ่งบริษัทผู้ผลิตเองกำลังคว้าหาทางแก้ไขกันอยู่แล้ว ฟิล์มโพลารอยด์ยังนำไปใช้ถ่ายภาพด้วยกล้องอย่างอื่นซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นกล้องโพลารอยด์ได้ด้วย ทั้งนี้เพียงแต่เปลี่ยนหลังกล้องเอาที่ใส่ฟิล์มเอาที่ใส่ฟิล์มโพลารอยด์ประกบเข้าข้างท้ายได้สนิท จะใช้การได้ทันที ฟิล์มโพลารอยด์นี้นับว่ามีประโยชน์ในวงการถ่ายภาพอย่างกว้างขวาง
  • กล้องถ่ายภาพที่ไม่ใช้ฟิล์ม (Mavica)
    เป็นกล้องถ่ายภาพที่ใช้ตลับบรรจุจานฉาบแม่เหล็ก แทนการใช้ฟิล์มสามารถถ่ายภาพได้ถึง 50 ภาพ และเมื่อถ่ายภาพเสร็จจึงถอดออกจากตัวกล้องแล้วใส่ลงใน Adapter ที่เข้ากับเครื่องรับโทรทัศน์จะสามารถดูภาพที่ถ่ายนั้นได้ทันที แต่ภาพยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร เพราะใช้เส้นสร้างภาพเพียง 350 เส้น ในขณะที่ภาพของโทรทัศน์จริง ๆ นั้นมีเส้นภาพถึง 525 เส้น และถ้าต้องการจะให้ได้ผลจริง ๆ แล้ว จะต้องใช้เส้นสร้างภาพถึง 1,500 เส้น ภาพจึงจะมีความชัดคมดี
  • กล้องถ่ายภาพพูดได้ (Magic Camera)
    เป็นกล้องถ่ายภาพอัตโนมัติแบบพิเศษ ที่มีเสียงพูดของผู้หญิงให้คำแนะนำการใช้กล้องอย่างถูกวิธี เช่น เมื่อจะมีการบรรจุฟิล์มเข้ากล้อง จะมีเสียงพูดบอกถึงขั้นตอนของการบรรจุฟิล์ม และในขั้นการถ่ายจะมีเสียงพูดบอกวิธีการเปิดหน้ากล้อง การปรับระยะชัดของภาพที่จะถ่าย กล้องดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทมินอลต้า (Minolta) ใช้ฟิล์มรหัส 135


<< back to Photo main page

© Copyright 2003 Threestrokesix All right reserved :

Web Size : 15 MB