มีคำนิยามในวิชาถ่ายภาพกล่าว
"กล้องถ่ายภาพแบบหนึ่งจะเหมาะสำหรับงานถ่ายภาพประเภทหนึ่ง"
โปรดอย่างเข้าใจว่ามีกล้องถ่ายภาพกล้องหนึ่งแล้ว
จะสามารถใช้งานถ่ายภาพได้ทั่วไป
ดังนั้นเป็นที่ทราบกันแล้วว่ากล้องถ่ายภาพที่ขายมีอยู่มากมายหลายชนิด
กล้องแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพสำหรับใช้ประโยชน์ในการถ่ายภาพได้ไม่เหมือนกัน
ต่อไปนี้จะได้นำเอาแบบกล้องชนิดต่าง
ๆ
พร้อมทั้งประโยชน์การใช้งาน
เพื่อผู้เริ่มศึกษาจะได้ตัดสินใจเลือกหามาใช้ได้อย่างถูกต้อง |
กล้องบอกซ์
(Box Camera)
ในสมัยแรก ๆ
กล้องแบบนี้ได้ผลิตเป็น
กล้องรูปหีบ 4เหลี่ยมผู้ผลิตจึงตั้งชื่อเรียกตามรูปลักษณะ
แต่สำหรับในชื่อภาษาไทย
ถ้าจะตั้งชื่อเรียกโดยแปลเข้ามาจะต้องแปลว่ากล้องรูปกล่องหรือกล้องรูปหีบ
ฟังค่อนข้างแปร่งหู
ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการถ่ายภาพจึงนิยมเรียกชื่อกล้องตามชื่อในภาษาเดิม
กล้องบอกซ์
เป็นกล้องที่มีรูปแบบง่าย
ๆ
เครื่องที่เคราส่วนประกอบจึงมีแต่เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น
ในปัจจุบันกล้องประเภทนี้ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบแปลกตาไปกว่าเดิมมาก
คือแทนจะผลิตออกมาในรูปกล้อง
4 เหลี่ยม
แต่เปลี่ยนให้มีรูปร่างลักษณะคล้ายกล้องถ่ายภาพแบบดี
ๆ
โดยทั่วไปและใช้ถ่ายได้ทั้งฟิล์มขาวดำ
และฟิล์มสี
บางแบบยังใช้ถ่ายกับชุดไฟแฟลชได้อีกด้วย
พวกกล้อง snapshot กล้อง compact
เป็นกล้องในกลุ่มเดียวกัน
ประโยชน์ของกล้องบอกซ์
กล้องบอกซ์เป็นกล้องราคาถูก
ใช้ง่ายเพราะไม่มีเครื่องเครากระจุกกระจิก
เหมาะสำหรับเด็ก ๆ
และผู้เริ่มฝึกหัดถ่ายภาพ
ฟิล์มที่ใช้สำหรับกล้องประเภทนี้มีอยู่หลายขนาด
ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับการออกแบบกล้อง
สำหรับแบบที่มีใช้กันโดยทั่วไปคือแบบที่ใช้ฟิล์ม
เบอร์ 120 เบอร์ 127 เบอร์
135 (35 มม.)
ข้อบกพร่องของกล้องบอกซ์
กลองบอกซ์เป็นกล้องที่ใช้เลนส์ชั้นเดียวและปรับระยะชัดตายตัว
(fixed focus)
เลนส์ประเภทนี้มีประสิทธิภาพในการรับแสงได้น้อยมาก
ควรจะถ่ายกลางแสงแดดหรือถ่ายในที่ซึ่งมีแสงสว่างตามสมควร
(ยกเว้นกล้องที่ใช้กับชุดไฟแฟลชได้)
ความเร็วชัตเตอร์มีเพียงอัตราเดียว
บางแบบมีชัตเตอร์ช้า
ๆ ให้ด้วย
จึงถ่ายได้แต่เฉพาะวัตถุที่อยู่นิ่ง
ๆ
เลนส์ของกล้องประเภทนี้เป็นเลนส์ชั้นเดียวมีประสิทธิภาพในการรับแสงได้น้อย
และเป็นเลนส์ที่ตั้งระยะชัดไว้ตายตัว
ทั้งขนาดช่องรับแสงมีไว้แต่เพียงขนาดเล็ก
ๆ
หนึ่งหรือสองขนาดเท่านั้นด้วยเหตุนี้ภาพที่ถ่ายได้จึงมีระยะคุมความชัดตั้งแต่ใกล้ไปถึงไกลสุด
ภาพดังกล่าวแล้วนี้ถ้าได้อัดขยายออกมาในขนาดเล็ก
ๆ จะดูชัดแจ่มใสดี
แต่ถ้ามีความจำเป็นจะต้องขยายให้เป็นภาพใหญ่
ๆ ภาพจะไม่คมชัด
ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดามาก
สรุป
กล้องบอกซ์เหมาะสำหรับเด็ก
ๆ
ฝึกหัดใช้ถ่ายภาพเล่น
(ถ้าเป็นผู้ใหญ่ควรเริ่มฝึกหัดด้วยกล้องถ่ายภาพชนิดที่ใช้งานได้จะดีกว่า)
จึงไม่เหมาะสำหรับใช้ถ่ายภาพที่สำคัญ
ๆ
หรือภาพที่เป็นเรื่องเป็นราวเอาจริงเอาจัง
เช่นงานถ่ายภาพข่าว
งานแต่งงาน งานบวชนาค
ฯลฯ
กล้องพับ
(Folding Camera)
เป็นกล้องถ่ายภาพขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีส่วนพับยึด
(Bwllow) เป็นห้องมืด
เวลาจะกดปุ่มเปิดกล้อง
ส่วนพับยืดจะเปิด
เลนส์ตั้งอยู่ในระดับตรงเตรียมพร้อมที่จะใช้ถ่ายภาพได้
ในเวลาปิดเก็บกล้อง
ส่วนพับยืดของกล้องจะเก็บพับได้แนบสนิทอยู่ในฝากล้อง
ดูเรียบร้อย กะทัดรัด
สะดวกต่อการถือ
การสะพายและใช้ถ่ายภาพมาก
สมัยเมื่อตอนหลังสงครามโลกครั้งที่
2
กล้องพับเป็นที่นิยมกันในบรรดานักเลงกล้อง
เพราะสมัยนั้นยังไม่มีกล้องแบบใดจะถ่ายได้รวดเร็ว
และสะดวกเหมือนกับกล้องพับ
แต่ในปัจจุบันกล้องพับกลับกลายเป็นกล้องล้าสมัย
บริษัทผู้ผลิตส่วนใหญ่ถึงกับเลิกผลิตและความนิยมในท้องตลาดก็มีน้อยเต็มที
ฟิล์มที่ใช้สำหรับกล้องพับ
มีตั้งแต่เบอร์ 120
เบอร์ 620 และเบอร์ 127
กล้องพับแบบเก่า ๆ
เคยมีแบบที่ใช้กับฟิล์มกระจก
ฟิล์มแผ่น
และฟิล์มม้วนขนาดใหญ่
แม้แต่กล้องที่ใช้ฟิล์มเบอร์
135 (ขนาด 35 มม.)
บางแบบที่ผลิตเป็นกล้องพับแต่มีน้อย
ประโยชน์ของกล้องพับกล้องพับเป็นกล้องมีส่วนพับยืด
จึงมีขนาดกะทัดรัด
สะดวกต่อการถือการใช้เลนส์ของกล้องมีประสิทธิภาพตั้งแต่ระดับปานกลางจนถึงระดับดีมาก
อัตราความเร็วชัตเตอร์มีตั้งแต่ทั้งช้าถึงเร็ว
พอที่จะเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม
และข้อที่นิยมกันมากคือกล้องมีที่เล็งภาพแบบระดับตา
(Eye-Level-Viewfinder)
การเล็งกล้องถ่ายภาพแบบระดับตา
เป็นท่าที่โก้เก๋
สะดวกและรวดเร็วดีมาก
ข้อบกพร่องของกล้องพับส่วนประกอบที่สำคัญของกล้องพับคือส่วนพับ
ถึงแม้จะช่วยให้กล้องแบบนี้มีรูปสวย
เล็กกะทัดรัด
ใช้ได้สะดวกแต่ส่วนพับยืดก็เป็นส่วนที่บอบบาง
จึงเกิดการชำรุดเป็นรูรั่ว
จนเป็นเหตุให้แสงส่องลอดไปถึงฟิล์มได้ง่ายมาก
การเล็งระดับตา
ช่วยให้ถ่ายภาพได้สะดวกรวดเร็ว
แต่ถ้าเป็นการถ่ายแบบเร่งด่วน
หรือการถ่ายแบบกระชั้นชิดและเป็นภาพชนิดที่ต้องการความเที่ยงตรงแน่นอน
ย่อมจะเกิดความคลาดเคลื่อนได้ง่ายมาก
เช่นเคยมีผู้ถ่ายภาพคนยืนเรียงแถวหลาย
ๆ คน แต่พอเป็นภาพ
จำนวนคนก็เกิดขาดหายไปหรือในบางครั้งก็ถ่ายหัวขาดเท้าขาดไปก็มี
และในกรณีที่ต้องสวมเลนส์พิเศษเพื่อถ่ายภาพใกล้
(Closeup) จะทำได้ไม่สะดวก
สรุป กล้องพับ
เหมาะสำหรับใช้ถ่ายภาพข่าว
ภาพกิจกรรมโดยทั่วไป
แต่ไม่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพอย่างใกล้
และการถ่ายภาพทำสำเนาเอกสารการพิมพ์
กล้องแบบสะท้อน
(Reflex Camera)
ลักษณะเป็นกล่อง
4 เหลี่ยม
ดูแข็งแรงคงทนดีมากจากรูปลักษณะเป็นกล่องเหลี่ยม
ๆ หลายคนจึงเรียกง่าย
ๆ ว่า กล้องบอกซ์
แต่ความจริงกล้องแบบนี้ต่างกับกล้องบอกซ์อย่างห่างไกล
กล้องแบบสะท้อนเป็นกล้องที่ผู้ผลิตได้ปรับปรุงแก้ไขมาจากกล้องพับ
โดยเฉพาะในกรณีที่กล้องพับใช้ถ่ายภาพบางประเภทไม่ได้ตามความต้องการ
เพราะช่องเล็งภาพกับเลนส์อยู่คนละแห่งไม่สามารถจะทำงานให้สัมพันธ์ต่อเนื่องกันดดยตรงได้
ผู้ออกแบบจึงคิดใช้กระจกเงาทำมุม
45 องศา
ตั้งรับภาพจากเลนส์โดยตรง
แล้วจึงเอกภาพที่ได้ส่งไปบันทึกฟิล์ม
การเล็งกล้องด้วยวิธีใช้ระบบกระจกสะท้อนแสง
จึงเป็นระบบที่ใช้ถ่ายภาพได้เที่ยงตรงทุก
ๆ ระยะ
แม้จะเป็นระยะที่ใกล้สุดหรือไกลสุด
กล้องแบบสะท้อน
มี 2 แบบคือ
1.
กล้องสะท้อนแบบเลนส์คู่
(Twin lens reflex Camera)
กล้องแบบนี้มีเลนส์แยกกัน
2 เลนส์
เลนส์ตัวบนให้เล็งภาพ
(Viewing Lens)
และปรับระยะชัดขณะที่ต้องการเล็งภาพ
ภาพจะผ่านมาทางเลนส์ตัวบน
แล้วส่องฉายที่กระจกเงา
45 องศา
ภาพจากกระจกเงาจะสะท้อนไปบนแผ่นกระจกฝ้าบนหลังกล้อง
จากภาพปรากฎนี้
ผู้ถ่ายจะเลือกปรับภาพได้ตามความต้องการ
เลนส์ตัวล่าง
เป็นเลนส์ถ่ายภาพ (Taking
Lens)
เลนส์ตัวนี้จะรับภาพได้เท่ากับเลนส์ตัวบนเมื่อรับภาพได้อย่างไร
ก็ส่งภาพไปบันทึกลงบนฟิล์มตามนั้น
ประโยชน์ของกล้องสะท้อนแบบเลนส์คู่
กล้องสะท้อนแบบเลนส์คู่
มีตัวกล้องแข็งแรงเสียหายยาก
แม้จะตกหรือถูกกระทบกระเทือนการเล็งภาพระบบสะท้อนช่วยให้ถ่ายภาพได้เที่ยงตรงระบบเล็งภาพสามารถใช้ได้หลายแบบ
เช่น
แบบเล็งจากเลนส์ตัวบนด้วยกระจก
45 องศา กับกระจกฝ้า (ground-glass
screen)
แบบเล็งผ่านกรอบมองภาพ(Sport-finder)
แบบปรับหลังกล้องด้วยแผ่นกระจกฝ้า
โดยรับภาพตรงจากเลนส์ถ่ายภาพตัวล่าง
ฟิล์มที่ใช้กับกล้องแบบนี้มีอยู่หลายขนาด
คือ
กล้องบางแบบใช้ฟิล์มเบอร์
120, เบอร์ 220
บางแบบใช้เบอร์ 127
บางแบบใช้เบอร์ 135 (ขนาด
35 มม.) ได้ด้วย
และบางแบบใช้ฟิล์มแผ่นโดยเปลี่ยน
Film Adapter ข้างหลังกล้อง
ส่วนดีของกล้องแบบนี้
คือ
กล้องของบางบริษัทได้ออกแบบใก้เปลี่ยนเลนส์
ที่มีความยาวระยะชัดได้หลายขนาด
เช่นเปลี่ยนจากเลนส์มาตรฐาน
( Normal lens)
ที่มีติดมากับกล้องตามปกติแล้ว
ยังเปลี่ยนเป็นเลนส์มุมกว้าง(Wide-abgle
lens) และเลนส์ถ่ายไกล (Telepgoto
lens)
ได้นับว่าช่วยให้กล้องมีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ข้อบกพร่องของกล้องสะท้อนแบบเลนส์คู่
กล้องสะท้อนแบบเลนส์คู่
ถึงแม้โรงงานผู้ผลิต
ได้ปรับปรุงแก้ไขให้ใช้ประโยชน์ในการถ่ายภาพ
ได้เกือบทุกกรณีแล้วก็ตาม
แต่ยังมีจุดอ่อน
เช่น
การถ่ายภาพในระยะใกล้มาก
ๆ
ที่ต้องใช้เลนส์ถ่ายใกล้
(Close-up lens) ช่วย
ในกรณีนี้ถึงแม้กล้องจะมีเครื่องช่วยแก้ความ
parallax
จะทำได้เพียงระยะใกล้ปานกลางเท่านั้น
ถ้าเป็นในระยะใกล้มากๆ
จำต้องใช้วิธีคาดคะเนหรือทดลองถ่ายแล้วทำเครื่องหมายไว้
ทั้งนี้เกิดจากกล้องมีเลนส์คู่
เลนส์ดูภาพกับเลนส์ถ่ายภาพ
เป็นเลนส์คนละตัวและอยู่คนละตำแหน่ง
การถ่ายภาพในระยะใกล้
ๆ
เป็นพิเศษจึงต้องแพรัลแลกซ์ไปบ้างเป็นธรรดมดา
2.กล้องสะท้อนแบบเลนส์เดี่ยว
(Single lens reflex Camera)
กล้องสะท้อนแบบเลนส์เดี่ยว
เป็นกล้องที่ปรับปรุงมาจากกล้องสะท้อนแบบเลนส์คู่
โดยใช้เลนส์ปรับระยะภาพกับเลนส์ถ่ายภาพเป็นเลนส์ตัวเดียวกัน
ภาพที่ได้จึงเที่ยงตรงแน่นอน
แม้ว่าจะถ่ายใกล้มากก็ตาม
กล้องแบบนี้มีทั้งแบบใช้ฟิล์ม
3 นิ้ว เบอร์ 120 และ 220 (ภาพขนาด
6x6 ซม. 12 รูป)
บางแบบใช้ฟิล์มขนาด
70 มม. ได้ด้วย
และแบบที่นิยมกันมากคือกล้อง
35 มม. ใช้ฟิล์มเบอร์ 135
สำหรับกล้องที่ใช้ฟิล์มใหญ่
ผู้ผลิตได้ออกแบบให้เปลี่ยนเลนส์ที่มีความยาวระยะชัดได้หลายขนาด
และบางแบบสร้างให้เปลี่ยนที่บรรจุฟิล์มได้หลายชุด
จึงช่วยให้ถ่ายภาพได้สะดวกทั้งภาพขาว-ดำ
ภาพสี
และภาพขนาดอื่น ๆ
ที่กล้องกำหนดให้
โดยใช้กล้องตัวเดิมเพียงตัวเดียว
ประโยชน์ของกล้องสะท้อนแบบเลนส์เดี่ยว
มีประโยชน์ทำนองเดี่ยวกับแบบเลนส์คู่
แต่ได้ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าตรงที่ใช้ระบบเลนส์เดี่ยวจึงช่วยให้ถ่ายภาพได้เที่ยงตรง
และสะดวกรวดเร็วกว่ากล้องแบบอื่น
ๆ
 |
กล้องเล็ก
(The Miniature camera)
เป็นกล้องขนาดเล็กกะทัดรัดเหมาะมือ
น้ำหนักเบา
สะดวกต่อการหิ้วหรือสะพายนำติดตัวไปใช้ถ่ายภาพได้อย่างสบาย
ฟิล์มที่ใช้เป็นฟิล์มเล็กขนาด
35 มม. บรรจุในกลัก ( cassette)เบอร์
135 ถ่ายภาพขนาด 24x36 มม.
ได้ 20 รูป และ 36 รูป
กล้องรุ่นใหม่บางแบบ
ยังแบ่งครึ่งฟิล์มให้ได้รูปจำนวนมากขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว
คือจาก 20
รูปก็เป็นขนาด 18 x 24 มม. 4
รูป และ 72 รูป ตามลำดับ
ฟิล์มตามขนาดที่ว่านี้มีทั้งฟิล์มขาวดำ
สไลด์สี และฟิล์มเนกาติฟสี
กล้องขนาด 35 มม.
ใช้เลนส์ตั้งแต่ชั้นไวแสงสูง
f/2.8
ไปจนถึงสูงเป็นพิเศษขนาด
f/2 f/1.5 และf/1
ซึ่งเลนส์ชั้นดีระดับนี้จะช่วยให้กล้องมีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพได้เกือบทุกสภาพของแสงสว่าง
แบบของกล้องขนาด 35 มม.
มีอยู่ 2 แบบ คือ
แบบเล็งผ่านช่องเล็งภาพ
(Range-finder)
และเล็งผ่านเลนส์ (Through-the-lens-reflex)
- แบบเล็งภาพผ่านช่องเล็ง
คือแบบที่มีช่องเล็งภาพ
( Viexfinder) อยู่ข้างบน
แล้วปรับเลนส์กับช่องเล็งภาพให้ได้ภาพสัมพันธ์กัน
กล้องแบบนี้เหมาะสำหรับถ่ายวิวทิวทัศน์
ภาพบันทึกทั่ว ๆ ไป
แต่ไม่เหมาะสำหรับภาพถ่ายใกล้
ๆ
และภาพที่ต้องการสัดส่วนที่เที่ยงตรงแน่นอนอย่างตาเห้น
เพราะช่องเล็งภาพกับเลนส์รับภาพอยู่คนละที่
การถ่ายภาพระยะใกล้
ๆ
จึงต้องมีการคลาดเคลื่อนบ้าง
- แบบเล็งผ่านเลนส์
เป็นแบบที่รับภาพจากเลนส์โดยตรงแล้วสะท้อนภาพผ่านกระจก
45 องศา
ผ่านแก้วปริซึม
แล้วจึงผ่านช่องเล็งภาพ
การเล็งภาพตามระบบนี้นับว่าเที่ยงเหมือนกับตาเห็น
ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพจากระยะไกลหรือใกล้เพียงใด
เกี่ยวกับระบบกากรทำงานของกล้องเล็งทั้ง
2 แบบ
มีข้อสังเกตไว้ให้เปรียบเทียบกันอยู่ว่า
กล้องแบบเล็งภาพผ่านช่องมองภาพ
ถึงแม้จะถ่ายภาพได้ไม่เที่ยงเท่าแบบเล็งภาพผ่านเลนส์
แต่ระบบชัตเตอร์ของกล้องแบบนี้จะทนกว่า
เพราะลำดับชั้นการทำงานไม่มากนัก
ดังนั้น
ถ้าจะถ่ายภาพเยงแบบเล็งภาพผ่านเลนส์
ซึ่งเป็นแบบที่ได้ภาพตรงเหมือนตาเห็น
กล้องแบบนี้ระบบชัตเตอร์ต้องทำงานหนักมาก
บางแบบต้องทำงานถึง
3
ขั้นและบางแบบต้องทำงานถึง
5 ขั้น
คือการหมุนฟิล์ม
ขึ้นไกชัตเตอร์
ตั้งกระจก 45 องศา
รับภาพลั่นไกกระจกกระดกกลับแล้วลดลงตั้งรับแสงสะท้อนภาพต่อไปอีก
3-5 ครั้ง
ต่อการถ่ายภาพ 1 ภาพ
ถ้ามีงานถ่ายจำนวนมาก
ตัวเฟืองจักรที่บอบบางที่ไหนจะทนอยู่ไหว
กล้องแบบนี้เป็น Single
lens reffex camera ชนิด small format
สรุปส่วนดีของกล้องเล็ก
มีขนาดเล็ก
กะทัดรัดเหมาะมือ
เป็นกล้องแบบเดียวที่ใช้เลนส์ที่รับแสงได้สูงสุด
ถ่ายภาพได้มาก
กล้องสมัยใหม่บางแบบมีเครื่องหมุนฟิล์มลั่นไกพิเศษ
มีที่ใส่ฟิล์มได้ยาวช่วยให้ถ่ายภาพติดต่อกัน
ได้คราวละหลายร้อยภาพ
เปลี่ยนเลนส์ได้หลายขนาด
เปลี่ยนช่องมองภาพได้
มีชัตเตอร์ให้เลือกได้
2 แบบคือ แบบชัตเตอร์แผ่น
(leaf-shutter) และชัตเตอร์ระนาบโฟกัส
(Focal-plane shutter)
ข้อยุ่งยากของกล้องเล็ก
เนื่องจากเป็นกล้องที่ใช้ฟิล์มขนาดเล็ก
และมีจำนวนภาพมากฟิล์มที่ถ่ายแล้วจะต้องล้างด้วยความละเอียดประณีต
และต้องอาศัยการขยายจึงจะได้ภาพใหญ่
ถ้าถ่ายภาพน้อยก็จะต้องเสียเวลา
เพราะกว่าจะถ่ายฟิล์มหมดม้วนต้องคอยกันนาน
ภาพใดที่ต้องการขยายให้ใหญ่พิเศษ
จะทำได้ด้วยยากทั้งคุณภาพของภาพและความสะดวกในการจัดทำจะสู้กล้องที่ใช้ฟิล์มใหญ่ไม่ได้
กล้องเล็กแบบพิเศษ
(subminiature camera)
เป็นกล้องขนาดเล็กรองจากขนาดมาตรฐาน
กล้องแบบนี้ใช้ฟิล์มขนาด
16 มม.
กล้องรุ่นใหม่มีฟิล์มขนาดพิเศษซึ่งใหญ่กว่าขนาด
16 มม.
แต่เล็กกว่าขนาดมาตรฐาน
35 มม. มีทั้งขาวดำสไลด์สี
และเนกาติฟสี
เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่
2 ประเทศเยอรมันนีได้ผลิตกล้องชั้นดีขนาดเล็กพิเศษขึ้นใช้ในสงครามหลายแบบ
ทำรูปร่างต่าง ๆ กัน
บางแบบทำเป็นกลักไม้ขีดไฟแช็ก
บางแบบทำเป็นแท่งสิปสติก
และเครื่องใช้ประจำตัวขนาดเล็ก
ๆ ใช้เลนส์ไวแสงสูง
ใช้ความเร็วชัตเตอร์ตั้งแต่ช้าถึงปานกลางและเร็วมาก
เป็นกล้องที่สร้างขึ้นสำหรับงานจารกรรม
หน่วยสืบราชการลับ
และกล้องประจำแนวรบ
แต่ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นได้ผลิตเป็นกล้องสำหรับชาวบ้านใช้ถ่ายกันเล่น
ๆ การขยายภาพไม่สะดวก
และไม่สวยงามเท่าที่ควร
กล้องหนังสือพิมพ์
(Press Camera)
กล้องหนังสือพิมพ์เป็นกล้องพับอีกชนิดหนึ่ง
ที่มีขนาดใหญ่กว่ากล้องพับแบบธรรมดา
มีประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างกว้างขวาง
แต่เดิมบริษัทผู้ผลิตมีเจตนาจะผลิตให้เป็นกล้องสำหรับช่างภาพหนังสือพิมพ์โดยเฉพาะ
แต่ในปัจจุบันช่างภาพหนังสือพิมพ์นิยมใช้กล้องฟิล์ม
35 มม.
และกล้องสะท้อนทั้งแบบเลนส์เดี่ยวและเสนส์คู่
เพราะขนาดกะทัดรัด
เปลี่ยนเลนส์ได้รวดเร็ว
จึงช่วยให้ทำงานได้คล่องตัวมาก
ในสมัยนี้กล้องหนังสือพิมพ์จึงกลายเป็นกล้องของช่างภาพอาชีพเท่านั้น
ประโยชน์
กล้องหนังสือพิมพ์ใช้ฟิล์มได้หลายชนิด
คือ
ใช้ได้ทั้งฟิล์มม้วน
ฟิล์มแผ่นบางชนิดใช้กับฟิล์มโพลารอยด์
ขนาดของฟิล์มใหญ่พอสมควร
เหมาะกับการอัดขยายหรือใช้ทำภาพขนาดใหญ่พิเศษได้
ทั้งฟิล์มที่ใช้ถ้าเป็นฟิล์มแผ่น
ฟิล์มแพค (pack film)
เมื่อถ่ายเสร็จแต่ละภาพจะแยกไปล้างได้ทันที
มีที่เล็งภาพ 3 แบบ
คือแบบเล็งระดับตาชนิดท่อ
(Eye level tube finder)
แบบเล็งระดับตาชนิดกรอบลอด
(Frame wire sport finder0
และชนิดปรับภาพด้วยกระจกฝ้าหลังกล้อง
สำหรับการเล็งภาพแบบหลังนี้
เป็นแบบที่เที่ยงตรงแน่นอน
ทั้งการถ่ายภาพระยะใกล้และไกล
มีชัตเตอร์ 2 แบบ คือแบชัตเตอร์แผ่นหน้ากล้อง
(Leaf-front shutter) และชัตเตอร์ม่านท้ายกล้อง
จึงช่วยให้เลือกใช้ประโยชน์ได้ตามความเหมาะสม
มีที่แก้ภาพบิดเบือน
เกี่ยวกับการถ่ายภาพทางสถาปัตยกรรม
กล้องประเภทนี้มีที่แก้เส้นดิ่งระดับไม่ให้โย้เย้หรือบิดเบือนได้
โดยการปรับระดับที่แผงเลนส์หน้ากล้อง
หรือแก้ที่ใส่ฟิล์มท้ายกล้องได้
เปลี่ยนเลนส์ได้หลายขนาด
ที่หน้ากล้องมีแผงเปลี่ยนเลนส์ได้ทุกขนาด
ทั้งเลนส์มาตรฐานเลนส์มุมกว้างและเลนส์ถ่ายไกล
ข้อเสีย
กล้องมีขนาดใหญ่ หนัก
ถ้าจะนำกลบ้องไปทั้งชุดต้องใส่กระเป๋าหิ้วใบใหญ่
จึงทำให้ไม่คล่องตัว
ฟิล์มมีขนาดใหญ่
ราคาแพง
สำหรับงานบางชนิดไม่จำเป็นจะต้องใช้ฟิล์มขนาดใหญ่
เวลาจะถ่ายภาพแต่ละครั้งต้องเตรียมการช้า
เสียเวลา
จึงไม่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพแบบเร่งด่วน
ราคากล้องสูงมาก
เหมาะสำหรับช่างภาพอาชีพ
แต่ไม่เหมาะสำหรับประชาชนที่ต้องการใช้กล้องโดยทั่วไป
สรุป
กล้องหนังสือพิมพ์เป็นกล้องพับขนาดกลาง
มีประโยชน์ในการถ่ายภาพได้เกือบทุกสาขา
เหมาะสำหรับนักศิลปะและช่างภาพอาชีพ
กล้องถ่ายภาพขนาดใหญ่
(Large format camera)
กล้องใหญ่มีอยู่
2 แบบ
1.
กล้องถ่ายภาพนอกสถานที่
( View Camera)
ลักษณะคล้ายกล้องหนังสือพิมพ์
แต่มีขนาดใหญ่กว่า
เวลาถ่ายต้องตั้งบนขาตั้งกล้อง
ใช้ฟิล์มขนาดใหญ่ตั้งแต่
6 x 7 8 x 10 และ10 x12
ใช้ฟิล์มแผ่น
ช่างภาพอาชีพ
ใช้ถ่ายภาพหมู่
ภาพอาคารสถานที่
และภาพบุคคลในบางโอกาส
2.
กล้องประจำร้านถ่ายภาพ
(Studio Camera)
รูปร่างคล้ายกล้องถายภาพนอกสถานที่แต่ขนาดใหญ่
กว่า
ลักษณะแข็งแรงกว่า
มีขาตั้งติดกับตัวกล้อง
ใช้เลื่อนไปมาในพื้นที่เรียบ
ๆ
ได้ใช้ฟิล์มตั้งแต่ขนาด
2 ขนาด 12
ใช้ฟิล์มแผ่นเปลี่ยนเลนส์ได้หลายขนาด
มีชัตเตอร์ 2 แบบ คือชัตเตอร์ลม
(ใช้บีบลูกยางเป่าลมลั่นไกชัตเตอร์)
และชัตเตอร์แผ่น (Leaf
Shutter)
แบบที่ติดกับเลนส์โดยทั่วไป
กล้องใหญ่
ใช้ฟิล์มได้ทั้งขนาดเล็กและใหญ่
จึงสะดวกสำหรับการตกแต่งแก้ไขข้อบกพร่องในเนกาทิฟ
และเนกาทิฟที่ได้จะใช้อัดเท่าแบบก็สะดวก
หรือจะใช้ขยายเป็นภาพขนาดใหญ่พิเศษก็ทำได้เป็นอย่างดี
สรุป กล้องใหญ่เป็นกล้องที่ใช้งานเฉพาะอย่าง
ใช้ถ่ายภาพได้ชัดเจนแน่นอน
ถ่ายภาพได้ทั้งใกล้และไกล
ใช้ฟิล์มได้หลายขนาด
เปลี่ยนเลนส์ได้
เวลาถ่ายภาพต้องตั้งกล้องบนขาตั้งเป็นประจำถ่ายภาพได้ช้า
แล้องประเภทนนี้จึงเหมาะสำหรับนักถ่ายภาพงานศิลปะและนักถ่ายภาพอาชีพเท่านั้น
กล้องประเภทอื่น
ๆ (Other Camera)
เป็นกล้องถ่ายภาพที่ผลิตขึ้นมาเพื่อผลพิเศษบางประการที่กล้องถ่ายภาพทั้งไปไม่อาจทำได้
เช่น
- กล้องโพลารอยด์
( Polaroid Camera)
กล้องโพลารอยด์เป็นกล้องระบบภาพทันใจ
ใช้ถ่ายภาพได้ทั้งภาพขาวดำและภาพสี
เมื่อถ่ายภาพแต่ละภาพ
เพียงแต่ใช้เวลาคอยไม่ถึงนาทีก็จะเอาภาพออกจากกล้องมาดูกันได้แล้ว
นับว่ารวดเร็วทันใจ
ระบบนี้ต้องถ่ายทีละภาพ
ถ้าภาพแรกยังไม่ดึงออกจากกล้อง
ภาพต่อไปก็ยังจะถ่ายไม่ได้
เรื่องนี้จึงกลายเป็นจุดอ่อนของกล้องประเภทนี้
ซึ่งบริษัทผู้ผลิตเองกำลังคว้าหาทางแก้ไขกันอยู่แล้ว
ฟิล์มโพลารอยด์ยังนำไปใช้ถ่ายภาพด้วยกล้องอย่างอื่นซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นกล้องโพลารอยด์ได้ด้วย
ทั้งนี้เพียงแต่เปลี่ยนหลังกล้องเอาที่ใส่ฟิล์มเอาที่ใส่ฟิล์มโพลารอยด์ประกบเข้าข้างท้ายได้สนิท
จะใช้การได้ทันที
ฟิล์มโพลารอยด์นี้นับว่ามีประโยชน์ในวงการถ่ายภาพอย่างกว้างขวาง
- กล้องถ่ายภาพที่ไม่ใช้ฟิล์ม
(Mavica)
เป็นกล้องถ่ายภาพที่ใช้ตลับบรรจุจานฉาบแม่เหล็ก
แทนการใช้ฟิล์มสามารถถ่ายภาพได้ถึง
50 ภาพ
และเมื่อถ่ายภาพเสร็จจึงถอดออกจากตัวกล้องแล้วใส่ลงใน
Adapter
ที่เข้ากับเครื่องรับโทรทัศน์จะสามารถดูภาพที่ถ่ายนั้นได้ทันที
แต่ภาพยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
เพราะใช้เส้นสร้างภาพเพียง
350 เส้น
ในขณะที่ภาพของโทรทัศน์จริง
ๆ นั้นมีเส้นภาพถึง
525 เส้น
และถ้าต้องการจะให้ได้ผลจริง
ๆ แล้ว
จะต้องใช้เส้นสร้างภาพถึง
1,500 เส้น
ภาพจึงจะมีความชัดคมดี
- กล้องถ่ายภาพพูดได้
(Magic Camera)
เป็นกล้องถ่ายภาพอัตโนมัติแบบพิเศษ
ที่มีเสียงพูดของผู้หญิงให้คำแนะนำการใช้กล้องอย่างถูกวิธี
เช่น
เมื่อจะมีการบรรจุฟิล์มเข้ากล้อง
จะมีเสียงพูดบอกถึงขั้นตอนของการบรรจุฟิล์ม
และในขั้นการถ่ายจะมีเสียงพูดบอกวิธีการเปิดหน้ากล้อง
การปรับระยะชัดของภาพที่จะถ่าย
กล้องดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทมินอลต้า
(Minolta) ใช้ฟิล์มรหัส 135
|