::
พื้นฐานในการใช้กล้องถ่ายภาพ
::
ในการใช้อุปการณ์เครื่องมือ
มีสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรปฏิบัติคือ
ศึกษาวิธีการใช้ให้ดีและถูกต้องเสียก่อน
จึงนำเครื่องมือเหล่านั้นไปใช้
มิฉะนั้นอาจใช้เครื่องมือดังกล่าวไม่คุ้มค่าเงินที่เสียไป
การใช้กล้องถ่ายภาพก็เช่นกัน
ผู้ใช้จะต้องศึกษาวิธีการใช้ให้เข้าใจเสียก่อนว่า
แต่ละส่วนของกล้องนั้นมีชื่อเรียกว่าอะไร
และมีประโยชน์อย่างไรจะใช้งานต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง
เป็นต้น
สิ่งทั้งหมดที่กล่าวนี้สามารถจะศึกษาได้จากหนังสือคู่มือการใช้
(Instruction Book)
หรือจากผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในการใช้กล้อง
สิ่งที่ผู้ใช้กล้องถ่ายภาพควรศึกษามีดังนี้
1.
ศึกษารายละเอียด
เมื่อซื้อกล้องถ่ายภาพมาแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกล้องแบบใดก็ตาม
จะมีหนังสือคู่
มือการใช้แนบมาให้ด้วย
ผู้ใช้จะต้องศึกษาจากหนังสือคู่มือนั้น
พร้อมทั้งนำกล้องออกมาทดลองปฏิบัติดูตามคำแนะนำวิธีใช้ด้วย
เช่น การเปิด-ปิดกล้อง
การบรรจุฟิล์มเข้ากล้อง
การตั้งความไวแสงของฟิล์ม
การปรับหน้ากล้องรวมทั้งการปรับระยะชัดของภาพ
โดยทดลองปฏิบัติจนเกิดความเข้าใจ
ทั้งนี้ให้ทดลองปฏิบัติดูหลาย
ๆ ครั้ง
จนแน่ใจว่าสามารถนำไปใช้ได้คล่องแคล่ว
2.
วิธีจับและตั้งกล้องถ่ายภาพ
การจับกล้องเพื่อจะถ่ายภาพนั้นไม่ใช่สิ่งที่ยาก
ข้อสำคัญคือผู้ถ่ายภาพต้องจับให้ถนัดและมั่นคงจริง
ๆ
ไม่ให้กล้องสั่นได้ในขณะที่ทำการถ่ายภาพ
เพราะถ้าตัวกล้องสั่น
ก็จะมีผลให้ภาพที่ถ่ายได้ไม่ชัดเจน
ดังนั้น
การจับกล้องถ่ายภาพให้จับด้วยมือทั้งสอง
ด้านละมือให้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองอยู่ด้านหลังของตัวกล้อง
ปลายนิ้วชี้ขวาวางบนปุ่มไกชัตเตอร์
นิ้วกลางมือซ้ายแตะที่ขอบเลนส์เพื่อปรับระยะชัด
ตาขวามองตรงช่องมองภาพ (Viewfinder)
ถ้าในกรณีที่ต้องใช้ความเร็วต่ำกว่า1/60
วินาทีลงมา
ควรใช้ขาตั้งกล้อง (Tripod)
ช่วยด้วย
วิธีจะทดสอบว่าจับกล้องได้นิ่งหรือไม่นั้น
ให้ปฏิบัติดังนี้คือ
ให้หากระจกเงาแผ่นเล็ก ๆ
ประมาณ 1 ตาราเซ็นติเมตร
มาติดไว้ที่ส่วนหน้าของตัวกล้อง
แล้วใช้ไฟฉาย
ฉายไปที่กระจกเงาที่ติดอยู่นี้
เมื่อลำแสงของไฟฉายถูกกับกระจกเงา
ลำแสงนั้นก็จะสะท้อนกลับไปยังผนังห้อง
ห้องที่ใช้ในการทดลองนี้จะต้องมืดจึงจะมองเห็นได้ชัด
และในช่วงเวลาที่กดไกชัตเตอร์นี้
ให้สังเกตดูจุดสว่างที่สะท้อนมาจากกระจกเงาซึ่งติดไว้หน้ากล้องว่าจุดสว่างนี้อยู่นิ่งหรือไม่
ถ้าไม่นิ่งแสดงว่า
ช่วงเวลาที่กดไกชัตเตอร์นั้น
กล้องสั่น
ซึ่งมีผลทำให้ภาพที่ถ่ายได้ไม่คมชัด
(ภาพไหว)
ให้พยายามทดลองทำใหม่
จนกว่าจะแน่ใจว่ากล้องนั้นนิ่งด้วยการสังเกตดูที่จุดสว่างดังกล่าวนี้
3.
วิธีดำเนินการถ่ายภาพ
การดำเนินการถ่ายภาพใด ๆ
ก็ตาม
ผู้ถ่ายภาพควรจะกำหนดเป็นขั้น
ตอนไว้ดังนี้
3.1ให้ตรวจดูความเรียบร้อยของกล้องถ่ายภาพทุกครั้งก่อนที่จะนำกล้องออกใช้โดยผู้ถ่ายภาพต้องแน่ใจว่า
กล้องนั้นอยู่ในสภาพที่พร้อมจะทำงานให้ได้
รวมทั้งอุปกรณ์เสริมต่าง
ๆ ที่จะต้องนำออกใช้ด้วย
เช่น ขาตั้งกล้อง ไฟแฟลช
สายลั่นไกชัตเตอร์ (Cagle release)
3.2 การปรับหน้ากล้อง
การปรับหน้ากล้อง
หมายถึงการปรับทั้งขนาดช่องรับแสง
และความเร็วชัตเตอร์
รวมกัน
เพื่อให้ได้ปริมาณของแสงที่เพียงพอ
กับการเข้าไปทำปฏิกริยากับฟิล์ม
เพราะถ้าปริมาณของแสงเข้าไปทำปฏิกริยากับฟิล์มมากเกินไป
ก็จะทำให้ฟิล์มมีสีเข้มหรือดำเกินไป
ภายหลังจากที่ล้างฟิล์มนั้น
แต่ถ้าปริมาณของแสงน้อย
ฟิล์มก็จะมีสีจางหรือขาวเกินไป
ดังนั้นการถ่ายภาพทุกครั้ง
ผู้ถ่ายจะต้องเข้าใจทั้งการปรับช่องรับแสงและความเร็วชัตเตอร์เป็นอย่างดี
ปรับหน้ากล้องให้ได้ปริมาณของแสงที่พอดี
กับการทำปฏิกริยากับฟิล์ม
คือไม่มากหรือน้อยเกินไป
ภาพที่ถ่ายได้จึงจะมีสีที่พอดี
(Correct)
เทคนิคการปรับหน้ากล้องถ่ายภาพในสถานที่
ๆ มีแสงสว่างน้อย
การถ่ายภาพในสถานที่
ๆ มีแสงสว่างน้อย เช่น
การถ่ายภาพในท้องที่มีแสงสลัว
ๆในถ้ำหรือในเวลากลางคืน
มีเทคนิคในการปรับหน้ากล้อง
ดังนี้
1. ให้ปรับความเร็วชัตเตอร์ไว้ที่
1 วินาที หรือช้ากว่านั้น
เช่น 2 หรือ 4 วินาที
ซึ่งกล้องถ่ายภาพบาง
กล้องสามารถปรับได้
2.
ปรับขนาดช่องรับแสงให้กว้างที่สุดเท่าที่กล้องถ่ายภาพนั้นสามารถปรับได้
3.
เปลี่ยนค่าความไวแสงของฟิล์ม
(Emulsion speed)
เสียใหม่ให้ไวมากขึ้น
เช่น จาก 100, 150
เป็น 200, 400 , 800 หรือ 1,600 Iso
4.
ให้ปรับขนาดช่องรับแสงอีกครั้ง
ตามเครื่องวัดแสงที่วัดได้
จากนั้นจึงนำผลที่ได้ครั้งใหม่นี้มาคำนวณก็
จะสามารถทราบทันทีว่า
หน้ากล้องใหม่ที่จะนำไปใช้ถ่ายภาพในสถานที่ดังกล่าวนั้น
ควรจะปรับให้มีค่าเป็นเท่าไร
|