ความงดงามของน้ำตกขนาดใหญ่นั้น
คงเป็นที่ยากจะลืมเลือนแก่ผู้ที่พบเห็น
สายน้ำที่นุ่มนวน
ไหลลงมากระทบกับโขดหินเป็นสีขาว
มีละอองน้ำที่สาดกระเซ็น
สร้างความชุ่มชื้นให้แก่สรรพสิ่งที่อยู่ล้อมรอบ
ไม่เว้นแม้แต่ตัวผู้มาเยือน
นักเดินทางและช่างภาพส่วนมาก
จึงไม่พลาดที่จะบันทึกภาพอันสวยงามเหล่านี้เอาไว้
หากในการเดินทางครั้งนั้นของเขา
มีน้ำตกที่สวยงามเหล่านั้นอยู่ในโปรแกรมการเดินทางด้วย
หลักการในการถ่ายภาพน้ำตกนั้น
มีสูตรที่ตายตัวอยู่ไม่กี่สูตร
แล้วแต่ใครจะเอาไปประยุกต์ใช้ตามสถานการณ์
สูตรตายตัวในการถ่ายภาพน้ำตกนั้น
ได้แก่ น้ำตกสีขาวบริสุทธิ์
ตัดกับสีดำของก้อนหินที่น้ำตกไหลลงมากระทบ
สลับกับบรรยากาศสีเขียวรอบข้างของตะใคร่น้ำ
และต้นไม้ที่ขึ้นอยู่รายรอบ
แสดงถึงความสวยงามของธรรมชาติ
ละอองน้ำที่สาดกระเซ็นหล่อเลี้ยงให้ผืนป่าอุดมสมบูรณ์
แค่นึกภาพก็รู้สึกเย็นสบายแล้วใข่มั้ยละ?
ฤดูกาลที่เหมาะแก่การบันทึกภาพน้ำตกที่สุด
คงหนีไม่พ้น ฤดูฝน
เพราะช่วงนี้น้ำตกจะไหลแรง
และป่าไม้โดยรอบจะมีความอุดมสมบูรณ์ที่สุด
แต่ถ้าเป็นน้ำตกขนาดใหญ่
ที่มีน้ำไหลแรงตลอดปีแล้วละก็
เราจะสามารถถ่ายภาพน้ำตกได้ตลอดปีเลยทีเดียว
อุปกรณ์มาตรฐานที่ขาดไม่ได้เลยในการถ่ายภาพน้ำตกก็คือ
ขาตั้งกล้อง
สายลั่นชัตเตอร์
และฟิลเตอร์ PL (อีกแล้วครับ)
การถ่ายภาพน้ำตกนั้น
จำเป็นที่จะต้องถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำๆ
เพื่อจะให้ได้น้ำตกที่มีความนุ่มนวนสวยงาม
ขาตั้งกล้องและสายลั่นชัตเตอร์จึงมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก
เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดที่สุด
เรียกได้ว่าพระเอกของงานเลยละ
ส่วนเจ้าฟิลเตอร์ PL
นั้นมีความสำคัญไม่แพ้กัน
นั่นคือเจ้าฟิลเตอร์ตัวนี้นั้น
จะช่วยตัดแสงสะท้อนที่ผิวของก้อนหินที่โดนน้ำตกกระทบ
ทำได้ได้สีที่เข้ม
สมจริงมากขึ้น
และมันยังมีผลช่วยลดค่าแสงลงอีก
1-2 Stop (แล้วแต่เบอร์ และยี่ห้อ)
ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ในความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำกว่าเดิม
1- 2 Stop ตามไปด้วย
จะมีผลให้น้ำตกดูสวยงามมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อีกชิ้นที่ชวยให้สามารถถ่ายภาพน้ำตกได้สะดวกมากขึ้น
แต่ก็ไม่ค่อยจะจำเป็นเท่าไรนัก
(เป็นได้แค่พระรอง ว่างั้นเถอะ)
นั่นก็คือ ฟิลเตอร์ ND
ประโยชน์ของฟิลเตอร์ตัวนี้คือ
ช่วยลดค่าแสงลง 2-4 Stop (แล้วแต่เบอร์)
ช่วยให้สามารถถ่ายภาพน้ำตกได้
แม้ในบางครั้งที่แสงจ้ามากๆ
ถึงจะบีบรูรับแสงแคบสุดแล้ว
ความเร็วชัตเตอร์ก็ยังสูงไปอยู่ดี
(ความเร็วชัตเตอร์ในการถ่ายภาพน้ำตกให้ออกมาดูสวยงาม
ไม่ควรจะสูงกว่า 1/15 วินาที)
การวัดแสงในการถ่ายภาพน้ำตกนั้น
ไม่ยาก โดยปกติ
นักถ่ายภาพที่มีความชำนาญ
จะใช้วิธีการวัดแสงเอาที่ส่วนที่เป็นสีขาวของตัวน้ำตก
แล้วก็ชดเชยแสงให้ Over สัก 1-2 Stop
(ถ้าใช้กล้องที่มีระบบวัดแสงเฉพาะจุด
จะสะดวกมาก)
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า
ระบบวัดแสงของกล้อง SLR
ทุกตัวนั้น
เป็นแบบวัดแสงสะท้อน
ที่ยึดค่าสีเทากลาง 18%
เป็นหลัก ถ้าวัดแสงพอดี
น้ำตกที่เป็นสีขาวจะโดนปรับให้เป็นสีเทา
ดูแล้ว ไม่สดใส
การวัดแสงให้ Over
จะช่วยให้ได้ค่าแสงที่ถูกต้อง
และช่วยให้น้ำตกมีความสวยงามมากขึ้น
ข้อควรระวังในการถ่ายภาพน้ำตกก็คือ
ละอองน้ำจะมาจับหน้าเลนส์นั่นเอง
ดังนั้น เวลาถ่ายภาพ
ก็ควรระวังเรื่องตรงนี้ด้วย
และถ้าเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ละก็
ละอองน้ำอาจจะกระเซ็นไปไกลได้กลาย
10 เมตรเลยทีเดียว
ระวังกันหน่อยนะ
ถ้าไม้อยากให้กล้องตัวเก่งต้องกลับบ้านเก่าก่อนเวลาอันควร |
|