:: Homepage ::

:: Home

:: Profile

:: Gallery

:: Webboard

:: Chat Room

:: University Link ::

:: Bangkok University

:: Assumption University

:: UTCC

:: Siam University

:: My School ::

:: ACC

:: ทำนายทายทัก ::

:: ดวงชะตาวันนี้

:: Radio Online :: 

:: 106.5 Green wave
:: 104.5 Fat Radio
:: 103.5 Modern love
:: 102.5 Radio
:: 93.5 Radio Vote
:: 91.5 Hotwave
:: 89.0 Bangkok Radio
:: 88.0 Radio noproblem

:: E-Mail :: 

:: Kunmail
:: Yahoo
:: Hotmail
:: Thaimail
:: Chaiyo
:: Maildozy

:: TV Channel :: 

:: ช่อง 3
:: ช่อง 5
:: ช่อง 7
:: ช่อง 9
:: ช่อง 11
:: ITV
:: UBC
:: IP-TV
:: TGN
Welcome to Threestrokesix Web for 3/6

::  เทคนิกการซื้อกล้องดิจิตอลแบบง่าย ๆ  ::

 

ในอดีตที่ช่างภาพมืออาชีพที่จริงจังจะนิยมใช้เลนส์เดี่ยวมากกว่าเลนส์ซูม ด้วนเหตุผลที่ว่า คุณภาพของภาพถ่ายที่ได้จากเลนส์ซูมนั้น เทียบไม่ได้กับเลยเลนส์เดี่ยว เพราะเทคโนโลยีการผลิตเลนส์ซูมในอดีตนั้น ยังไม่ก้าวหน้าพออีกทั้งชิ้นเลนส์พิเศษต่างๆ ก็มีราคาสูง จนไม่คุ้มที่จะนำมาใช้กับเลนส์ซูมระดับตลาด ทำให้คุณภาพของเลนส์ซูมในยุกต์แรกๆ นั้น เป็นรองเลนส์เดี่ยวอยู่มาก แต่คุณภาพของเลนส์ซูมนั้น ก็ได้พัฒนาดีขึ้นตามลำดับ
     ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเลนส์ซูม เกิดขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของกล้อง Auto Focus ช่วงปลายทศวรรษ 80 เลนส์ซูม ของ Canon คือ EF 20-35 mm. f/2.8L, EF 28-80 mm. f/2.8L, EF 80-200 mm. f/2.8L คือเลนส์ชุดแรกที่ปฏิวัติรูปแบบของเลนส์ซูม เพราะมันเป็นเลนส์ซูมที่ให้ความสว่างสูงเทียบเท่าเลนส์เดี่ยว ออกแบบโดยระบบออฟติคที่ก้าวหน้า มีการใช้ชิ้นเลนส์พิเศษมากมาย ช่วงทางยาวโฟกัสครอบคลุมการใช้งานแทบทุกรูปแบบ และที่สำคัญที่สุด มันให้คุณภาพของภาพถ่าย แทบไม่แตกต่างกับเลนส์เดี่ยว นี่คือเลนส์ซูมชุดแรก ที่ทำให้มืออาชีพยอบรับคุณภาพ และยังเป็นต้นฉบับให้กับเลนส์ยี่ห้ออื่นๆ ต้องผลิตเลนส์ชุดแบบนี้ออกมาบ้าง
หลังจากนั้นมา เลนส์ซูมก็แทบจะเข้ามาแทนที่เลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยว นักถ่ายภาพรุ่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพ หรือมือสมัครเล่นแทบไม่มีใครสนใจเลนส์เดี่ยวกันแล้ว ปัจจุบันเลนส์เดี่ยวหลายรุ่น ถูกถอดจากสายการผลิตด้วยเหตุผลทางการตลาดคือ “ขายไม่ได้” เลนส์เดี่ยวที่ยังสามารถทำตลาดอยู่ได้นั้น ต้องเป็นเลนส์ที่มีลักษณะพิเศษ หรือจุดขายที่ไม่เหมือนใครจริงๆ เท่านั้นที่ยังสามารถทำตลาดได้อยู่ เช่น เลนส์มาโคร และเลนส์ Super Tele ที่ทางยาวโฟกัสสูงมากๆ เป็นต้น

เลนส์เทเลซูมไวแสง Canon EF 70-200 mm. f/2.8L IS

 เลนส์ซูมที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน แบ่งแยกตลาดกันอย่างชัดเจน คือ เลนส์ซูมเกรดโปร เลนส์ซูมเกรดธรรมดา และเลนส์ซูมเกรดประหยัด ซึ่งการแบ่งแยกอย่างชัดเจนนี้นั้น ทำให้การเลือกซื้อเลนส์ซูมไม่ยากอย่างที่คิด และนอกจากนี้ยังมีเลนส์ซูมจากผู้ผลิตอิสระที่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจอีกด้วย ทำไมถึงน่าสนหรือครับ นั้นเพราะว่า ราคาขายของมันนั้น ต่ำกว่าเลนส์ในระดับเดี่ยวกันของยี่ห้อกล้อง 2-3 เท่าตัว แม้ว่าคุณภาพของมันนั้น จะไม่สามารถเทียบกับเลนส์โปรของยี่ห้อกล้องได้ แต่ถ้าเทียบกับเลนส์เกรดธรรมดาแล้วละก็ เลนส์ซูมเกรดโปรจากผู้ผลิตอิสระ จะมีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่า มีระบบออฟติดที่ดีกว่าเลนส์ เกรดธรรมดาของยี่ห้อกล้องเสมอ และยังได้รูรับแสงที่กว่างกว่า 1-1/2 สตอป ในราคาที่ใกล้เคียงกับเลนส์ธรรมดาของยี่ห้อกล้อง ทำให้เลนส์ซูมเกรดโปรของผู้ผลิตอิสระ มียอดขายใกล้เคียงกับเลนส์เกรดธรรมดาของยี่ห้อกล้อง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

เลนส์ซูมไวแสง
     ในเรื่องของคุณภาพนั้น ตองยอมรับว่าเลนส์ซูมไวแสงนั้น เป็นเลนส์ที่ผู้ผลิตนั้น ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อคุณภาพในระดับที่มืออาชีพต้องการ ทั้งความคมชัด และการถ่ายทอกสีสัน แต่ก็อย่าไปซีเรียสมาก เพราะถ้าเทียบเลนส์ระดับโปร กับเลนส์ระกับธรรมดา กับภาพถ่ายขนาด 4x6 ที่อัดกันอยู่เป็นประจำแล้ว แทบจะมองความแตกต่างไม่เห็นเลยครับ นอกจากว่าคุณมีความจำเป็นที่จะต้องนำภาพไปอัดขยายใหญ่ 10x15 ขึ้นไปอยู่บ่อยๆ ส่วนในเรื่องการใช้งานนั้นต้องยอมรับว่าเลนส์ไวแสงนั้น สามารถถ่ายภาพแสงน้อยโดยไม่ต้องใช้แฟลชได้ หวังผลได้มากกว่า แต่มือสมัครเล่นบางคนชอบเลนส์ขนาดเล็กและเบา ดังนั้น ก็อย่าคิดมากกับการเลือกซื้อครับ แน่นอนว่าถ้ามีงบประมาณพอ เลนส์ซูมไวแสงย่อมน่าสนกว่าแน่นอน แต่หากมีงบประมาณไม่พอ เลนส์ระดับกลางนั้น คุณภาพไม่แตกต่างกับเลนส์โปรมากมายจนน่าเกลียดหรอกครับ

เลนส์ครอบจัรวาล Tamron 28-300 mm.

เลนส์ซูมตัวเดียวครอบจักรวาล หรือ แยกเป็น2 ตัว
เป็นคำภามที่พบมากเสมอ สำหรับมือใหม่ที่คิดจะซื้อเลนส์ซูม เพราะนักถ่ายภาพกลุ่มนี้ จะชอบเลนส์ตัวเดียวจบอย่าง 28-200 มม. หรือ 28-300 มม. เพราะ สะดวกในการพกพา แต่ยังอาจลังเล เพราะได้รับคำแนะนำว่า ซื้อแยกเป็น 2 ตัวดีกว่า คือ 28-80 มม. F/3.5-5.6 กับ 75-300 f/4-5.6 ดีกว่า เพราะราคาเลนส์ 2 ตัว นี้รวมกัน ใกล้เคียงกับราคาของเลนส์ 28-200 มม. และ 28-300 มม. แต่สิ่งที่เลนส์ช่วงสั้นได้เปรียบคือ ที่ช่วง 300 มม. รูรับแสงจะอยู่ที่ 5.6 สว่างกว่ากัน ? สตอป และเลนส์ 75-300 มม. จะมีระบบมาโคร 1:2 ให้ด้วย ทำให้ใช้งานได้เอนกประสงกว่า และเลนส์ 75-300 มม. จะไม่มีการเสียทางยาวโฟกัส เหมือนกับเลนส์ 28-300 มม. ดังนั้น เมื่อใช้งานที่ช่วง 200-300 มม เลนส์ 75-300 มม. จะได้ทางยาวโฟกัสแบบเต็มๆ ซึ่งจะเห็นผลชัดเมื่อถ่ายระยะใกล้ เลนส์ 75-300 มม. จะให้อัตราการขยายที่สูงกว่าเสมอ

เลนส์ไวแสงอิสระ หรือเลนส์เกรดธรรมดายี่ห้อกล้อง
     ราคาขายที่ใกล้เคียงกัน ของเลนส์ซูมเกรดโปรจากผู้ผลิตอิสระ กับเลนส์ เกรดธรรมดาของยี่ห้อกล้อง อาจทำให้หลายคนเกิดความสับสนได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ผลิตอิสระ แต่เทคโนโลยีการผลิต ก็ไม่ได้ต่างกันมาก เพราะเมื่อเทียบกับเลนส์เกรดธรรมดาแล้วละก็ เลนส์ซูมเกรดโปรจากผู้ผลิตอิสระ จะมีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่า มีระบบออฟติดที่ดีกว่าเลนส์ เกรดธรรมดาของยี่ห้อกล้องเสมอ และยังได้รูรับแสงที่กว่างกว่า 1-1/2 สตอป ในราคาที่ใกล้เคียงกับเลนส์ธรรมดาของยี่ห้อกล้อง ทำให้เลนส์ซูมเกรดโปรของผู้ผลิตอิสระ มียอดขายใกล้เคียงกับเลนส์เกรดธรรมดาของยี่ห้อกล้อง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ แต่สิงที่ชัดที่สุดที่เลนส์อิสระเสียเปรียบ คือ ความแมทช์กับบอดี ซึ่งเลนส์จากยี่ห้อกล้องเอง จะทำได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระบบ AUTO FOCUS เลนส์ยี่ห้อกล้อง จะทำงานได้รวดเร็วกว่าอย่างชัดเจน

ชุดเลนส์ซูมที่น่าสนใจ
     สำหรับชุดเลนส์โปรนั้น คงไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะผู้ผลิตจากทุกค่าย ทำออกมาอย่างลงตัว เพียงชุดเดียว นั้นคือ 17-35 มม. f/2.8, 28-80 มม. f/2.8, 80-200 มม. f/2.8, หรือ 17-35 มม. f/2.8, 28-70 มม. f/2.8, 70-200 มม. f/2.8, แล้วแต่ยี่ห้อกล้องนั้นๆ เป็นชุดมาตรฐานที่มือาชีพใช้เป็นส่วนใหญ่ (ผมเองยังอยากมีเลยครับ แต่กระเป่ายังไม่หนักพอ) แต่ถ้าเราต้องการประหยัดงบแล้ว เรามาจำเป็นต้องใช้เลนส์โปรทั้งชุดเสมอไป เช่นที่ช่วงมุมกว้าง โอกาสที่จะได้ใช้รูรับแสงกว่าสุดนั้น น้อย ถ้าเปลี่ยนไปใช้เลนส์เกรดกลางๆ f/3.5-4.5 ก็เพียงพอ เพราะคุณภาพไม่ต่างกันมากนัก จะประหยัดได้ ราว 20000-30000 บาท ส่วนเลนส์ช่วงกลาง 28-70 มม. นั้นเปลี่ยนไปใช้เลนส์ไวแสงของผู้ผลิตอิสระจะประหยัดได้กว่า 20000 บาท ส่วนเลนส์ เทเลซูม ถ้างบพอ ควรใช้เลนส์เทเลซูมจากผู้ผลิตกล้องโดยตรง
     ชุดเลนส์ซูมเกรดกลางๆ นั้น มีให้เลือกค่อนข้างมาก ชุดที่น่าสนใจคือ 17-35 มม. F/2.8 ของผู้ผลิตอิสระ กับ 28-105 มม. F/3.5-4.5 หรือ 35-135 มม. f/3.5-5.6 ของผู้ผลิตกล้องโดยตรง ส่วนช่วง TELE เป็น 75-300 มม. f/4-5.6 หรือ 100-300 มม. f/4-5.6 ชุดนี้จะใช้เลนส์ 3 ตัว หรือจะลดลงเป็น 2 ตัว ก็น่าจะเป็น เลนส์ 24-85 มม. f/3.5-4.5 ของผู้ผลิตกล้อง กับ เป็น 75-300 มม. f/4-5.6
     อีกชุดที่น่าสนใจคือ 17-35 มม. F/2.8 ของผู้ผลิตอิสระ กับ 28-200 มม. f/4-5.6 หรือ กับ 28-300 มม. f/4-6.7 ซึ่งชุดนี้จะเป็นชุดเลนส์น้ำหนักเบา คุณภาพใช้ได้ ได้ทางยาวโฟกัสครบทุกช่วง แต่ที่ช่วง เทเล อาจหวังผลได้ไม่มากนัก


<< back to Photo main page

© Copyright 2003 Threestrokesix All right reserved :

Web Size : 15 MB