กลับหน้าหลัก | ไปหน้าสารบัญธรรมะ


มงคลในพระพุทธศาสนา

ปัจจุบันนี้ ชาวพุทธทั้งหลายมีความเชื่อในเรื่องสิ่งที่เป็นมงคลแตกต่างกันไป บางคนก็ไม่เชื่อเลย คิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ บางคนก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่บางคนก็เชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา คิดว่าทำอย่างนั้นแล้วดี เป็นศิริมงคล ทำอย่างนี้ไม่ดี ทำแล้วจะแย่
ลองมาดูกันว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องนี้เอาไว้อย่างไรบ้าง

สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้น มีผู้กราบทูลถามพระพุทธเจ้า ถึงสิ่งที่เป็นมงคล พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า :

การไม่คบคนพาล ๑ การคบบัณฑิต ๑
การบูชาบุคคลที่ควรบูชา ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
การอยู่ในประเทศอันสมควร ๑ ความเป็นผู้มีบุญอันกระทำแล้วในกาลก่อน ๑
การตั้งตนไว้ชอบ ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
พาหุสัจจะการมีศิลปวิทยา ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว ๑
วาจาสุภาษิต ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
การบำรุงมารดาบิดา ๑ การสงเคราะห์บุตรภรรยา ๑
การงานอันไม่อากูล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
การให้ทาน ๑ การประพฤติธรรม ๑ การสงเคราะห์ญาติ ๑
การกระทำอันไม่มีโทษ ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
การงดการเว้นจากบาป ๑ ความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา ๑
ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
ความเคารพผู้อื่น ๑ ความประพฤติถ่อมตน ๑ ความสันโดษ ๑ ความกตัญญู ๑
การฟังธรรมตามกาล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
ความอดทน ๑ ความเป็นผู้ว่าง่าย ๑ การได้เห็นสมณะทั้งหลาย
การสนทนาธรรมตามกาล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
ความเพียรเผากิเลส ๑ การประพฤติพรหมจรรย์ ๑ การเห็นอริยสัจ
การกระทำนิพพานให้แจ้ง ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลายถูกต้องแล้วย่อมไม่หวั่นไหว ๑
จิตไม่เศร้าโศก ๑ จิตปราศจากธุลีแห่งกิเลส ๑ มีจิตอันเกษม ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทำมงคลเช่นนี้แล้ว เป็นผู้ไม่ปราชัยในข้าศึกทุกหมู่เหล่า
ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทุกสถาน นี้เป็นอุดมมงคลของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้น ฯ

อธิบายเพิ่มเติม

* มงคล = สิ่งที่นำมาซึ่งความสุขความเจริญ
* การบูชาบุคคลที่ควรบูชา - เป็นมงคลเพราะเมื่อเราเคารพนับถือใคร ก็จะดำเนินรอยตามคนคนนั้น ถ้าคนคนนั้นเป็นผู้ที่ควรบูชา เราก็จะเป็นคนดีตามไปด้วย
* การอยู่ในประเทศอันสมควร - คือการอยู่ในท้องถิ่นที่เหมาะสมในการดำเนินชีวิต มีสิ่งแวดล้อมที่ดี
* พาหุสัจจะ = พหูสูต คือเป็นผู้ได้ยินได้ฟังมามาก มีความรู้มาก
* การมีศิลปวิทยา - หมายถึงมีความรู้ที่ใช้ประกอบอาชีพได้
* วาจาสุภาษิต - การพูดในสิ่งที่ดี มีประโยชน์
* การงานอันไม่อากูล = การงานอันไม่ยุ่งเหยิง สับสน
* ความสันโดษ = พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่
* การได้เห็นสมณะทั้งหลาย - เป็นมงคลเพราะจะได้มีโอกาสฟังธรรม สนทนาธรรม และไขข้อข้องใจต่างๆ
* การเห็นอริยสัจ = การบรรลุมรรค/ผล การมีดวงตาเห็นธรรม
* การกระทำนิพพานให้แจ้ง - ความหมายใกล้เคียงกับการเห็นอริยสัจ แต่เน้นหนักไปที่ผลจิต ในขณะที่การเห็นอริยสัจเน้นหนักไปที่มรรคจิต
* โลกธรรม - สิ่งที่เป็นธรรมดาของโลก มี 8 อย่างคือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ ได้รับการสรรเสริญ ถูกนินทา มีสุข มีทุกข์

ซึ่งมงคลเหล่านี้ ก็คือคำแปลของมงคลสูตร ที่พระภิกษุนิยมสวดเวลามีงานบุญต่างๆ เช่น งานขึ้นบ้านใหม่ นั่นเอง ซึ่งถ้าพิจารณาแล้วจะเห็นว่า มงคลที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้น เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ถือปฏิบัติอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เหลวไหลไร้สาระเลย และมงคลเหล่านี้จะเป็นมงคลอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อ นำไปใช้ปฏิบัติเท่านั้น ไม่ใช่เพียงแค่นั่งฟังพระสวดแล้วจะเป็นมงคลขึ้นมาได้
ซึ่งบทสวดที่เป็นภาษาบาลีนั้นมีเนื้อความว่า :

อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานฺจ เสวนา
ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ฯ
ปฏิรูปเทสวาโส จ ปุพฺเพ จ กตปุฺตา
อตฺตสมฺมาปณิธิ จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ฯ
พาหุสจฺจฺจ สิปฺปฺจ วินโย จ สุสิกฺขิโต
สุภาสิตา จ ยา วาจา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ฯ
มาตาปิตุอุปฏฺ€านํ ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห
อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ฯ
ทานฺจ ธมฺมจริยา จ าตกานฺจ สงฺคโห
อนวชฺชานิ กมฺมานิ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ฯ
อารตี วิรตี ปาปา มชฺชปานา จ สฺโม
อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ฯ
คารโว จ นิวาโต จ สนฺตุฏฺ€ี จ กตฺุตา
กาเลน ธมฺมสฺสวนํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ฯ
ขนฺตี จ โสวจสฺสตา สมณานฺจ ทสฺสนํ
กาเลน ธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ฯ
ตโป จ พฺรหฺมจริยฺจ อริยสจฺจานทสฺสนํ
นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ฯ
ผุฏฺ€สฺส โลกธมฺเมหิ จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ
อโสกํ วิรชํ เขมํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ฯ
เอตาทิสานิ กตฺวาน สพฺพตฺถมปราชิตา
สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ ตนฺเตสํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ ฯ

หมายเหตุ : ถ้าต้องการดูการแสดงผลที่ถูกต้องของภาษาบาลี ขอให้ใช้ Netscape Navigator

ธัมมโชติ
6 มีนาคม 2544