อย่างนี้ก็มีในโลก!
ตอนนี้เมย์ update ในส่วนนี้แล้วนะ หลังจากที่หลายๆ คนบอกว่าอ่านแล้วสนุกดี คราวนี้เพิ่มเติมอีกหลายเรื่อง หวังว่าคงอ่านกัน เพลินๆ ไม่เครียดนะ แล้วยังไงจะพยายามหาเรื่องต่างๆ มาเพิ่มเติมบ่อยๆ จ้า


1. พฤติกรรมน่าสงสัย
มีชายคนหนึ่งชื่อ โตรุ ฮัตโตริ วัย 39 ปี ชาวญี่ปุ่น เป็นคนที่รักสัตว์เลี้ยงของตัวเองมาก จะไป ไหนมาไหน เป็นต้องหอบหิ้วสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของตัวเองไปด้วยทุกครั้ง แม้ว่าวันหนึ่งจะต้องไปอเมริกา นายฮัตโตริ ก็ยังอุตส่าห์แพ็คสัตว์เลี้ยงตัวโปรดไปด้วยตามปรกติ จะเป็นเพราะการเดินทางที่ต้องใช้เวลานาน ผ่านอากาศที่เปลี่ยนแปลง เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เมื่อมาถึงสนามบิน จุดหมายปลายทาง สัตว์เลี้ยงที่เขาเอามาด้วยกัน ก็มีอันเป็นล้มผึ่ง หงายท้องตายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ เมื่อเป็นเช่นนั้น นายฮัตโตริ จึงเกิดความคิดแล่นขึ้นมาในสมอง ต้องฟ้องร้องสายการบินแห่งนี้ ให้ได้ ในฐานะที่ไม่ดูแลการขนย้ายสัตว์ของตนให้ดี แต่เรื่องกลับตาลปัตร แทนที่เขาจะฟ้องร้องสายการบิน กลับโดนสายการบินนั้นฟ้องแทน โทษฐาน ที่นำสัตว์สงวนที่กำลังจะสูญพันธ์เข้าประเทศอย่างไม่ถูกต้อง อีกทั้งยังทำตายอีกต่างหาก สัตว์เลี้ยงอื่นคงไม่เป็นปัญหา แต่ดันเอา"จระเข้"ข้ามประเทศมาด้วย ก็แบบนี้ล่ะนะ !

2. คู่กันตัวจริง
ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไต้หวัน ที่ญี่ปุ่น ว่าโหดๆ แล้วนั้น ลองมาอ่านตรงนี้ดูสิ แล้ว จะรู้ว่าใครโหดกว่ากัน ที่ประเทศซิมบับเว ได้จัดให้มีการประชุม สส. ขึ้น การอภิปรายก็เหมือนกันประเทศทั่วๆ ไป คือ มีการขุดคุ้ยกันเรื่องราวแต่ปูมหลัง ที่ สส. คนดังเคยประพฤติปฏิบัติมาในอดีต การอภิปรายดำเนินไปอย่างเผ็ดร้อน รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนประธานสภาฯ เอาไม่อยู่ คู่กรณีที่ทุ่ม เถียงกันเลยหันมาเชื้อเชิญให้ไปเคลียร์กันข้างนอกจะดีกว่า ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวออกมานอกประตู สส.ลาซาลุส ฝ่ายรัฐบาลที่ถูกกล่าวหาว่าปากหมา ก็โดดงับปาก สส.เลวีน คู่กรณี งับไม่งับเปล่า ก็เล่นงับซะเต็มที่จนริมฝีปาก สส.เลวีน หลุด ฉีกออกมา เดือดร้อนเจ้าหน้าที่ และเพื่อน สส. ต้องหอบหิ้ว ทั้งคน ทั้งปาก ไปให้หมอต่อ ข่าวไม่ได้สนใจว่าการต่อปากเป็นไปด้วยดีหรือไม่ แต่มุ่งไปที่การสอบถามถึงสาเหตุการทำร้ายร่างกาย ด้วยการกัดปากของ สส.ลาซาลุส ถามไปถามมาได้ความว่า "ก็มันอยากว่าผมปากหมาทำไม เลยสวมวิญญาณหมาให้มันเห็นซะเลย" อย่างนี้ก็มีนะเนี่ย ---

3. ตัวประกันมีปีก
มีชายชราคนหนึ่ง ชื่อ เบเกอร์ อายุ 70 ปี ซึ่งมีที่พำนักอยู่ที่นครนิวยอร์ก USA ถูกเพื่อนบ้านแจ้ง ความเอาตำรวจไปจับโทษฐานเลี้ยงไก่ แล้วปล่อยให้สนามหน้าบ้านสกปรก รกรุงรังไปด้วยขี้ไก่ และรอยเท้าไก่ สร้างสภาวะแวดล้อมให้บ้านและระแวดนั้นเสื่อมเสียไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นขี้ไก่ เศษขนไก่ อะไร ทำนองนั้น ตำรวจมากันจำนวนหนึ่งตามแจ้งความตรงเข้าจะไปจับคุณปู่เบเกอร์ คุณปู่เบเกอร์โกรธแค้นมากเลยจับไก่ที่เลี้ยงไว้ราว 50 ตัวเป็นตัวประกัน หากตำรวจก้าวล้ำเขตเข้ามา ในบ้านแม้แต่ก้าวเดียว เป็นเจี๋ยนไก่ตายหมดเล้าแน่ ตำรวจไม่ฟังเสียง พยายามตะล่อมเข้าไป คุณปู่เบเกอร์เลยสังหารไก่ไปทีเดียวรวด 3 ตัว จากนั้นตำรวจก็ตะครุบตัวได้ ปล่อยไก่ที่เหลือสู่อิสรภาพ --- ไก่ก็ไก่แก สนามก็สนามแก บ้านก็บ้านแก แต่ก็ติดคุกจนได้ งง ----

4. ใช้อีกัวน่าจ่ายค่าโรงแรม
แทนที่จะชำระหนี้ด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิต แต่สำหรับ นายมิเชล เซนิต คนเมืองมิวนิค ทางภาคใต้ ของเยอรมนี กลับใช้อีกัวน่าจ่ายเป็นค่าโรงแรม !!! มิเชลตระเวรขึ้นเหนือล่องใต้ กิน ดื่ม เที่ยว เพลิดเพลินจนเงินเกลี้ยงกระเป๋า เลยไม่มีเงินจ่ายค่าโรงแรม ตีนก่ายหน้าผากคิดนานสองนาน ก็ปิ๊งไอเดีย "ต้องเสียสละอีกัวนาสัตว์เลี้ยงแสนรักที่นำติดตัวมาด้วยนี่แหละ เคลียร์บิลล์ เพราะมูลค่าก็หลายกะตังโขอยู่" พยายามเจรจากับแคชเชียร์สาว ขอให้รับอีกัวนาแทนเงินเถิด เพราะตนเองไม่มีเงินจริงๆ ครั้นถูกปฏิเสธเลย ปล่อยสัตว์เลี้ยงคู่ใจออกมา ขนาดใหญ่ยาวเมตรครึ่งลงบนเคาร์เตอร์ ทำเอาบรรดาพนักงานและแขกต๊กกะใจแทบลมใส่ ลูกค้าพิเรนทร์แผ่นแนบหนี เดือดร้อนถึงตำรวจต้องมาช่วยไล่จับทั้งเจ้าของทั้งสัตร์รูปร่างหน้าตาประหลาด นายมิเชล เซนิต ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลเพื่อพบจิตแพทย์ในโรงพยาบาลบ้าตามระเบียบ "เฮ้อ -- คนเรา"

5. แขกซิกกับหมวกกันน็อค
กฎหมายบังคับให้ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์สวมใส่หมวกกันน็อคไม่ใช่มีแต่ในเมืองไทย ในแคนาดา ก็มีการออก กฎหมายนี้เหมือนกัน ให้ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์ทุกคนสวมใส่หมกกันน็อค ยกเว้น เด็กเล็กที่นั่งไปกับผู้ใหญ่ ผู้ขับขี่สามล้อรับจ้าง และผู้ที่มีศรีษะใหญ่เป็นพิเศษจนสวมหมวกกันน็อคลำบาก เป็นต้น นอกนั้นหากเผลอไม่สวมหมวกกันน็อคมีหวังถูกจับ และปรับเป็นเงินหลายสตางค์ทีเดียว ปัญหาเกิดขึ้นจนได้ เมื่อประชาชนกลุ่มหนึ่งออกมาค้านหัวชนฝา ยังไงก็ไม่ยอมสวมใส่หมวกกันน็อคเด็ดขาด และรัฐก็ปรับพวกเขาไม่ได้ด้วย ประชากรดังกล่าว ได้แก่ พวกแขกซิก โพกหัวหนาเตอะ ซึ่งมีอยู่ในแคนาดา ร่วม 300,000 คน ซึ่งพวกนี้ ก็เหมือนกับที่เราคุ้นเคยตามย่านพาหุรัด เรื่องนี้ถูกยื่นประท้วงและฟ้องร้องต่อศาลว่า รัฐบาลละเมิดสิทธิมนุษยชนว่าด้วยการนับถือศาสนา ถ้าจะให้แขกซิก ใส่หมวกกันน็อคก็ต้องเปลื้องผ้าคุมหัว .. ซึ่งผิดหลักทางศาสนาอย่างแรก สุดท้ายกฎหมายก็ต้องได้รับการแก้ไข ยกเว้นให้แขกซิกขี่มอเตอร์ไซด์ โดยไม่ต้องสวมหมวกกันน็อคได้ -- เรื่องไม่น่าเป็นเรื่องแท้ๆ เลย --

6. หลักฐานอยู่ในกระเพาะ!
ที่ไหนในโลกต้มเหล้าเถื่อนก็โดนจับทั้งนั้น เคนยาก็เหมือนกัน จับได้ไม่เว้นแต่ละวัน ยิ่งจับก็ยิ่งต้ม เพราะไม่มีเงินจะไปซื้อเหล้าถูกกฎหมายดื่มกัน วันนั้นชายคนหนึ่ง ถูกจับกุมพร้อมเหล้าเถื่อนของกลาง 5 ลิตร ระหว่างรอศาลพิจารณาคดีช่วงบ่าย นายคนนี้ก็ขอตัวไปนั่งกินข้าวกลางวัน ขณะกินข้าวอยู่ก็คิดได้ว่า หากหลักฐานไม่มี ศาลก็ชี้ความผิดไม่ได้ อย่ากระนั้นเลย จึงค่อยๆ ย่องไปหยิบไหเหล้าเถื่อนของตน ที่เจ้าหน้าที่เผลอวางไว้วิ่งอย่างเร็วจี๋ เข้าไป แอบในห้องน้ำ จากนั้นก็กระดกพรึ่ดๆ ทีละอึก 2 อึก จนหมด 5 ลิตร ใน 20 นาที แล้วค่อยๆ เอาไหเหล้ากับไปวางไว้ ที่เดิมที่มันวางไว้ ถึงเวลาศาลเรียกตัดสินคดี อัยการรายงานให้ศาลทราบว่า จำเลยถูกจับโทษฐานต้มเหล้าเถื่อน ขอให้ศาล พิจารณาโทษจากการกระทำผิดของจำเลยด้วย ว่าพลางยกไหเหล้าของกลางให้ศาลพิสูจน์ พลันตกใจว่าเหล้าของกลาง ระเหยหายไปไหนหมด ครั้นเหลือบไปเห็นจำเลย นั่งฟุบในคอกไต่สวนในสภาพเมาแอ่นก็ทราบกันถ้วนหน้าว่า ของกลางถูกจำเลย ซัดทำลายไปหมดแล้ว จากโทษแค่ปรับ กลายเป็นต้องติดคุก เพราะจำเลยเจตนาทำลายหลักฐาน ซึ่งเป็นของกลางจนหมดสิ้น -- ซวยจริงๆ เล้ย --

7. กลเม็ดเผด็จรักสาวคูเวต
ประเทศที่สตรียังอยู่ในกรอบประเพณีศาสนา ไม่มีสิทธิ์เผยอหน้าออกมาซ่าตามที่สาธารณะได้อย่างสง่า ผ่าเผย เหมือนกันอินเดีย ผู้หญิงอาหรับน่าสงสารมากทีเดียว ไม่รู้กามเทพเกิดนึกพิเลนอะไรดันแผลงศรให้ทั้งคู่มาเจอะ เจอกันจนได้ หนุ่มอินเดียนาม พาหุจัน สามัจ เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลทรายไปทำงานที่คูเวต เกิดปิ๊งกับสาวสวยที่นั่น อย่างจับจิต ได้แต่ลักลอบคุยกันจะชวนกันเดินไปไหนมาไหน ควงคู่ออกหน้าออกตา ไม่ได้ เพราะศาสนามุสลิม ไม่อนุญาตเด็ดขาดให้ผู้หญิงแห่งชาติเปิดเผยหน้ตาหรือใกล้ชิดกับชาย 2 ต่อ 2 ในที่สาธารณะ ไม่อนุญาตแม้กระทั่งพี่น้อง ญาติมิตรด้วยกันเองก็เถอะ แต่ทำอย่างไรได้ความรักอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งหมด ทั้งสิ้นแผนการลักลอบเจอกันของทั้งสองจึงเกิดขึ้น เมื่อหนุ่มอินเดียลงทุนแต่งเป็นสาวคูเวตปิดหน้าปิดตา จนมองไม่รู้ว่าเป็นเพศไหนกันแน่ แล้วก็นัดแนะชวน สาวคูเวตคู่รักออกไปดูหนังด้วยกันซักเรื่อง กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่พอดี เผอิญตำรวจเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นขนหน้าแข้งของเจ้าหนุ่มปลอม ขณะ ลมพัดผ้านุ่งสะบัดขึ้น ความเลยแตก หนุ่มอินเดียหน้าซื่อถูกส่งกลับอินเดีย โดยปัจจุบันทันด่วน และห้ามเข้าคูเวตอีกไม่ว่า กรณีใดๆ ทั้งสิ้น โธ่เอ๊ย! ใช้แผนใดไม่ใช่ 'บังเอ๋ย' ใส่ชุดผู้หญิงไปจับผู้หญิงคูเวตนั้น ถ้าทำได้ง่าย เขาก็ทำกันทั้งเมืองไปแล้วสิ!

8. โกนหนวด 25 ล้าน
ประธานาธิบดี เอควาดอร์ "อับดาลา บูคารัม" มีเอกลักษณ์พิเศษส่วนตัวที่เลี้ยงไว้นานถึง 25 ปี นั่นคือ หนวดสุดงาม ที่บรรจงแต่ง บรรจงเล็ม จนงอโค้งเข้าที่ ท่านรักหนวด พอๆ กับภรรยาของท่านเลยทีเดียว ด้วยความที่หนวด คือ เอกลักษณ์ของท่าน ไปไหนมาไหน จึงมีแต่คนพูดถึงหนวด พูดไปพูดมาก็ลงท้ายที่ หากใครจะจ้างให้ท่านโกนหนวดนี้ทิ้งจะยอมหรือไม่ (คนถามมันเสี่ยงน่าดู) ท่านบอกไม่มีปัญหา ถ้าราคาค่าจ้าง มันคุ้มค่าให้กระทำ !! แหย่ไปอย่างนั้น ก็เลยเป็นเรื่อง 25 ล้านบาทเท่ากับ อายุหนวดที่ท่านเลี้ยง คือราคาที่มีคนเสนอให้ท่านประธานาธิบดีโกนมันทิ้งไป และแล้ว วันสำคัญก็มาถึง การโกนหนวดราคาแพงที่สุดในโลกก็เริ่มขึ้นท่ามกลาง สักขีพยานจากห้องส่ง และคนดูโทรทัศน์ทั่วประเทศ ในที่สุด หนวดสุดงามก็เกลี้ยงเกลา เหลือเพียงใบหน้าของท่านที่ดูหล่อเหลาเอาการทีเดียว หนุ่มขึ้นกว่าเดิม นับ 10 ปี 'ผมยอมโกนหนวดที่ผมรักทิ้ง ก็เพื่อจะนำเงินค่าจ้าง 25 ล้านบาท ไปอุทิศให้กับเด็กๆ ยากจน เพื่อที่เขาจะได้ มีอาหารกิน มีเสื้อผ้าใหม่ใส่และมียารักษาโรค' แน่ะ ! ที่แท้ก็โกนหนวดหาเสียงนี่หว่า

9. เหรียญ 'สุนัข' กล้าหาญ
ที่ออสเตรเลีย ได้ทำพิธีมอบเหรียญกล้าหาญ แบบ 'กางเขนเหล็ก' ให้กับสุนัขพันธ์ทอร์เรีย ชื่อ ฟูโซ่ ขึ้น ปูมเหตุเกิดมากจากวันหนึ่ง ขณะเด็กชายวัย 9 ขวบ ผู้เป็นเจ้าของกำลังเพลิดเพลิน เจริญใจในสวนหลังบ้าน ฉับพลันโดยที่ไม่มีใครรู้ งูพิษตัวขนาดใหญ่ กำลังชูคอแผ่แม่เบี้ยจ้องอยู่ข้างหลังเด็กคนนั้น รอจังหวะให้เดิน เข้ามาในระยะเป็นได้ฉกแน่นอน เจ้าฟูโซ่ เห็นเหตุการณ์ วินาทีก่อนที่งูจะฉกหัวล10:51 15/8/42งมา มันกระโดดลงมาจากบ้าน กระโจนเข้าขม้ำอสรพิษร้าย 2 ฝ่ายฟัดกันนัวเนียเหมือนงูเห่ากับพังพอน (ขนาดนั้นเลย) ฟูโซ่โดนฉกกัดหลายที่ ในขณะที่มันสามารถงับคองูได้ และสบัดฟาดมันกับพื้นจนงูร้ายขาดใจตายคาที่ ตัวมันเองก็อาการหนัก พิษงูเริ่มแผ่ซ่านเข้าสู่ตัวมันเกือบทั่วร่าง แต่เจ้าฟูโซ่ก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และ สัตวแพทย์ก็ฉีดเซรุ่มให้จนพ้นขีดอันตราย ข่าวของมันดังไปทั่วออสเตรเลีย ใครผ่านไปผ่านมาก็อยากจะมาเล่นมาทักทาย ฟูโซ่รับเหรียญกล้าหาญแล้วก็ไม่ได้ ทำตัวผิดแผกจากแต่ก่อน มันไม่ยักกะลืมตัวแฮะ !!!

10. รักน่ะรัก แต่ทนสภาพไม่ไหว
ที่ศาลเมืองอะไรไม่รู้ ประเทศบราซิล ยายแก่รุ่นทวด 73 ปี หอบสังขารตัวเองขอพึ่งบารมีศาล เรื่องมีอยู่ว่า นางได้แต่งงานอยู่กินกับสามี หนุ่มเอ๊าะวัยเบญจเพศวัย 25 ปี ความรักหวานชื่น ดูดดื่มนับตั้งแต่พบกันครั้งแรกที่สนาม ฟุตบอลร่วมเชียร์ทีม ซานโต๊สขวัญใจของเขาทั้งสอง เจอกันครั้งหนึ่ง ก็เกิดการจัดหมายพบกัน ครั้งที่ 2 ที่ 3 ขึ้น จนสุด ท้ายก็ลงเอยด้วยความรัก ได้เสียและอยู่ด้วยกันราว 5 ปีกว่าเห็นจะได้ แต่มาบัดนี้ สามีหนุ่มขของยาย เอ๊ยนาง เริ่มตีตัวออกห่าง สืบจนรู้แน่ชัดว่า ไปติดพันกับสาวที่มีอายุรุ่นราวคราว เดียวกัน ล่าสุดก็เกิดมีปากเสียงกันรุนแรง ลงท้ายที่สามีหนุ่มขนเสื้อผ้า ข้าวของออกจากบ้านไปพรอดรักกับชู้ใหม่อย่างเปิดเผย ทนไม่ด๊าย ... ทนไม่ได้ ... นางรำพันด้วยเสียงสั่นเครือ "ข้าแต่ศาลที่เคารพ ต้องจัดการเรื่องค่าเลี้ยงดูตามกฏหมายให้อีชั้นด้วยนะคะ ไม่งั้นอีชั้นจะกัดลิ้นตายตรงนี้" ศาลรับฟังแล้วนัดสามีหนุ่มมาฟังข้อกล่าวหา "ผมจะไปรับผิดชอบค่าเลี้ยงดูได้ยังไง ในเมื่อเงินเดือนผมทั้งเดือน ก็ไม่พอเลี้ยงตัวเองอยู่แล้ว" เขาขอความเห็นใจ ข่าวไม่ได้แจ้งต่อว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่กระจอกข่าวก็ยังกระซิบเบื้องหลังตามน้ำมาว่า "มันทนมาได้ยังไง ตั้ง 5 ปีว่ะ!!"

11. กำไรเหนาะๆ
นายซายดู ดัน อัลเลาะห์ อยู่ทางตอนเหนือของไนจีเรีย ประเทศแชมป์เหรียญทอง ฟุตบอลโอลิมปิก มีอาชีพเป็นพ่อค้ารับซื้อขายวัว วันหนึ่งเขาขายวัวได้คิดเป็นเงินไทยประมาณ 30,000 บาท ตรวจนับเงินเสร็จ ก็นำเงินนั้นใส่ไว้ในกระสอบ สำหรับใส่อาหารวัว มัวแต่คุยกับลูกค้าเพลิน ไอ้วัวตัวแสบดันคิดว่าในกระสอบคืออาหาร ก็เลยกินอาหารมื้อที่แพงที่สุดถึง 30,000 บาท แม้นายอัลเลาะห์ จะโกรธแค้นวัว แต่เขาก็ทำอะไรเจ้าวัวไม่ได้ เพราะการฆ่าวัวผิดหลักของศาสนา ห้ามฆ่าสัตว์ เด็ดขาด หาทางออกไม่เจอ พอดีมีคนมารู้ข่าว ก็เลยนึกถึงกำไรอย่างง่าย โดยการขอซื้อวัวตัวนั้น เพื่อจะได้ผ่าเอาเงิน ตรงกระเพาะอาหาร ก็เลยซื้อวัวในราคาที่แพง แล้วเจรจากับพ่อค้าว่าจะให้เงินพิเศษในราคาครึ่งหนึ่งที่พ่อค้าขายได้ ก็เลยซื้อวัว มาในราคา 15,000 บาท พ่อค้าวัวก็เลยขาย แต่ความซวยมาเยือนลูกค้าที่มาหลอกขอซื้อวัว เมื่อผ่ากระเพาะวัวแล้ว ปรากฏว่าเจ้าวัวตัวแสบย่อยอาหารมื้อ แพงของมันเรียบร้อยแล้ว ทำเอาพ่อค้าหัวใสถึงกับเป็นลมบ้าวัว ทุนก็แพง กำไรก็ไม่ได้ "ทุนหาย กำไรหดนี่นา!!"





อ๊ะๆ อ่านจบแล้ว ก็คลิกให้เมย์หน่อยนะ เก็บเงินเป็นทุนการศึกษาน่ะ
Click For Sponsor>
Free Advertising from Click2Net!