การแปลงสัญญาณอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิตอล (A/D)
ในกรณีถ้าระบบเครือข่ายของเราเป็น แบบดิจิตอล คือ สามารถส่งผ่านสัญญาณดิจิตอลสู่ช่องทางสื่อสารดิจิตอล ได้โดยตรง เช่น ในเครือข่าย ISDN หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์(Electronic Mail) เป็นต้น เราสามารถส่งสัญญาณ ดิจิตอลที่ออกจากคอมพิวเตอร์สู่เครือข่ายได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านโมเด็มและในทำนอง เดียวกันเราก็สามารถส่งสัญญาณอนาล็อกผ่านเข้าไปในระบบเครือข่ายดิจิตอลได้โดยการเปลี่ยนแปลงสัญญาณอนาล็อกให้ เป็นสัญญาณดิจิตอลเสียก่อนโดยใช้อุปกรณ์ที่ทำงานตรงกันข้าม กับ โมเด็ม คือ โคเดก ( CODEC หรือCOder/DECoder )
เทคนิคในการเปลี่ยนแปลงสัญญาณอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิตอล แบ่งออกเป็น 2 วิธีคือ
1.
การมอดูเลตทางแอมปลิจูดของพัสส์หรือ
PAM (Pulse Amplitude Modulation)
2.
การมอดูเลตแบบรหัสพัลส์หรือ
PCM (Pulse Amplitude Modulation)
การมอดูเลตทางแอมปลิจูดของพัลส์
(PAM)
โดยอาศัยหลักการแซมปิงหรือการชักตัวอย่าง
(Sampling) ของสัญญาณ
ที่เป็นอนาล็อก(ต่อเนื่อง)ตามช่วงเวลาให้สัญญาณนั้นขาดจากกันเป็นพัลส์ๆ
โดยขนาดของแต่ละพัลส์จะเท่ากับขนาดของ
สัญญาณเดิมในช่วงเวลานั้นๆ
ทางทฤษฎีการ แซมปิงจะทำด้วยอัตราสองเท่าของแบนด์วิดท์ของสัญญาณอนาล็อกเป็นจำนวนครั้งต่อวินาที
(อัตราแซมปิง= 2 BW เฮิรตซ์)
ยิ่งถ้าแซมปิงสัญญาณด้วยอัตราน้อยเท่าไรเราก็จะได้สัญญาณพัลส์ที่ใกล้เคียงกับสัญญาณ
เดิมมากที่สุดแต่ถ้าอัตราน้อยเกินไปสัญญาณก็จะกลับไปเป็นสัญญาณอนาล็อกเหมือนเดิมจะเห็นว่าขนาดของพัลส์ของแต่ละแซมปิงเป็นอัตราส่วนโดยตรงกับสัญญาณเดิมและสัญญาณใหม่ที่ได้จะเป็น
แบบไม่ต่อเนื่อง ( Discrete )
แต่ขนาดของสัญญาณพัลส์ยังเป็นแบบต่อเนื่องเท่าและเหมือนสัญญาณเดิมดังนั้น
ในการส่งสัญญาณPAMในระยะทางไกลๆ
จะเกิดสัญญาณรบกวนได้ง่ายเช่นเดียวกับการส่งสัญญาณแบบ
AM
ซึ่งจะไม่สามารถแก้ไขได้เมื่อสัญญาณถึงปลายทางการมอดูเลตแบบรหัสพัลส์
( PCM ) เนื่องจากขนาดของพัลส์
ในแบบ PAM
ยังคงเป็นแบบต่อเนื่องการส่งสัญญาณแบบ
PAM จึงไม่ได้ต่างอะไรกับ
การส่งสัญญาณอนาล็อก
เลยดังนั้นในวิธีการส่ง แบบPCM
จึงมีขั้นตอนการทำให้ขนาดของสัญญาณข้อมูลเป็นแบบไม่ต่อ
เนื่องก่อนด้วย วิธีการที่เรียกว่า
การควอนไทซ์ ( Quantize )