ระบบซิงโครนัส

  ( 1 ) การซิงโครโครไนซ์บิตและการซิงโครไนซ์บล็อก

        เมื่อสัญญาณข้อมูลถูกส่งผ่านไปตามสายส่งสัญาญาณ  เข้าสู่  DTE  ปลายทาง  สิ่งที่สำคัญก่อนอื่นก็คือ

อุปกรณ์ปลายทางจะต้องสามารถสัญญาณไบนารีหรือบิตซึ่งเป็นสัญญาณพื้นฐานที่สุดนี้ให้ได้อย่างถูกต้องตาม

จังหวะที่ส่งมา เสียก่อน  การที่อุปกรณ์ปลายทางสามารถรับส่งอุปกรณืไบนารีได้ถูกต้องตามจัหวะนี้เรียกว่า  การ

ซิงโครไนซ์บิต

       เมื่ออุปกรณ์ปลายทางสามารถรับส่งบิตต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องแล้ว  อุปกรณ์ปลายทางก็ยังจำเป็นต้องรู้ว่าสัญญาณ

ที่รับมานั้น  สำหรับสหัสแต่ละตัวมีการเริ่มต้นและสิ้นสุดที่ใหนเรียกว่าการซิงโครไนซ์บล็อก

       วิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้มีการซิงโครไนซ์บิต และการซิงโครไนซ์บล็อกนั้น  ทำได้โดยการส่งสัญญาณไทมิ่งไปยังสายอีก

เส้นหนึ่งขนานไปกับสายที่ส่งสัญญาณข้อมูล  แต่วิธีนี้จะไม่สามารถทำได้กรณีที่ติดต่อกัน  เป็นระยะไกล ๆ เพระค่าใช้จ่าย

สูงมาก

   ( 2 ) การส่งแบบซิงโครนัสและการส่งแบบอะซิงโครนัส

           วิธีส่งข้อมูลในทางปฏิบัตินั้น  เมื่อแบ่งตามลักษณะการซิงโครไนซ์แล้วจะแบ่งได้เป็นการส่งแบบซิงโครนัส  และการ

ส่งแบบอะซิงโครนัส  ซึ่งทั้งสองแบบนี้จะใช้วิธีแยกสัญญาณไทมิ่งจากสัญญาณข้อมูลที่รับมา

          การส่งแบบอะซิงโครนัสซึ่งส่วนใหญ่จะใช้กับระบบที่มีการส่งข้อมูลอัตราต่ำนั้น  DTE  ทางด้านส่งเมื่อต้องการส่งสัญญาณ

รหัสออกไป  ก็จะจัดสัญญาณนั้นให้อยู่ในรูปอนุกรมแล้วเติมบิตเริ่มต้น  ( start bit  )  ไว้ที่ด้านหน้า  และเติมบิตสิ้ดสุด 

( stop bit )  ไว้ที่ด้านหลัง  แล้วส่งออกไปตามจัหวะของสัญญาณนาริกาทางด้านส่ง  ส่วน  DTE  ทางปลายทางนั้น  เมื่อรับบิต

เริ่มต้นได้ก็จะทำการรับสัญญาณข้อมูลที่ส่งตามมา  โดยใช้จังหวะของสัญญาณนาฬิกาของสถานีตัวเอง  และจะรับสัญญาณจน

กว่าจะถึงบิตสิ้นสุดแล้วจึงหยุดรับ  ดังนั้นวิธีการนี้  DTE  ก็จะทำการซิงโครไนซ์บิตและซิงโครไนซ์บล็อกพร้อมกันไป  แต่วิธีนี้จะ

มีปัญหา  เกิดขึ้นได้ถ้าสัญญาณรหัสที่ส่งมามีความยาวมากขึ้น  เพราะนั้นหมายถึงจังหวะสัญญาณนาฬิการทางด้านส่งและด้านรับจะ

มีโอกาศเบี่ยง เบนกันไปได้มากขึ้น  เพราะฉะนั้นจึงมักจะใช้ส่งสัญญาณรหัสเป็นหน่วยสั้น ๆ