» ซำบายดี ลาว » ของฟรีที่ สมุย » จดหมายเหตุกรุงศรี ฯ :: บ. บันทึก :: ล. ลิงค์ :: ก. เกสบุค :: ม. เอวเมว :: ฮ. โฮม |
วันอาทิย์ ที่ 2 มีนาคม 2546เช้าอันเร่งรีบ ผมจัดแจงยัดของงกระเป๋า เสื้อที่ตากไว้เมื่อคืนนี้ยังไม่แห้งเลย แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะจะเอาไปตากบนเรือ เราสั่งขนมปังแซนวิสยาว คนล่ะอัน ราคา 8,000 กีบ สาวน้อยคนทำอายุ 12 ตัวเล้กเหลือเกิน เธอทา ๆ ยัด ๆ ดูแล้ว ไม่สมราคาเอาเสียเลย ยัดเสร็จก็ตัดครึ่งเพราะมันยาวเกิน ผมเดินมาซื้อกล้วย ราคาแพงมาก หวีละ 20 บาท โห....เอากำไรเห็น ๆ เลย ผมเลยเอาแค่ 3,000 กีบพอ วันนี้อาหารเช้าคือแซนวิส อาหารกลางวันคือ แซนวิสที่เหลือและ กล้วย กับแอปเปิล 1 ลูก พอเราลงเรือ เขาก็บอกว่าเรืออก 2 โมงเราก็เลยต้องรอคนอื่น ๆ วันนี้ คนฝรั่งเศส ไม่ไปต่อแล้ว เหลือต่างชาติแค่ 9 คน ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ทุกคนประจำที่เดิมยกเว้นผมที่เปลี่ยนที่ วันนี้ขอนอนแต่น้อย ๆ เพราะโนริโอะมันว่าให้เมื่อวานนี้ อากาศยังหนาว หมอกก็ยังปกคลุมภูเขา วันนี้ผมใช้เวลาส่วนใหญ่เดินไปมาบนเรือ นั่งอาบแดด ตากผ้า คุยกะ 2 พ่อลูกชาวลาว เขียนอะไรเล่น ๆ จนได้เวลาหิว แต่ก่อนที่ผมจะหิว โนริโอะก็หิวก่อน ไม่รู้ว่ามี 4 กระเพาะหรือไงถึงได้หิวบ่อยเหลือเกิน กินมาก หิวมาก....... โนริโอะ ขอกินแซนวิสส่วนที่ผมเหลือไว้ ผมก็ให้ไป ตัวเองก็ปอกกล้วยเข้าปาก ยังไม่อิ่มก็เลยเดนไปท้ายเรือยืมมีดเขา ปอกแอปเปิลแล้วเอามากินด้านหน้า แบ่ง ๆ กันกินคนละชิ้น กับโนริโอะ และ 2 พ่อลูก... น่าเสียดายจริง ๆ ผมทำชิ้นเบอเริ่มตกพื้น..... :-( ตกบ่าย ผมก็ยังทำแบบเดิม ๆ นั่งดูอะไรต่อมิอะไร ริมน้ำโขง 2 พ่อลูกขึ้นฝั่งที่ ปากทา ก่อนจากกันโนริโอะก็ขอถ่ายรูปคู่กับ 2 พ่อลูก ... ตลอดระยะทางบนเรือ ผมคิดแต่ว่า อยากจะเห็นฝั่งไทยเร็ว ๆ อยากจะอยู่ใกล้ ๆ บ้าน และเมื่อเห็นฝั่งเชียงของ ก็ดีใจ อะไร ๆ มันก็ดูดีไปหมด เรือเข้าจอดที่ ท่าเรือห้วยทราย เราขึ้นฝั่งแล้วก็ออกเดินหาเกสเฮาส์ เดินไปตามถนนเรื่อย ๆ เจอที่ไหนก็เข้าไปถาม มีที่หนึ่งสวยดี ราคา 200 บาท เราก็เลยไม่เอา มาได้ที่พักที่ราคา 100 บาท ห้องก็ดี 2 เตียงห้องน้ำแยก ห้องน้ำสะอาดมีน้ำอุ่นให้ มีชักโครก....โอ้...คุ้มเลยล่ะ เราอาบน้ำอาบท่า ก็เดินมาหาของกินที่ริมน้ำโขงตรงเรือจอด วันนี้ผมกินเฝ๋อ และโนริโอะก็เหมือนกัน แค่นั้นไม่พอ สั่งส้มตำ กับข้าวเหนียวมากิน บวกกับเบียร์ลาว วันนี้ผมขอเบียร์จากโนริโอะแก้วนึง เป็นมื้อที่รู้สึกอร่อยเพราะว่า หิวจัด..... ในวงสนทนาในมื้อนี้ ผมกับโนริโอะเกิดการถกเถียงกันอีกครั้ง คราวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ลักษณะการกินข้าวของคนไทยกับคนญี่ปุ่น โนริโอะบอกว่า ผู้ชายญี่ปุ่น ต้องกินแบบ man-like กินข้าวแบบ แมน-ไลค์ คือกินเยอะ ๆ ไม่ใช่กินแบบ ดม ๆ เอาอย่างผม ผมก็แย้งสิว่า คนไทยน่ะหากกินมากเขาเรียกว่าตะกละ คำว่า man-like eating style น่ะในไทยไม่มีหรอก กินมากใช่ว่าจะดี กินมากก็ง่วง สมองไม่ทำงาน... เราหาข้อสรุปเรื่องนี้ไม่ได้ ผมน่ะยอมอยู่แล้ว แต่ขออธิบายลักษณะการกินของคนไทยก่อน ถกเถียงกันอย่างเมามัน...จนในที่สุดก็ ทิ้งไว้ซะตรงนั้น ก่อนจะพากันเดินกลับ เกส เฮ้าส์ ผมดีใจมากที่คืนนี้ได้ฟัง รายการเพลงไทยอีกครั้ง แม้ว่าจะยังอยู่ฝั่งลาวก็ตาม ..... กลับไปหน้า...รวมวัน |