โรคผื่นแพ้พันธุกรรม
Home ยา ผู้หญิง เด็ก เครื่องสำอาง ปฐมพยาบาล โรคทั่วไป อื่นๆน่าสนใจ สอบถามปัญหา
This Web

 

Related Topic

 

Other Web


เชิญ ติชม สอบถาม เสนอแนะ

ชื่อ
email
ติชม เรื่องที่อยากสอบถาม

 

 

 

คัดลอกมาจากเอกสารเผยแพร่ "วิธีจัดการโรคผื่นแพ้พันธุกรรม : คำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง" จัดทำโดยบริษัท เชอริ่ง-พลาว
โรคผื่นแพ้พันธุกรรมคืออะไร?        

โรคผิวหนังผื่นคันในเด็กหรือที่รู้จักกันดีในชื่อ โรคผื่นแพ้พันธุกรรม เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีผิวหนังแพ้งและคัน บ่อยครั้งที่โรคนี้จะถูกเรียกว่า "โรคคันที่ทำให้เกิดผื่น" เนื่องจากอาการมักเริ่มต้นด้วยอาการคัน เมื่อคัน เด็กก็จะเกา หลังจากนั้นผื่นก็เกิด ยิ่งเด็กเกามากเท่าไร ผื่นก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เมื่อผิวหนังถูกเกาอย่างไม่หยุดยั้ง การติดเชื้อที่ผิวหนังก็เกิดตามมา สำหรับเด็กที่เป็นโรคผื่นแพ้พันธุกรรม ผิวหนังของเขาจะอ่อนไหวมาก อะไรๆภายในบ้านหรือที่อยู่ใกล้ตัวเด็กล้วนแต่สามารถทำให้เดิกเกิดอาการคันได้และทำให้ผิ่นมากขึ้น และรุนแรงขึ้นได้

ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวที่จะบอกได้ว่าใครจะเป็นหรือไม่เป็นโรคผื่นแพ้พันธุกรรม ไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อไรเด็กจะเป็นโรคนี้ หรือแม้กระทั่งจะบอกว่าโรคจะหายได้เมื่อใด แต่ยังมีความจริงบางประการที่คุณพ่อคุณแม่ควรทราบเกี่ยวกับโรคผื่นแพ้พันธุกรรม ดังนี้

  • โรคผื่นแพ้พันธุกรรม เริ่มเป็นได้ตั้งแต่ลูกยังเป็นทารกอายุระหว่าง 2 - 6 เดือน ร้อยละ 60 ของเด็กที่เป็นโรค พบในช่วงอายุ 2 ปี

  • ไม่มีใครทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคนี้ แต่จะพบเสมอว่ามีสมาชิกในครอบครัวมีประวัติภูมิแพ้ เช่น ลมพิษ โรคภูมิแพ้ เป็นต้น

  • ประมาณร้อยละ 50 ของเด็กที่เป็นโรคผื่นแพ้พันธุกรรม จะเป็นหอบหืดหรือเป็นโรคภูมิแพ้ในที่สุด

  • โรคผื่นแพ้พันธุกรรมเป็นโรคเรื้องรังติดตามวัยของเด็ก จึงต้องการการดูแลรักษาทุกวันด้วยยาและทาผิวหนังด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ พวกครีม หรือโลชั่นทุกวัน เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้นอยู่เสมอ

  • เด็กส่วนใหญ่ที่เป็นโรคผื่นแพ้พันธุรรมจะมีอาการน้อยลงเมื่อโตขึ้น แต่บางคนก็จะเป็นโรคนี้ไปเรื่อยๆจนเข้าสู่วัยรุ่น และบางครั้งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่

ทำอย่างไรได้บ้างที่จะทำให้ลูกดีขึ้น ?        

บันไดขึ้นแรกของการดูแลรักษาอาการของโรคผื่นแพ้พันธุกรรมก็คือ แก้อาการคัน เมื่ออาการคันน้อยลง เด็กจะเกาน้อยลง และผื่นก็จะยุบลง คุณและลูกน้อยจะหลับได้มากขึ้น แต่โปรดระลึกไว้ด้วยว่า การเอาชนิดอาการคัน ต้องการความร่วมมือจากคุณอย่างมาก การตั้งกฎเกณฑ์ข้อปฏิบัติต่างๆและปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เอาชนะอาการคันได้ แต่ก็ต้องอาศัยเวลากว่าคุณจะสามารถปฏิบัติตามได้อย่างสำเร็จ อย่า...อย่าเพิ่งท้อ ขอเพียงแต่คุณได้ร่วมมืออย่างจริงจังกับแพทย์ หรือเภสัชกรที่ดูแลลูกของคุณ คุณก็จะประสบความสำเร็จ

กฎในการเอาชนะอาการคัน คือ

  1. อย่าปล่อยให้ผิวหนังของลูกแห้งเป็นขุย อาบน้ำให้ลูก และใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เช่น ครีม โลชั่น หรือ ออยล์ ทาที่ผิวหนังของลูกทันทีหลังอาบน้ำ

  2. หากแพทย์ที่ดูแลลูกของคุณบอกให้ใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดทาที่ผิวหนังของลูก ก็จงปฏิบัติตาม

การอาบน้ำ การทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น การใช้ยา        

การอาบน้ำ จะช่วยทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น และช่วยลดจำนวนจุลชีพตรงผื่นได้ด้วย แต่คุณต้องไม่ลืมทามอยส์เจอร์ไรเซอร์บนผิวหนังของลูกทันทีหลังการอาบน้ำ

การอาบน้ำให้ลูกนับเป็นช่วงเวลาที่มีค่ายิ่ง อย่างน้อยมันก็ทำให้คุรสามารถปลีกตัวจากงานอันยุ่งเหยิง แล้วมีเวลามาสำรวจผิวหนังของลูก อีกทั้งคุณจะรู้สึกมีความสุขที่เห็นลูกสนุกเมื่อได้เล่นน้ำ

อย่างไรเสียคุณก็อาจต้องใช้เวลาในการปรับตารางการทำงาน เพื่อที่คุณจะมีเวลาอาบน้ำให้ลูกได้เป็นประจำ คุณอาจต้องเสียเวลาอยู่บ้างในการสำรวจ และเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์และใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดทาที่ดีที่สุดสำหรับลูก ขอให้อดทน และโปรดระลึกไว้ว่า เมื่อคุณควบคุมอาการคันได้แล้ว นั่นแปลว่ามันก็ง่ายนิดเดียวที่จะจัดการกับโรคผื่นแพ้พันธุกรรม

คำแนะนำในการอาบน้ำให้ลูก

  • คุณควรอาบน้ำให้ลูกทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง น้ำจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง หากจะเอาลูกแช่น้ำก็ทำได้ แต่อย่าแช่น้ำนาน เวลาที่เหมาะสมคือ ประมาณ 5 นาที

  • น้ำร้อน จะทำให้ผิวของลูกแห้งจนเกินไป

  • หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ เว้นเสียแต่ว่าสิ่งสกปรกจะไม่หลุดออกด้วยน้ำเปล่า ถ้าจำเป็นต้องใช้สบู่ให้เลือกแบบที่อ่อน มีสารให้ความชุ่มชื้น สารทำความสะอาดที่ไม่ทำให้ผิวแห้ง โดยใช้สบู่ในปริมาณน้อยในช่วงสุดท้ายของการอาบน้ำ ตรงบริเวณที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ควรทำให้เป็นฟอง หรือถูด้วยผ้า เนื่องจากถ้าใช้สบู่ปริมารมากไป จะทำให้ผิวลูกแห้งมากยิ่งขึ้น และการถูด้วยผ้าจะทำให้ผิวหนังระคายเคือง จากนั้น ให้ล้างสบู่ออกให้หมด

  • หลังอาบน้ำ ควรใช้ผ้าเช็ดตัวลูกเบาๆเท่านั้น ไม่ต้องเช็ดจนผิวแห้งสนิท

สิ่งที่ควรทำทันทีหลังจากนำลูกขึ้นจากอ่างน้ำในขณะที่ผิวหนังยังคงเปียกชื้น

  • ทายาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบเพียงบางๆในบริเวณที่เป็นรอยโรค

  • ทาสารให้ความชุ่มชื้นให้ทั่ว เพื่อลดความแห้งของผิวหนัง

ปฏิบัติตามที่คุณหมอแนะนำแล้ว แต่อาการไม่ทุเลา เพราะอะไร ?        

ถ้าอาการของโรคผื่นแพ้พันธุกรรมไม่ทุเลาลงทั้งๆที่ได้อาบน้ำ ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ และใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดทาเป็นประจำทุกวันแล้ว ก็อาจเป็นได้ว่า มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง

ผิวหนังของคนเราทุกคนมีแบคทีเรียอาศัยอยู่ ซึ่งจะไม่ทำอันตรายแก่เรา เพราะร่างกายเรามีกลไกป้องกันตัวเอง แต่ผิวหนังของเด็กที่เป็นโรคผิวผื่นแพ้พันธุกรรมจะมีความไวต่อแบคทีเรียเหล่านี้ เมื่อเด็กเกา แบคทีเรียก็จะเข้าไปตามรอยเปิดบนผิวหนังและทำให้เกิดการติดเชื้อ คุณจะพบว่า ผิวหนังบริเวณนั้นแดง และมีน้ำเหลืองไหล การรักษาจำเป็นต้องใช้ยาต้านจุลชีพ ซึ่งคุณควรปฏิบัติตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ
มีอะไรบ้างที่จะทำให้ลูกเป็นผื่นมากขึ้น และจะจัดการอย่างไร ?        

อย่างที่กล่าวมาแล้วว่าผิวหนังของลูกแพ้ง่าย ดังนั้นอะไรๆก็สามารถทำให้ผื่นกำเริบขึ้นได้ บางสิ่งคุณสามารถเอาออกห่างจากลูกน้อยได้ง่าย แต่ บางสิ่งคุณต้องใช้เวลาในการค้นหาว่ามันคืออะไรที่สามารถทำให้ลูกเกิดอาการแพ้ได้ บางครั้งสิ่งนั้นมีความสลับซับซ้อน เกิดจากหลายปัจจัย เพราะฉะนั้นจงอย่าใจร้อน

คุณอาจปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ก็ได้ เพื่อจัดการกับสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นตัวการทำให้ลูกเกิดอาการแพ้

  1. เลือกเสื้อผ้าและเครื่องนอนที่ไม่ระคายผิวหนัง

    • เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากฝ้าย 100%

    • เมื่อลูกได้สวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากฝ้ายจะสบายตัว ไม่ร้อน เหงื่อไม่ออก และก็ไม่รู้สึกคัน

    • หากซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ลูก ควรนำไปซักก่อน ตัดป้ายยี่ห้อออกเสียด้วย เพราะตะเข็บของป้ายยี่ห้อจะถูกับผิวหนังเวลาสวมใส่ได้ และทำให้อาการผื่นลุกลาม

    • ผ้าใยสังเคราะห์เช่น ไนล่อน ไม่ควรนำมาตัดเสื้อหรือปูที่นอนให้ลูก เพราะจะระคายผิวหนัง ควรเลือกใช้ผ้าฝ้าย 100% จะดีที่สุด

    • ถ้าใส่เครื่องกันหนาวให้ลูก ก็ควรหลี่กเลื่ยงเสื้อ หรือผ้าพันคอไหมพรม รวมถึงผ้าห่ม ผ้าขนหนูหรือผ้าที่มีส่วนผสมของขนหรือไยสัตว์

    • หากคุณจะใส่เสื้อหนาว เวลาที่คุณจะอุ้มลูก ก็ควรใช้ผ้าฝ้ายกันตัวลูกไม่ให้สัมผัสกับเสื้อหนาวของคุณซึ่งอาจเป็นไหมพรม คุณควรปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้กับคนอื่นๆที่จะอุ้มลูกของคุณด้วย

  2. จงหลีกเลี่ยงการใช้ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม และโลชั่นที่ใส่สีสวยๆและมีกลิ่นหอม คุณอาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการค้นหาผงซักฟอกที่ดีที่สุด อ่อนนุ่มที่สุดสำหรับลูก ถ้ายังไม่รู้จะเลือกยี่ห้อใดดี อย่างนอ้ยที่สุดคุณควรเลือกหาผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าที่มีฤทธิ์อ่อนนุ่มไว้ก่อน

    • จงหลีกเลี่ยงการทาผิวหนังของลูกด้วยโลชั่นที่มีกลิ่นหอม

    • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาว่า "ผลิตสำหรับเด็กโดยเฉพาะ" ก็ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจใส่สีและกลิ่นหอมไว้ด้วย ซึ่งจะทำให้ลูกแพ้และเกิดอาการผื่นคันขึ้นมาได้

  3. จงพยายามทำให้ผ้านมีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม

    • ห้องนอนของลูก ควรอยู่ในมุมที่เย็นของบ้าน หากห้องนั้นรับแดด จะทำให้ห้องร้อน ลูกจะมีเหงื่อออกมากและทำให้คันยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อโรคผื่นแพ้พันธุกรรมเลย

    • ตัวไรเป็นจุลชีพชนิดหนึ่งชอบอยู่ตามที่นอนอับชื้น เป็นตัวการที่สำคัญที่ทำให้ลูกเกิดอาการแพ้ ดังนั้นจึงต้องกำจัดตัวไร โดยการนำฟูกหมอน และผ้าห่มไปตากแดด รวมทั้งควรใช้ผ้าพลาสติกห่อหุ้มฟูกและหมอน แล้วจึงใช้ผ้าฝ้ายปูทับอีกชั้นหนึ่ง สำหรับผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนก็ควรถอดไปซักบ่อยๆด้วยน้ำร้อน หากมีการปูพรมในห้องนอนด้วยก็ควรเอาออก

    • หากลูกมีอาการมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้สัตว์เลี้ยงหรือตุ๊กตาที่มีขน ก็ให้เอาสัตว์เลี้ยงไว้นอกบ้าน หรือเลิกเลี้ยงสัตว์เหล่านั้น สำหรับตุ๊กตาก็เลือกหาชนิดที่ทำด้วยผ้าฝ้ายหรือผ้าร่มให้เล่นแทน

  4. ตัดเสื้อลูกน้อยให้สั้นและลบเหลี่ยมคมเสมอ ด้วยวิธีนี้จะช่วยลดการถลอกของผิวหนังที่เกิดจากการเกาได้

  5. เตรียมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ไว้ในบ้านหลายๆขวด คุณควรมีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ไว้ตามจุดต่างๆในบ้าน อาทิเช่น ในห้องน้ำ ห้องนอนของคุณเอง ห้องนอนของลูก ห้องรับแขก และห้องครัว นอกจากนี้ก็ควรมีไว้ในรถและในกระเป๋าถือของคุณ เพื่อที่คุณจะหยิบมาใช้ได้ทันที เพื่อทาผิวหนังให้ลูกได้ตามต้องการ หากคุณนำลูกไปฝากไว้ ณ สถานรับเลี้ยงเด็กกลางวัน โรงเรียนอนุบาล หรือโรงเรียนประถม ก็ควรเตรียมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ และฝากครูหรือพี่เลี้ยงให้ทาผิวหนังของลูกให้ด้วย

ควรทำอย่างไร หากลูกมีอาการคันกำเริบขึ้นกลางดึก ?        

"เมื่อคืนนี้ ลูกของดิฉันตื่นขึ้นกลางดึก แกปลูกดิฉัน บอกว่าคันมากและขอให้ดิฉันทายาให้ ดิฉันง่วงมาก แต่ก็ต้องตื่น ดิฉันลุกขึ้นมาอาบน้ำให้แก ทายาให้และพาแกเข้านอน ยังไม่ทันที่ดิฉันจะข่มตาหลับ แกก็มาปลุกอีกแล้ว... ปัญหาเดิม และดิฉันต้องลุกขึ้นมาทำทุกอย่างเหมือนเดิมอีก"

คุณประสบเหตุการณ์อย่างเดียวกันนี้บ้างหรือไม่? ทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาอาการคันได้ก็คือ การใช้ผ้าเช็ดตัวชุบน้ำประคบตรงที่คัน แล้วทาด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ หากลูกของคุณมีอาการคันแบบนี้มากๆ แพทย์อาจให้รับประทานยาแก้แพ้ด้วย เพื่อบรรเทาอาการคัน ยาแก้แพ้ที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วง จะเป็นผลดีต่อลูกเพราะทำให้ลูกหลับได้ แต่ควรระวังในการให้ยาชนิดนี้ช่วงกลางวันเพราะจะทำให้ลูกง่วงซึม ขาดความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมและอาจมีผลเสียต่อการเรียนรู้
         

 

 

 

Post a Message in My Message Board!

ถ้าท่านชอบ web  นี้ 
ท่านที่ต้องการสอบถาม เสนอแนะ เชิญครับ mailto:vichiena@yahoo.com
ขอขอบคุณ Geocities.com ที่ให้พื้นที่ฟรีสำหรับการจัดทำ Web Site นี้
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลที่สำคัญ discoveryhealth | mediconsult | mayohealth | medscape.com | healthylives | สมาคมแพทย์โรคผิวหนัง USA | fda.gov | my.yahoo.com