บางคนอาจจะคิดว่าการเลี้ยงแฮมสเตอร์เป็นการเลี้ยงแบบขำขำ หรือคิดว่ามันเป็นการเลี้ยงสัตว์ที่คงจะไม่ต้องลงทุนสูงเพราะหนู

ตัวนึงก็แค่ร้อยกว่าบาทหรือไม่อย่างเก่งก็200 หรือ300เองแถมเค้าก็พูดกันว่าเลี้ยงง่ายไม่ต้องทำอะไรเลย....  ในความคิดของวิกกี้นะ

บอกได้เลยว่าถ้าคนจะเลี้ยงแฮมสเตอร์แบบที่ว่าสักแต่ว่าซื้อ .อ...ซื้อ..โดยที่ไม่ได้วางแผนเนี่ยหมดไปเป็นพัน-4พันก็มีนะ ยกตัวอย่าง

เช่นตัววิกกี้เองเนี่ยตอนแรกก็เห็นว่าแฮมสเตอร์น่ะมันน่ารักดีของเล่นก็น่ารักก็เลยซื้อแฮมสเตอร์มา1ตัวพันธุ์โรโบ้ก็250บ.แล้วก็ค่อยมา

คิดทีหลังว่าจะให้เขาอยู่ในไหนตอนแรกก็คิดว่าคงหมดไม่เท่าไรปรากฏว่า

1) ค่ากรง  2,500 .-

2) ค่าขวดใส่น้ำ  60.-

            -ซื้อมากะว่าแต่จะซื้อของถูกไว้ก่อนเลยคุณภาพไม่ค่อยดีเลยซื้ออันใหม่ 130.-

3) ค่าล้อวิ่ง    250.-

4) ค่าอาหาร     80.- , 190.-

5) ค่าขี้เลื่อย    45.-

6) ค่าทรายอาบน้ำ     80.-

7) ค่าของเล่น    60.-,120.-

8) ค่าวิตามินผสมในน้ำ   50.-

9) ค่าถ้วยใส่อาหาร 10.-

รวมแล้วก็ 2500+60+130+250+80+190+45+80+60+120+50 = 3,575!!!

 

  คิดดูซิคะว่าเทียบกับหนูตัวละ 250 กับที่อยู่มัน 3พันกว่าบาทมันดูแย่ยังไงก็ไม่รู้อ่ะค่ะแล้วยิ่งเลี้ยงไปยิ่งบ้าเดี๋ยวซื้อโน่น

ซื้อนี่อีก ก็จริงอยู่ที่เวลาคนเลี้ยงหนูมันก็เลยคิดซะว่าต้องให้มันอยู่ดีดี กินดีดี แต่วิกกี้ว่าวิกกี้เสียดายเนยังไงไม่รู้เพราะ

บางทีแล้วน่ะมันก็ดูเกินตัวยังไงก็ไม่รู้นคะ เอางี้เดี๋ยววิกกี้ก็จะ บอกวิธีการเลี้ยงแบบธรรมดาที่ไม่แพงมากแล้ววิธีประหยัด

ยังไงก็ลองไปดูใน Section ของพี่ประหยัดแล้วกันนะคะ..

 

สิ่งจำเป็นต่อการเลี้ยงหนู!!

อุปกรณ์

รูปภาพ

วิธการเลือกซื้อและผลเสีย

1.) กรง

กรงที่ให้นังหนูยู่ก็มีอยู่หลักๆอยู่ 2 แบบคือ

แบบกรงสำเร็จรูปหรือกรงที่เป็นเหล็กซี่ๆกับตู้

กระจกนั่นเอง  กรงนบว่าเป็นสิ่งที่น่าจะคำนึง

ถึงเป็นอันดับแรกเพราะไม่งั้นหนูจะอยู่ที่ไหน

ล่ะจิงม๊ะ? แต่ที่วิกกี้รู้มานะบางคนเค้าก็เลี้ยง

หนูส่ไว้ในลิ้นชักอันใหญ่ๆเหมือนคอนโด

เลยล่ะ

- การเลี้ยงหนูแบบใส่กรงที่เป็นซี่เหล็ก  ก่อนอื่นเลยปัญหาใหญ่ก็

คือราคาเพราะยิ่งใหญ่ยิ่งแพงแล้วพูดตรงๆก็คือไม่ใช่ว่ายิ่งกรงใหญ่

มากเท่าไรหนูมันจะมีความสุกมากเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องดูให้เหมาะว่า

หนูจะอยู่แคบเกินไปไหมไม่ใช่ว่าหนูมีอยู่2ตัวซื้อกรงซะอันเท่ากรงคิง

คองที่พาต้าอย่างนั้นมันก็เกินไป ถัดมาก็คือต้องเลือกซื้อกรงให้ดีดี

เพราะถ้าซี่เหล็กห่างกันเกินไปก็อาจจะทำให้หนูมุด มุด มุด และหนี

ออกไปได้ในที่สุด...

 

- การเลี้ยงหนูแบบใช้ตู้ปลาก็มีข้อดีตรงที่ว่าทำความสะอาดง่ายและ

สามารถมองเห็นหนูได้จากทุกมุมโดยไม่มีเหล็กมาขวางหูขวางตา แต่

ข้อเสียก็คือผู้เลี้ยงไม่ควรที่จะนำฝาตู้มาปิดสนิดได้เพราะโดยตัวตู้ปลา

เองแล้วก็ระบายอากาศได้ไม่ค่อยดีซักเท่าไรยิ่งถ้าเอาฝามาปิดด้วย

นั้นน้องหนูคงอึดอัดแย่เลย อีกข้อดีของเลี้ยงแบบใส่ตู้ก็คือลืมไปได้

เลยว่าจะมีปัญหาเรื่องหนูกัดกรงและกินสีเข้าไป.....วิกกี้ก็เคยเลี้ยงหนู

แบบใส่ตู้ปลานะเลยทำให้วิกกี้ไดเห็นอะไรที่คิดว่าน้อยคนนักจะได้

เห็นน่ะ วิกกี้เห็นน้องหนูนอนหลับอยู่ข้างกระจกแล้วมันก็หลับตาแต่มัน

เอาลิ้นเลียกระจกหละ..แล้วคิดดูดิ่วิกกี้เห็นจากด้านนอกกระจกมันน่า

รักมากเลยล่ะ...

 

-การเลี้ยงหนูแบบใส่ลิ้นชัก ก่อนอื่นเลยลิ้นชักต้องกว้างและลึกพอ

ที่จะให้หนูอยู่ได้และไม่สามารถปีนหนีออกมาได้...แล้ข้อเสียของ

เลี้ยงหนูในลิ้นชักก็คือแน่นอนหนูต้องอึดอัดมากกๆถ้าผู้เลี้ยงไม่เปิดให้

มันออกมามองสภาพภายนอกบ้างเลย..แต่เลี้ยงแบบลิ้นชักก็ดีนะไม่

เปลืองที่ดี :)

2.) ที่ให้น้ำ

       วิธีให้น้ำแฮมสเตอร์ที่ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่

ใช้กันก็จะมีอยู่2อย่างคือ แบบเป็นกระบอก

น้ำ แล้ถ้วยใส่น้ำ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก

ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงแฮมสเตอร์หรือสัตว์

อื่นๆเพราะสัตว์ไม่สามารถบอกเราได้ว่าเวลา

ไหนมันต้องการน้ำดังนั้นต้องดูให้แน่ใจว่ามี

น้ำไว้ให้แฮมสเตอร์ของคุณอยู่โดยไม่ขาด

 

การให้น้ำแบบใส่ถ้วย  - ข้อเสียของการให้น้ำหนูแบบใส่ถ้วยก็คือนัง

หนูอาจจะถลาตกลงไปในถ้วยและเปียกทั้งตัวหรือไม่ก็จมไปเลย

(ถ้าเป็นเด็กๆนะ) และที่สำคัญก็คือนังหนูจะมีนิสัยชอบขุดชอบคุ้ยเป็น

ทุนเดิมอยู่แล้วดังนั้นตอนที่มันขุดนั้นอาจจะทำให้ขี้เลื่อยตกลงไปใน

น้ำและเน่าในที่สุดดังนั้นจึงทำให้ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ (เมื่อยตาย

เลย)ลองสังเกตจากการลองเอาถ้วยเปล่าๆไปว่างไว้ในกรงดูซิ แป๊บ

เดียวเท่านั้นแหละอะไรต่ออะไรก็ไม่รู้เข้าไปอยู่เต็มไปหมด

 

การให้น้ำแบบใส่ขวด - ขวดให้น้ำแบบที่น้องหนูต้องไปกินที่ปลายที่

เอาเองนั้นก็สะดวกดีมากเหมือนกันเพราะไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยมากแต่

อย่าให้เกิน1สัปดาห์เป็นอันขาดนะ แต่ข้อเสียนิดนึงของขวดน้ำก็คือถ้า

ซื้อมาแบบดูไม่ดีก็จะต้องมาเสียจายซื้อใหม่ (เหมือนเรา) เพราะทาง

ร้านส่วนมากเค้าไม่ค่อยให้ลองเลยอาจจะเจอปัญหาว่า พอใส่น้ำลงไป

แล้วน้ำหยดบ้าง น้ำไม่ออกบ้างดังนั้นจึงต้องลองทดสอบดูโดยเมื่อเติม

น้ำเสร็จแล้วก็ให้ลองเอานิ้วไปแตะดูตรงปลายที่เพื่อดูว่าน้ำไหลหรือ

ไม่และลองสังเกตดูว่าเวลาที่น้องหนูกินน้ำนั้นมีฟองอากาศลอยขึ้นไป

ในขวดหรือเปล่าเพราะถ้ามีน้ำออกมาก็จะต้องมีอากาศเข้าไปแทนที่

ใช่ม๊า!!

 

3.) ที่ใส่อาหาร

      ที่ใส่อาหารก็เป็นอีกอย่างนึงที่จำเป็น

เพราะหนูก็ต้องกินนี่หน่าช่ายม๊ะ ผู้เลี้ยงส่วน

ใหญ่ก็จะใช้ทั้งแบบใส่ถ้วยแล้วก็แบบที่จะ

ให้มันค่อยๆออกมาเองหรืออัตมัตินั่นเอง

- ที่ใส่อาหารแบบถ้วย ควรจะเป็นถ้วยที่มีน้ำหนักพอสมควรเพื่อที่มัน

จะได้ไม่เลื่อนไปรอบกรง และวัสดุที่ใช้ทำอาหารนั้นก็ควรจะเป็นแบบ

ไม่มีพิษเพราะอย่าลืมว่าหนูจะแทะทุกสิ่งทุกอย่างแล้วถ้ามันกินลงไป

ล่ะ อึ๋ยส์!! ไม่อยากคิดเล้ย....

 

- ที่ใส่อาหารแบบอัตโนมัติก็มีข้อดีตรงที่ว่าสะดวกเมื่อเราไม่มีเวลา

ให้อาหารแต่ลองคิดกันเล่นๆดูซิถ้าอยู่ดีๆมันเกิดมีเมล็ดทานตะวันอัน

เขื่องๆไปอุดตรงรูทางปล่อยอาหารแล้วเราก็กำลังเดินทางไปเมือง

นอก1เดือน กลับมามาเจอว่าหนูไม่ได้กินอะไรมา 1 เดือนแล้วล่ะ ดัง

นั้นวิกกี้ก็มีวิธีง่ายๆจะมาบอกล่ะคือก็ไม่ต้องมีถ้วยอาหารก็ได้แต่ต้อง

ให้อาหารมันทุกวันนะ ด้วยมือไง!! เราจะได้ใกล้ชิดมันด้วยไง โธ่!!

 เวลาที่เราแกะเมล็ดทานตะวันด้วยตัวเราแล้วค่อยๆป้อนเจ้าตัวน้อย

น่ะมีความสุขจะตายช่ายม๊า

4.) ที่นอนน้องหนู

    หนูก็ต้องนอนเหมือนเราหรือสัตว์ทั่วๆไป

นั่นแหละเพียงแต่ว่าที่นอนของหนู้นั้นต้อง

เป็นอะไรที่มิดชิดนิดนึงส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงก็

จะใช้แบบที่มีวางขายทั่วไปหรือไม่ก็ทำ

เอาเอง

- ที่นอนที่มีขายทั่วไป ก่อนอื่นเลยบางอันก็ แพง!!! บางอันก็ ห่วย!!!

 ดังนั้นก็ต้องดูให้ดีดีเวลาเลือกซื้อ ต้องดูว่าเป็นอันตรายต่อหนูมั้ย เล็ก

ไปมั้ย บอบบางมากไหม ถ้าหนูจะแทะบ้านแล้วกินเข้าไปได้ไหม และ

ที่สำคัญก้องดูราคาควบคู่ไปด้วยนะ

 

- ที่นอนหนูแบบทำเอง อันนี้นายประหยัดเค้าชอบนักหละเพราะ ราคา

ถูกแล้วเวลาเห็นหนูมันเข้าไปดมดมดูเข้าไปสำรวจหรือยิ่งเข้าไปนอน

ล่ะภูมิจาย!! ก็ลองดูใน Section ของนายประหยัดดูละกันว่าเค้ามีอา

รายจะมานะนำกันบ้าง.... :)

5.) ที่วิ่งของหนู

     บางคนคงเคยได้ยินมาบ้างว่าตอนที่น้อง

หนูอยู่ตามธรรมชาตินั้นมันออกหากินตอน

กลางคืนและบางทีวิ่งก็วิ่งเป็นไมล์เลย ดังนั้น

วิกกี้ก็เลยมีความรู้สึกว่ากรงขนาน 36 ตาราง

นิ้วที่บ้านเราก็คงไม่พอที่จะให้มันออก

กำลังกายหรอก ดังนั้น ที่วิ่งก็เหมือน

 Abdominicer ของคนนั่นแหละ!! :)

- ที่วิ่งของหนูที่มีอยู่ตามร้านขายทั่วไปนั้นก็จะมีทั่งถูกทั้งแพงสลับกัน

ไป เคยเห็นม๊ะว่าบางอันก็ไฮโซซะอย่างกับผลิสำหรับหนูตัวละแปด

ร้อยล้าน แต่พูดถึงปัญหาหลักๆของที่วิ่งส่วนใหญ่ก็คือเวลาใช้ไปนานๆ

ก็จะมีเลียงแหลม แต่ก็แก้ไขไม่ยากโดยการหยอดน้ำมันเท่านั้นเอง

 แต่ว่าถ้าเป็นแบบหรูๆ แบบว่ามีรูเนี่ยก็อาจจะล่อใจให้หนูมุดเอาหัวเข้า

ไปแล้วติดก็ได้...