ยินดีต้อนรับสู่ http://www.oocities.org/pheedu เว็บไซต์ผีดุของคนไทย !!

........................สองสาวเหยื่อค่าไถ่รอดตายราวปาฏิหาริย์

..........ไม่มีใครคิดว่าคนที่มีกฏหมายอยู่ในมือ สุดท้ายจะกลายเป็นผู้ที่กระทำผิดกฏหมายเสียเอง แต่ในโลกนี้อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น 
เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา นางลำพึง กิตติพงษ์สิน อายุ 50 ปี นักธุรกิจค้าไม้ น.ส.ทิพวัลย์ ปัทมาสศนุพงศ์ อายุ 31 ปี น.ส.นุชนารถ ถุงทรัพย์โต อายุ 27 ปี หลานสาว ได้ขับรถฮอนด้า ซีอาร์วี สีน้ำเงิน ทะเบียน กค 5640 พระนครศรีอยุธยา ไปเยี่ยมญาติในคดียาเสพติดที่เรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร โดยนางลำพึงเข้าไปเยี่ยมกับทนายความที่นัดกันไว้ ทิ้งให้หลานสาวทั้งสองคนนั่งรอในรถ ขณะที่กำลังรอน้าสาวอยู่นั้นได้ถูกคนร้ายเป็นชาย 1 คน อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามยาเสพติด ขอตรวจค้นรถฮอนด้า ซีอาร์วี เนื่องจากสงสัยว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ 
แต่การตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฏหมาย แต่ชายคนดังกล่าวยังได้ทำการขู่บังคับให้คนทั้ง 2 ขึ้นรถตู้ไม่ทราบยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียน ภายในมีชายฉกรรจ์จำนวนนั่งอยู่ 3-4 คน โดยบอกว่าจะพาไปสอบปากคำเพิ่มเติม 
แทนที่จะพาไปสถานีตำรวจ
..........ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวกลับจับคนทั้งสองมัดมือและผูกตาพาไปลามโซ่กักขังไว้ที่สวนแห่งหนึ่งย่านทุ่งครุ กทม. โดยระหว่างอยู่บนรถคนร้ายยังพูดว่าติดตามพฤติกรรมคนทั้ง 2 มานานแล้ว และรู้ว่าเป็นหลานของนางลำพึงซึ่งมีฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐี จะขอเงินค่าไถ่ตัวจำนวน 5 ล้านบาท 
หลังจากจับตัว น.ส.นุชนารถ และ น.ส.ทิพย์วรรณไปแล้ว ชายคนดังกล่าวยังได้ติดต่อกลับมาหานางลำพึง 

ประสบการณ์จริงคนถูกผีหลอก

วินาทีแห่งความตาย

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

คุณเชื่อหรือไม่

ท่องแดนลี้ลับ

สัมผัสที่ 6

ที่นี่ผีดุ
Gallery

เซ็นสมุดเยี่ยมชม

พร้อมเรียกร้องเงินค่าไถ่ตัวคนทั้งสองเป็นเงินจำนวน 5 ล้านบาท แต่นางนางลำพึงไหวทันจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ประชาชื่น เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พล.ต.ต.เผด็จ ทะละวงศ์ ผบก.น.2 จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี ผกก.สส.2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนออกติดตามหาเบาะแสคนร้ายแก้งนี้ทันที ในระหว่างนั้นคนร้ายได้ติดต่อเรียกเงินจากนางลำพึงอีกหลายครั้ง จนกระทั่งมีการต่อรองลดเงินค่าไถ่ลงมาเหลือเพียง 1.5 ล้านบาท จากนั้นจึงได้ทำการนัดส่งเงินกันที่ป้ายรถเมล์หน้าห้างเทสโก้ โลตัส สาขาพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.
เมื่อนางลำพึงไปถึงที่นัดหมาย คนร้ายไหวทันจึงเปลี่ยนแผนให้นำเงินไปส่งที่ห้างบิ๊กซี สาขาพระราม 2 ในเวลา 17.30 น.วันเดียวกัน จากนั้นก็หายไปไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ในตอนค่ำของวันเดียวกันนั้น ก็ได้รับโทรศัพท์จากหลานสาวทั้ง 2 ว่าคนร้ายได้ปล่อยตัวทั้ง 2 คนออกมาแล้ว โดยนำขึ้นรถตู้มาทิ้งไว้ที่หลังศาลเจ้าพ่อเสือ ต.โคกขาม อ.เมืองสมุทรสาคร 
.........ขณะที่ชุดสืบสวนของ กก.สส.น.2 ที่ติดตามแกะรอยคนร้ายมาตั้งแต่ต้น ได้เค้าเกี่ยวกับรถฮอนด้าซีอาร์วี ที่หายไปพร้อมกับเหยื่อถูกเรียกค่าไถ่ทั้ง 2 โดยมีพยานยืนยันว่าเห็น ร.ต.อ.สุพจน์ ขับรถคันดังกล่าวไปทำงาน และนำไปจอดไว้ที่แฟลตเคหะการไฟฟ้า พระราม 2 แขวงและเขตบางขุนเทียน กทม. 
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเฝ้าซุ่มดูพฤติการณ์ กระทั่งในตอนเช้าวันเดียวกันนี้ ขณะที่ ร.ต.อ.สุพจน์กับนายสุรศักดิ์ พี่ชาย กำลังจะก้าวขึ้นรถ ชุดสืบสวนของ กก.สส.น.2 ซึ่งซุ้มอยู่จึงเข้ารวบตัวไว้ได้ ตรวจค้นในรถพบของกลางที่ใช้ก่อเหตุและทรัพย์สินของผู้เสียหายหลายรายการ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน แต่ ร.ต.อ.สุพจน์และพี่ชายยังให้การปฏิเสธทุกข้อหา 
ทางด้านเหยื่อสาวทั้ง 2 คนที่ถูกจับไปเรียกค่าไถ่เปิดเผยว่า
..........ในวันเกิดเหตุหลังจากนางลำพึงเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำกลางพิเศษคลองเปรม คนร้ายก็โผล่ออกมาบังคับให้ขึ้นรถ จากนั้นจึงพาทั้งคู่ขึ้นไปบนรถตู้จับมัดมือปิดตา แล้วยังใช้กำลังทุบตีทั้ง 2 อีกหลายครั้ง จนระบมไปหมด ขณะถูกนำไปกักตัวไว้ในสวน คนร้ายยังจับล่ามโซ่ ผูกตาบังคับให้นอนกับพื้น วันๆได้กินเพียงข้าว 1 มื้อกับน้ำอีก 1 ขวดเท่านั้น ที่รอดมาได้ในครั้งนี้เหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่
พล.ต.ท.อนันต์ ภิรมย์แก้ว ผบช.น. ได้ทำหนังสือด่วนถึง บก.น.9 สั่งให้ ร.ต.อ.สุพจน์ ผู้ต้องหาในคดีนี้ ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากเป็นข้าราชการตำรวจระดับสัญญาบัตร แต่กลับประพฤติผิดเสียเอง ขัดกับนโยบายของกระทรวงมหาดไทย 
การขยายผลการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังทราบว่ามีผู้ร่วมขบวนการกับ ร.ต.อ.สุพจน์ อีกอย่างน้อย 2 คน คือนายเป้ กับนายต้น ซึ่งในขณะนี้ตำรวจกำลังตามตัวอยู่ พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าทั้งหมดน่าจะก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้ง 
.........พล.ต.ต.จงรัก จุฑานนท์ รองผบช.น.เดินทางมาที่ สน.ทุ่งสองห้อง ได้เรียก พ.ต.อ.สันติ แสงเพ็ญจันทร์ ผกก.พ.ต.ท.ชนินทร์ วชิรปาณีกุล รองผกก.สส.เข้าพบ พร้อมกับสั่งให้เบิกตัว ร.ต.อ.สุพจ์และนายสุรศักดิ์ ออกมาสอบสวนปากคำเพิ่มเติม โดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ารับฟัง 
ขณะเดียวกัน น.ส.ทิพวัลย์ และ น.ส.นุชนารถ ผู้เสียหาย พร้อมกับนางลำพึง กิตติพงษ์สิน อายุ 50 ปี นักธุรกิจค้าไม้ ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของผู้เสียหายทั้งสองคน ได้เดินทางมาที่โรงพักเช่นกัน
หลังจากสอบปากคำผู้ต้องหาเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เผยผลการสอบสวนว่าทั้งสองคนยังให้การปฏิเสธว่า ไม่รู้ไม่เห็นไม่เกี่ยวข้องกับคดี อ้างว่าเป็นแค่การติดต่อซื้อขายรถเท่านั้น อย่างไรก็ตามฝ่ายสืบสวนของเรามีพยานหลักฐานพร้อมมูลว่า ผู้ต้องหาร่วมกันกระทำความผิด จึงสอบสวนกันต่อไป และต้องดำเนินการเฉียบขาด การปฏิเสธก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา
.........พนักงานสอบสวนก็ต้องหาพยานหลักฐานประกอบสำนวน ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่อีก 2 คนก็ต้องติดตามจับกุม ซึ่งล่าสุด พล.ต.ท.อนันต์ ภิรมย์แก้ว ผบช.น.มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนและสอบวินัยอย่างร้ายแรง
พ.ต.อ.สันติ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ได้ประสานงานกับ ตร.สน.ราษฎร์บูรณะขอหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 1 หมู่ 2 ซอยพุทธบูชา 39 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ พบนายสุรสิทธิ์ โฆษิตเกษม อายุ 55 ปี พี่ชายของสองผู้ต้องหา กำลังดูแลสวนอยู่ ใต้ถันบ้านพบน้ำดื่ม 10 ขวดมีร่องรอยเปื้อนโคลน ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่าถูกคนร้ายนำมาไว้ที่บ้านหลังนี้ โดย น.ส.นุชนารถถูกล่ามโซ่แล้วถูกมัดไว้กับต้นหมาก ส่วน น.ส.ทิพวัลย์ ถูกล่ามโซ่มัดไว้กับต้นมะม่วง 
ขณะเดียวกันตำรวจพบกองไฟที่คนร้ายนำของใช้และทรัพย์สินของผู้เสียหายที่อยู่ในรถมาเผาทำลายแต่ยังเหลือเศษอยู่ อาทิ ช้อนสเตนเลส ปลอกลิปสติก ก้านร่ม เหรียญบาท กุญแจโซ่ ธูปที่ใช้ทากันยุง ซาแรนท์กันแดด และหลักฐานอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง
..........นางสาวทิพย์วัลย์ได้เผยถึงความรู้สึกในขณะถูกคุมตัวว่า มีความหวาดกลัวเป็นอันมาก คิดว่าจะต้องถูกฆ่าทิ้งอย่างแน่นอน
"ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหตุการณ์นี้มันจะเกิดขึ้นกับหนู มันเหมือนกับฝันร้ายมากกว่า เกิดมาก็ไม่เคยสร้างเวรกรรมกับใคร ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน ทำไมถึงต้องมาเจอกับเหตุการณ์นี้ด้วย"
"ตอนนั้นคิดว่าจะรอดมั้ย?"
"ไม่คิดว่าจะรอด ยังเชื่อว่าพอเขาได้เงินไปแล้วก็คงจะฆ่าพวกเราทิ้ง แต่พอพวกเขาปล่อยตัวก็ดีใจ เหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่"
"อยากให้คนร้ายถูกลงโทษสถานใด" 
"ต้องว่าไปตามกฏหมายบ้านเมือง ตอนนี้ไม่อยากจะพูดอะไรมาก แต่ยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"
.........สำหรับความรู้สึกของนางสาวนุชนารถ "เหยื่อค่าไถ่" สีกากีอีกคนไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ กับผู้สื่อข่าว บอกแต่เพียงว่า ดีใจที่รอดกลับมาเท่านั้นเอง ใครจะคิดบ้างว่าผู้ที่มีกฏหมายอยู่ในมือและตัวเองมีหน้าที่รักษาฏหมาย จะกลับกลายเป็นคนร้ายเสียเอง แม้ว่าเขาจะปฏิเสธแต่หลักฐานต่างๆ มันผูกมัดเขาอย่างแน่นหนาชนิดดิ้นไม่หลุด 
เหยื่อค่าไถ่สาวทั้งสองเป็นเพียงแค่ "คนเฉียดตาย" แต่คนร้ายที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจงานนี้เหมือน…ตายทั้งเป็น ครับ !!!

กลับหน้าแรก