การสร้างพลัง (Empowerment) เป็นกระบวนการพัฒนาคนและกลุ่มบุคคล
โดยใช้กระบวนการศึกษาที่เน้นให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเรียนการสอนอย่างแท้จริง
โดยใช้วิธีการสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ และความคิดเห็นกันระหว่างผู้เรียน ให้ผู้เรียนร่วมกัน
ระบุปัญหาของตน วิเคราะห์หาสาเหตุและความเป็นมาของปัญหาโดยใช้วิจารณญาณ
มีการมองภาพหรือชุมชนของตนที่ควรจะเป็น และร่วมกันพัฒนากลวิธีที่จะแก้ไขอุปสรรค
เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ต้องการ
การจัดการศึกษาตามรูปแบบดังกล่าวนอกจากจะช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียน
มีการนับถือตนเอง มีความเชื่อในความสามารถของตนเองสูงขึ้น และทำให้มีพฤติกรรม
สุขภาพที่ถูกต้องมากขึ้นในแต่ละบุคคลแล้ว ยังมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในระดับกลุ่มและ
การเปลี่ยนแปลงชุมชนอีกด้วย
การศึกษาเพื่อสร้างพลังเป็นกระบวนการที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างกว้าง
ขวางทั้งในด้านการส่งเสริมสุขภาพ การพัฒนาบุคคล การพัฒนาชุมชน การปรับปรุงคุณภาพ
ชีวิตซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในงานสาธารณสุขได้
ความสำคัญของการศึกษาเพื่อสร้างพลัง
การสร้างพลัง เป็นกระบวนการที่บุคคลและชุมชนมีความสามารถในการ
ควบคุมและร่วมมือกันกระทำในการเปลี่ยนแปลงชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ตนอาศัยอยู่ ซึ่งแนว
คิดการสร้างพลังมีความสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในสังคมที่พบว่าบุคคลและสังคม
รอบข้างจะมีปฏิสัมพันธ์กันอยู่ตลอดเวลา บางครั้งบุคคลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
หรือชีวิตของตนได้โดยลำพัง เพราะได้รับผลกระทบจากสังคมรอบข้าง ไม่ให้ความร่วมมือ
สนับสนุน หรือขาดการเห็นพ้องจากกลุ่มบุคคลในสังคม
การศึกษาเพื่อสร้างพลัง เป็นรูปแบบที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในงาน
สาธารณสุข โดยการมุ่งสร้างพลังให้แก่กลุ่มเป้าหมายได้ใน 3 กรณี คือ
1. การสร้างพลังให้แก่เจ้าหน้าที่ในทีมสุขภาพ ให้เห็นความสำคัญ
และคุณค่าของตนเองที่มีต่องานสาธารณสุข และเชื่อว่าตนเองร่วมกับสมาชิกในทีมสุขภาพ
คนอื่น ๆ มีความสามารถที่จะดำเนินงานสาธารณสุขในหน่วยงานที่ตนรับผิดชอบได้
2. การสร้างพลังให้แก่ผู้ป่วยและญาติ ให้สามารถกำหนดสภาวะ
สุขภาพที่ตนปรารถนา และตัดสินเลือกปฏิบัติในสิ่งที่จะเป็นผลดีต่อสุขภาพของตนเอง
และครอบครัว ตลอดจนการสนับสนุนให้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพคล้ายคลึงกัน ได้รวมกลุ่มเพื่อ
การเรียนรู้และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
3. การสร้างพลังให้กับชุมชน โดยมุ่งให้ชุมชนตระหนักในความสำคัญ
ของปัญหาสุขภาพ มีการร่วมมือในการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค หรือจัดสภาพแวดล้อม
หรือบริการที่มีผลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพของคนในชุมชน
หลักการของการศึกษาเพื่อสร้างพลัง
การศึกษาเพื่อสร้างพลังมีหลักการที่สำคัญดังต่อไปนี้ (Bishop et al.
1988 : Arnold & Burke 1983)
1. ในการเรียนการสอนที่เน้นการสร้างพลังให้แก่บุคคล โดยการ
สนับสนุนให้บุคคลมองเห็นความสัมพันธ์ของตนเองกับสิ่งแวดล้อม และเชื่อว่าตนสามารถ
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสุขภาพของตนเอง กลุ่มชุมชนและสังคมได้
2. การเรียนรู้ที่เริ่มต้นจากประสบการณ์ของผู้เรียน ให้ผู้เรียนคิด
วิเคราะห์โดยใช้วิจารณญาณ เพื่อโยงปัญหาต่าง ๆ ของบุคคลเข้ากับปัจจัยทางสังคมที่เป็น
สาเหตุ การเกิดความเข้าใจดังกล่าว จะนำไปสู่การปรับปรุงพฤติกรรมที่บุคคลกระทำอยู่หรือ
ที่จะกระทำในอนาคตให้เป็นไปในทางที่ถูกต้องและเหมาะสม
3. การเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง โดยส่งเสริม
ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในทุก ๆ ขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกประเด็นในการเรียนรู้ที่เป็นที่สนใจ และ
มีความสำคัญต่อผู้เรียน การวางแผนกิจกรรม การมีส่วนร่วมในการสนทนา และจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ การประเมินผลตนเอง ตลอดจนการประเมินผลโครงการ
4. การเรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม (Collective Learning) คือการที่
ทุกคนสอนทุกคนเรียน โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะเปลี่ยนบทบาทหน้าที่มาเป็นผู้สนับสนุน
การเรียนรู้หรือผู้ประสานงาน แทนการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ตามบทบาทเดิม การที่ผู้เรียน
ได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน นอกจากจะทำให้แต่ละคนได้
เกิดความรู้ใหม่ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงแล้ว ยังช่วยให้รู้สึกการเป็นกลุ่ม มีการคิดและ
กระทำร่วมกัน ซึ่งการรวมกลุ่มกันที่จะทำให้ผู้เรียนรู้สึกว่ามีพลังสนับสนุนมากพอ ที่จะ
กระทำการแก้ไขปัญหาหรือการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ต้องการ
5. การเรียนรู้ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเป็นการเปลี่ยน
แปลงความรู้ ทัศนคติ ความรู้สึก และทักษะ ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทันที
หรือมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง เมื่อได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้กระบวนการ
เรียนรู้จะนำไปสู่การกระทำเพื่อการเปลี่ยนแปลง โดยจะมีการสนับสนุนและกระตุ้นให้ผู้เรียน
มีการวางแผนร่วมกัน สำหรับการปฏิบัติเพื่อการเปลี่ยนแปลง
6. การเรียนการสอนที่มีความยืดหยุ่น และเป็นกระบวนการที่
ต่อเนื่อง โดยจะมีการปรับเนื้อหา วิธีการ และสื่อการเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการ
ของผู้เรียนและกลุ่ม รวมทั้งการเรียนรู้จะไม่จำกัดเฉพาะในห้องเรียน เนื่องจากผู้เรียน
สามารถเรียนรู้จะไม่จำกัดเฉพาะในห้องเรียน เนื่องจากผู้เรียนสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ
จากประสบการณ์จริง และจากการลงมือปฏิบัติด้วยตนเองได้ตลอดเวลา
7. การเรียนการสอนที่มีความสนุกสนานไม่น่าเบื่อ
กระบวนการเรียนรู้ของการศึกษาเพื่อสร้างพลัง
การศึกษาเพื่อสร้างพลังเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่มีความต่อเนื่องเป็น
วงจรไม่มีที่สิ้นสุด (Learning spiral) คือ เริ่มต้นจากประสบการณ์หรือสิ่งที่ปฏิบัติอยู่
(Pactice) แล้วนำมาคิดวิเคราะห์ไตร่ตรอง (Refletion) ว่าปัญหาคืออะไร มีความเป็น
มา และมีปัจจัยสาเหตุใดบ้าง โดยโยงให้เห็นความเกี่ยวเนื่องของปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งจะทำ
ให้เกิดความเข้าใจต่อปัจจัยสาเหตุที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อันจะนำไปสู่การวางแผนการ
ปฏิบัติ และการลงมือปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยผลของการปฏิบัติกิจกรรม
ต่าง ๆ ของผู้เรียนจะกลายเป็นประสบการณ์ใหม่ที่นำไปสู่วงจรการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องต่อไป