ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์วัดจักรวรรดิราชาวาส::WatChakkrawat
สมุดเยี่ยม
ทักษิณานุประทาน พระธรรมเทศนาจากพระพุทธิวงศมุนี

 

 การบำเพ็ญกุศล ทักษิณานุประทาน ซึ่งเรานิยมประพฤติปฏิบัติกันมา ด้วยการ ให้ทาน รักษาศีล และด้วยการสดรับ ตรับฟังพระธรรมเทศนา อันเป็นทางให้บุญกุศลเกิด และเมื่อบุญกุศลเกิดขึ้นแล้ว เราก็อุทิศวิบากสมบัติส่วนนี้ ไปให้แก่ผู้วายชนม์ เรียกว่า การทำบุญส่วนทักษิณานุประทาน กุศลส่วนทักษิณานุประทานนี้ นิยมทำบุญ ให้เป็นไปในบุคคลผู้ถึงแก่มรณกรรมล่วงไปแล้ว

                     คำว่า ทักษิณา มีความหมาย 2 ประการ

                    ประการแรก หมายเอาวัตถุสิ่งของอันเราแสวงหามาโดยสุจริต อันบังเกิดขึ้นโดยชอบธรรม โดยสงเคราะห์ลง ในหลักปัจจัย 4 อันได้แก่ ข้าว น้ำ โภชนาหาร 1 เครื่องนุ่งห่ม 1 ที่อยู่อาศัยหรือกฎี วิหาร ศาลาการเปรียญ เป็นต้น 1 และยารักษาโรคภัยไข้เจ็บ อันจะบังเกิดมีขึ้น 1 รวมลงในปัจจัย 4 นี้ ที่เราจะถวายแก่พระสงฆ ์ผู้ทรงศีลในพระศาสนา แล้วอุทิศผลแห่งการบำเพ็ญนี้ ไปให้ผู้วายชนม์ล่วงลับไปแล้ว ได้ชื่อว่าทักษิณาด้านวัตถุ คือ สิ่งของอันควรแก่สมณบริโภค นำไปถวายพระสงฆ์ นี้ประการหนึ่ง

                   อีกประการหนึ่ง ทักษิณานั้น ท่านหมายเอาการทำบุญให้ทาน ด้วยความเคารพในพระรัตนตรัย คือส่งจิตใจหรือปลูกฝังด้วยศรัทธาปสาทะ ความเชื่อความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในคุณพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ยึดหน่วงมาเป็นธรรมารมณ์แห่งจิต ให้จิตมีความเบิกบานชื่นชมโสมนัส ในการบำเพ็ญกุศลส่วนทักษิณา แล้วบำเพ็ญกุศลด้วยการให้ทาน ด้วยการรักษาศีล ด้วยการสดรับ ตรับฟังพระธรรมเทศนา เกิดจากจิตใจเป็นบุญ เป็นกุศลที่บังเกิดขึ้นทั้งในกาย วาจา จิตของเรา เป็นบุญเป็นกุศลส่วนภายใน อันนี้เรียกว่า เป็นทักษิณาอันหนึ่ง

                   ส่วนคำว่า อนุปทาน หรือ อนุประทาน แปลว่าการตามเพิ่มให้ การส่งเสริมการเพิ่มพูน การทำให้มาก ให้มีขึ้น ทำอะไรให้เพิ่มให้พูน ให้มาก ให้มีขึ้น ก็ทำวัตถุทาน 1 ทำศรัทธาปสาทะ หรือทำจิตให้เกิดศรัทธาปสาทะ ในคุณพระรัตนตรัย 1 ดังกล่าวแล้วข้างต้น ให้ผ่องแผ้วสมบูรณ์บริบูรณ์ขึ้นในดวงจิต ก็จะเกิดเป็นบุญเป็นกุศล แล้วอุทิศไปให้ผู้วายชนม์ที่ล่วงลับไปยังสัมปรายภพภายภาคหน้า

                  สองประการรวมกัน เข้าเรียกว่า ทักษิณานุประทาน แปลว่า การตามเพิ่มให้ซึ่งทักษิณา โดยใจความ ก็หมายความว่า การตามเพิ่มให้ซึ่งบุญกุศล คุณงามความดีนั่นเอง เพราะเหตุใดชาวไทย ที่นับถือพระพุทธศาสนา จึงมาบำเพ็ญทักษิณานุประทาน แก่บุคลที่ล่วงลับไปแล้ว ก็ด้วยเหตุว่า บุคคลผู้ถึงแก่กรรมล่วงลับไปแล้ว อยู่ในฐานะแตกต่างกัน บางคนเกิดมาอายุยังน้อย ไม่มีโอกาสได้บำเพ็ญกุศล คือยังไม่ได้ให้ทาน ยังไม่ได้รักษาศีล ยังไม่ได้เจริญเมตตาภาวนาก็ถึงแก่กรรมเสีย บางคนเจริญวัยขึ้นพอสมควร เป็นหนุ่มเป็นสาว หรือมีเหย้ามีเรือนแล้ว แต่ยังต้องศึกษาเล่าเรียนวิชาการ ความรู้ความเฉลียวฉลาด เพื่อนำมาประกอบสัมมาชีพ เลี้ยงตนเอง ครอบครัวให้เจริญตามสมควรแก่สถานะ และสติปัญญาของตนเอง และ ยังต้องแสวงหาโภคทรัพย์ เพื่อนำมาบำรุงฐานะ ตระกูลของตน ให้ประสบผล คือ ความสันติสุข มีความอยู่ดีกินดีตามอัตภาพ ยังไม่ทันได้โอกาสบำเพ็ญกุศลด้วยอำนาจทาน ศีล ภาวนา ก็ได้ถึงแก่ความตายด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง

                  บางคนเกิดมาแล้วมีความประมาท มัวเมา มีความประมาทว่า เรายังไม่แก่ ยังไม่เฒ่า ยังไม่จำเป็น ต้องทำบุญทำกุศล ปล่อยให้กาลเวลาล่วงเลยไป บางคนยังประมาทว่า เรายังไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ยังห่างไกลจากความตาย ยังไม่จำเป็นต้องรักษาศีลหรือเจริญเมตตาภาวนา ให้ทานด้วยประการใดๆ บางคนมัวเมาในชีวิต ไม่คำนึงถึงความตาย เป็นสมุฎฐาน นึกเสียว่าตนยังไม่ถึงคราว ที่จะต้องตาย นึกว่ายังไม่แก่ไม่เฒ่า หรืออาจจะลืมความตายไปว่า ความตายเป็นสิ่งไม่แน่นอน บุคคลผู้มีลักษณะดังกล่าวนี้ ก็ยังไม่ทันบำเพ็ญคุณงามความดี ให้บุญกุศลอันใดบังเกิดแก่ตน ที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนชูชุบ ส่งเสริมตนเมื่อตายแล้ว ให้ไปเกิดในสุคติภพ ได้อยู่อาศัยสถานที่ ที่ มีความสุขความสบายทั้งกาย วาจา ใจ ก็มาถึงแก่ความตายเสียในระหว่างเช่นนั้น บุคคลประเภทดังกล่าวมาแล้วทั้งหมด เกิดมาเป็นมนุษย์ยังทำชีวิตที่ไร้สาระแก่นสารเป็นพื้นฐานอยู่แล้วนั้น มิให้มีแก่นสารขึ้น เพราะยังมิได้ทำคุณงามความดี กุศลบารมีใด ๆ ทั้งสิ้น หากตายไปแล้ว เป็นไปตามคติธรรม ในทางพระศาสนาว่า การเกิดขึ้น ในมนุษย์ยังท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏ เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด ยังๆไม่สิ้นอาสวะกิเลสตราบใด ก็ยังเกิดยังตาย ยังท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏอยู่ ตราบนั้น บุคคลผู้มีความตาย ด้วยอาการดังกล่าวนั้น ก็ย่อมเป็นไป เพื่อความบังเกิดในภูมิที่เป็นทุคติ คือ ภูมิชั้นที่มีความทุกข์ทั้ง กาย ใจ ได้แก่ อาจจะบังเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เป็นเปรต เป็นอสุรกาย หรือตกนรกหมกไหม้ เป็นต้น

                  บุคคลประเภทดังกล่าว ได้ชื่อว่า เกิดมาเสียที ที่เป็นมนุษย์ และ ก็เป็นมนุษย์ ที่ไม่ด้พบหลักธรรมคำสอน ในทางศาสนา มีหลักการในการทำบุญให้ทาน มีหลักการในการทำคุณงามความดี โดยประการต่างๆ แต่ไม่มีโอกาส จะได้บำเพ็ญกุศลส่วนนั้นๆ ให้บังเกิดประโยชน์แก่ตนเลย หรือแม้บางคนที่ทำกุศลมามาก ตัวอย่างเช่น มีโยมบางคนนี้ เกิดมาอายุ 85 ปี เป็นบุคคลที่มีความเชื่อ ความเลื่อมใส ในพระคุณรัตนตรัย เชื่อแน่ว่า ได้บำเพ็ญกุศลส่วนดี ส่วนชอบมาด้วยตนเอง พอสมควรแก่กาลเวลา เช่น ใส่บาตร ให้ทาน รักษาศีล เจริญ เมตตาภาวนา บวชพระสงฆ์สามเณร ในพระพุทธศาสนา บริจาคทรัพย์อันตนแสวงหามาได้ด้วยความชอบ ด้วยสุจริตยุติธรรม สร้างสรรค์ สิ่งที่เป็นถาวรวัตถ ุปูชนียวัตถ ุไว้ในพุทธศาสนา เช่น สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างศาลาการเปรียญ สร้างพระพุทธรูปพระประธาน อันเป็นปูชนียวัตถุในพระพุทธศาสนามามากพอสมควรแก่กาล

                 ด้วยเหตุนี้ เมื่ออีกฝ่ายได้ถึงแก่มรณกรรมล่วงไปแล้ว ประเภทที่ยังไม่ได้บำเพ็ญคุณงามความดีเลย ตั้งอยู่ในฐานะปิยชน คือ คนที่เป็นที่รัก เป็นที่นับถือ หรือเป็นที่ปรารถนา เป็นที่เสียดายอาลัยรัก อาจเป็นบิดามารดา เป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนมิตรสหาย ที่รักใคร่นับถือกัน เรามีความปรารถนาดี เป็นพื้นฐาน เพื่อส่งเสริม ให้ดวงวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ได้ไปบังเกิดในสุคติ จึงนิยมมาบำเพ็ญกุศลส่วนทักษิณานุประทาน อันได้แก่การตามมาเพิ่มให้ ซึ่งบุญกุศลสำเร็จด้วย ทาน ศีล ภาวนา ดังกล่าว แม้ในประเภทคนที่ ได้สร้างสมคุณงามความดีไว้มากมาย แต่ถึงกระนั้นก็ดี การบำเพ็ญคุณงามความดี ส่งบุญส่งกุศลไปให้ผู้วายชนม์ อันเป็นลักษณะแห่งทักษิณานุประทานนั้น สักการบูชาเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งทำใด้มากเท่าไร ความเป็นผู้จะต้องไปบังเกิดในสุคติภพ มีความสุขกาย สบายใจ ย่อมบังเกิดมีแก่บุคคลนั้นเท่านั้น เป็นดุจเงาตามตน ฉะนั้น

 

วัดจักรวรรดิราชาวาส เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชม

ท่านเป็นผู้เข้าชมลำดับที่..