พระเดชพระคุณพระพุทธิวงศมุนี

เกิดที่ บ้านไร่ใต้ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี

บรรพชาอุปสมบท

บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันท ี่20 เมษายน พ.ศ. 2481 ณ วัดโพธิ์ตาก ตำบลพิบูล อำเภอพิบูลมังสาหาร โดยมีพระอธิการคำ สุวโจ วัดโพธิ์ตาก เป็นอุปัชฌาย์ พ.ศ. 2485 ย้ายมาอย ู่ วัดจักรวรรดิราชาวาส ได้เพียง 10 วัน ก็อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถ วัดจักรวรรดิราชาวาส เมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม พ.ศ. 2485 โดยมี พระคุณาจารวัตร (ใช้ สุวณฺโณ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยกิจโกศล (เมื่อครั้งยังเป็นพระมหาเส็ง ธมฺมธโร ป.ธ.7 ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และสมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณกมหาเถร ป.ธ. 9 ) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระสุธีวรคุณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

 

สมณศักดิ์

วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2501 ได้เข้ารับ พระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระปัญญาคมมุนี

วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2507 ได้เข้ารับ พระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชธรรมเมธี

ธันวาคม พ.ศ.2530 ได้เข้ารับ พระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่พระเทพโมลี

วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2535 ได้เข้ารับ พระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมรัตนวิสุทธิ์

วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ..2540 ได้เข้ารับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นหิรัญปัฏ เจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฎที่ พระพุทธิวงศมุนี

เกียรติคุณพิเศษ

พระเดชพระคุณเป็นพระมหาเปรียญธรรม 6 ประโยคปฏิบัติศาสนกิจมากมาย แก่พระศาสนาและประเทศชาติมาเป็นเอนกประการ ด้วยด้วยเหตุนี้ สภาสถาบันราชภัฏอุบลราชธาน มีมติเป็นเอกฉันท์มอบถวาย ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขการ บริหารการศึกษา

แด่หลวงพ่อ และสภาสถาบันราชภัฎอุบลราชธานี กำหนดพิธีมอบถวายปริญญาบัตร ณ พระอุโบสถวัดจักรวรรดิราชาวาส ใน วันที่ 24 เมษายน พ.ศ.2545 หลวงพ่อเป็น พระเถระมีภูมิรู้มีภูมิธรรม เป็นผู้นำเป็นพระสงฆ์นักพัฒนาในด้านการปกครอง การศึกษา การเผยแผ่และการสาธารณูปการ ตามลักษณะรูปแบบของ การจัดการการปกครองของคณะสงฆ์ไทย

ชีวิตส่วนตัวของหลวงพ่อ เป็นไปอย่างเรียบร้อยมักน้อยสันโดษ และไม่สั่งสมในการบริหารท่านกล้าคิด กล้าทำ เด็ดขาด เด็ดเดี่ยว ทรงไว้ซึ่งสง่าราศรีน่เคารพยำเกรงแต่ในส่วนลึก หลวงพ่อเป็นคนอ่อนโยน มีเมตตาปราณี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สอดส่องดูแลความเป็นอยู่ของผู้น้อยอย่างดี ท่านจึงเป็นที่เคารพรัก และนับถือของผู้ใต้ปกครอง และศิษยานุศิษย์ผู้เป็นสาธุชนคนดี มีกตัญญูกตเวทิตาธรรมมาโดยตลอดโดยแท้