เอดิสัน (Thomas Alva Edison
ค.ศ.1847 - 1931)
ทอมัส แอลวา เอดิสัน
เป็นชาวสหรัฐ
เกิดที่เมืองมิลาน
รัฐโอไฮโอ วันที่ 11 ก.พ.1847
เป็นลูกคนสุดท้องจากจำนวน
7 คน มารดาเป็นชาวสก็อต
บิดาเป็นชาวฮอลันดา
เอดิสันมีนิสัยส่อแววอัจฉริยะในการทดลองมาตั้งแต่เด็ก
เช่น
ทดลองนั่งกกไข่แทนแม่ไก่
ข้าวของในบ้านมักจะถูกแกะรื้อดูเป็นประจำ
เข้าโรงเรียนเมื่ออายุ 8
ปี แต่ไม่ชอบโรงเรียน
มารดาของเขาต้องแก้ปัญหาโดยการสอนเสียเอง
อายุ 11 ปี เขาได้ทำการทำโทรเลขแบบที่ แซมมวล มอส ออกแบบไว้เป็นผลสำเร็จ อายุ 12 ปีออกมาทำงานขายขนมในรถไฟ แกรนด์ ทรั้งค์ (Grand Trunk) และใช้ห้องพักในรถไฟนั่นเอง เป็นห้องทดลอง เมิ่อรถไฟจอด เขาจะตรงไปห้องสมุดเมืองนั้นๆ เขาออกหนังสือพิมพ์เอง และขายในรถไฟ จำหน่าได้สัปดาห์ละ 400 ฉบับ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ กำหนดเวลารถไฟ เข้า - ออก สถานี เรื่องราวที่น่าสนใจที่เขานำมาจากหนังสือในห้องสมุด และสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ มีครั้งหนึ่ง ขณะที่เขาอยู่ในห้องทดลองและกำลังทำการทดลองเกี่ยวกับสารเคมี รถไฟเบรคกระทันหัน ทำให้ความซวยมาเยือนเมื่อฟอสฟอรัสเกิดหกลงพื้นและลุกไหม้ เจ้าหน้าที่ช่วยดับไฟได้ทันแต่เอดิสันก็ถูกไล่ออกจากรถไฟ แต่เขาก็มาขายที่สถานีรถไฟแทน (บางคนบอกว่าเขาถูกโยนลงมาโดยเจ้าหน้าที่หิ้วหูเขาอย่างแรงจนทำให้ประสาทหูไม่ดีในเวลาต่อมา แต่ไม่มีหลักฐานบันทึกอย่างเป็นทางการกับเรื่องนี้) ค.ศ 1862 เอดิสันมีอายุ 15 ปี ได้ช่วยลูกชายนายสถานีให้พ้นจากรถไฟทับ แมคเกนซีน นายสถานีซาบซึ้งในบุญคุณ จึงรับเอดิสันทำงานที่สถานีและสอนวิธีการโทรเลขให้จนชำนาญ ที่นี่เองที่เขาประดิศฐออดสัญญาณปลุกโดยอัตโนมัติ ต่อมาเขาเข้าเป็นพนักงานส่งโทรเลขที่บอสตัน และย้ายไปอยู่นิวยอร์ค ใน ค.ศ. 1869 เมื่อเขาอายุ 22 ปี โดยในขณะมีเงินติดตัวเพียง 1 ดอลลาร์ เขาร่วมงาน กับ แฟลงคลิน โฟ้ป ผู้เชี่ยวชาญ ด้านโทรเลขของบริษัทแจ้งราคาทอง โกลด์ อินดิเคเตอร์ คอมปานี ที่ถนนวอลล์ สตรีท ได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 300 ดอลลาร์ เมื่อโฟ้ป ลาออก เดดิสันเข้ารับตำแหน่งแทน และร่วมกับหุ้นส่วน ประดิษฐ์เครื่องรับโทรเลข ที่สามารถแจ้งหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เขาขายลิขสิทธิ์เครื่องนี้ไปในราคา 40,000 ดอลลาร์ แต่หุ้นส่วนแบ่งใหเขาเพียง 5,000 ดอลลาร์ เอดิสันเห็นว่าไม่ยุตืธรรมจึงลาออกมาตั้งบริษัทตนเองที่ รัฐนิวเจอซี ค.ศ 1876 ขยายกิจการไปที่ เมลโล ปาร์ค (Menlo Park) ซึ่งต่อมากลายเป็นห้องทดลองที่ยิ่งใหญ่และสำคัญของโลก บริษัทของเอดิสันประดิษฐ์เครื่องมือตามที่มีผู้สั่ง เขาทำการปรับปรุงเครื่องโทรศัพท์ของเบลลื ให้ดีขึ้น โดยบริษัทเวสเทอร์น ยูเนียน เป็นผู้ว่าจ้างรายแรกโดยให้ค่าตอบแทนสัปดาห์ละ 150 เหรียญ เขาปรับปรุงขึ้นจนดีกว่าเดิม โดยใช้คาร์บอนมาเป็นส่วนประกอบ คำว่า "ฮัลโหล" ที่เอดิสันชอบใช้เวลาทดลองส่งสัญญาณ เป้นคำที่คนเราใช้มาจนปัจุบัน ค.ศ. 1877 วันที่ 12 สิงหาคม เอดิสัน และจอห์น ครูซี (John Kreusi) ผู้ข่วย ประดิษฐ์เครื่องบันทึกเสียงได้ เขาเรียกมันว่า โพโนกราฟ (Phonograph) หรือ ทอร์คกิง มาชีน มีลักษณะเป็นแท่งกลมๆ ทำร่องเล็กๆเป็นเกลียวรอบลูกกลิ้งบนแผ่นดีบุกบาง ที่หุ้มลูกกลิ้ง ด้านข้างมีจานกลมไว้รับเสียงทั้ง 2 ข้าง แกนลูกกลิ้งมีมือหมุน ขณะที่พูดและหมุนไปนั้น เสียงจะกระทบกับไดอะแฟรมที่จานรับเสียง ที่ไดอะแฟรมนี้มีเข็มติดอยู่ เมื่อเข็มสั่นไปตามการสั่นของไดอะแฟรมปลายข้างข้างหนึ่งที่วางอยู่กับแผ่นดีบุก จะกดลงไปบนแผ่นดีบุกตามจังหวะ เป็นร่องรอยตามสัญญาณเสียง เมื่อหมุนไหม่แต่คราวนี้ให้เข็มกดลงไปในร่องเดิม เมื่อหมุนแกนลูกกลิ้งจะเกิดเสียงสั่นสะเทือนออกมา เมื่อทำสำเร็จแล้ว เขาพูดไปในเครื่องบันทึกเสียงว่า "Mary had a little lamp Its fleece was white as snow" รุ่งขึ้นเขานำเครื่องนี้ออกแสดง ประชาขนตื้นเต้นประหลาดใจเป็นอย่างมาก จนตั้งฉายาให้เอดิสันว่า "พ่อมดแห่งเมนโลปาร์ค" (ถ้าเป็นสมัยกาลิโลโอ มีหวังโดนเอาไปเผาทั้งเป็น..) เขาจดลิขสิทธิ์ไว้เมื่อ 9 ก.พ.1878) ถ้าสังเกตอ่านหลายๆคนจะเห็นวา่ฝรั่งให้ความสำคัญกับลิขสิทธ์มาตั้งนานแล้ว) หลังจากที่เขาประดิษฐ์เครื่องบันทึกเสียงได้ อีก 9 ปีต่อมา คือ ค.ศ. 1887 เอมิล เบอร์ลิเนอร์ (Emile Berliner ค.ศ.1851 - 1929) ได้นำหลักการของเอดิสันไปทำเครื่องบันทึกเสียงแบบจานหมุนเป็นครั้งแรก ที่เรียกว่า gramphone มอบให้บริษัท Victor Talking Machine Company เป็นผู้ผลิตออกจำหน่ายซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น RCA Victor
ที่จริงมีคนประดิษฐ์หลอดไฟมาก่อนเอดิสัน เช่น เซอร์ ฮัมฟรีย์ เดวี่ พบการอาร์คที่ขั้วคาร์บอนในประภาคารเพื่อช่วยในการเดินเรือ ใน ค.ศ 1807 ซึ่งปีต่อมา บรัช(Charles F. Brush) ลองนำมาใชตามถนน แต่คุณภาพยังไม่ดี เอดิสันได้รับเชิญจากศาสตาจารย์ จอห์น เอฟ.บาร์เกอร์ จากมฟาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ให้ช่วยกันแก่ไข เดดิสันและผู้ช่วยทดลองแหลก หาวัสดุแทบทุกชนิดทีคิดว่าจะเป็นไปได้มาทดลองทำไส้หลอด เช่น เส้นผม ใยมะพร้าว โลหะ หลายขนิด(อานรายละเอียดในเรื่อง ประวัติหลอดไฟ) วันที่ 21 ตุลาคม 1879 ๅเขาก็ประกาศความสำเร็จ ค.ศ. 1882 วันที่ 4 กันยายน เอดิสันเปิดสถานีส่งไฟฟ้าที่ ถนนเพิร์ล นิวยอร์ค ครั้งแรกเขาใช้การส่งกระแสตรงที่มีแรงดันไฟฟ้าต่ำ ทำให้ส่งไม่ไกลแต่ก็สามารถทำให้อาคารประมาณ 900 หลัง สว่างไสวไปด้วยหลอดไฟจำนวน 14,000 หลอด และในปีนี้มีข่าวจากเมืองแอพพลีตัน มลรัฐคอนซิน ว่าที่แม่น้ำฟอกซ์ มีการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าแห่งแรกของโลก หลังเอดิสันอยู่ 26 วัน ค.ศ. 1885 จอร์จ เวสติงเฮาส์ (George Westinghouse นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน สร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับได้ โดยอาศัยหลักการของ ไมเคิล ฟาราเดย์(เส้นแรงแม่เหล็กตัดกับขดลวด) ค.ศ 1887 เอดิสันย้ายจากเมนโล ปาร์ค ไปอยู่ที่ เวตส์ ออเรนจ์ รัฐนิวเจอซี่ ค.ศ. 1893 เข้าร่วมกับบริษัท General Electric Company นำระบบไฟฟ้าของเวสติงเฮาส์ มาใช้ โดยอาศัยแรงน้ำตกแองการา มาใช้หมุนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เขายังได้ประดิษฐ์เครื่องฉายภาพยนต์ ที่เรียกว่า คิเนโตสโคป ภาพยนต์เรื่องแรกของเขาชื่อ The Great Train Robbery เขาประดิษฐ์สิ่งของนับไม่ถ้วน เท่าที่จดลิขสิทธ์ไว้ มีจำนวน 1,328 ชิ้น เมื่อเขาอายุ 84 ปี มีการจัดงานเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา ประธานาธิบดีกล่าวว่า "เป็นชาวอเมริกันที่ทำประโยชน์มากที่สุด เป็นสมบัติที่ยิ่งใหญ่ของชาติอเมริกา" 18 ตุลาคม 1931 เอดิสันถึงแก่กรรม ที่นิวยอร์ค โดยมีการสร้างหลอดไฟยักษ์เป็นอนุสรณ์ให้เอดิสันบนเขาสูงและเปิดสว่างตลอดเวลาด้วยกำลังไฟ4200 วัตต์
|