ประวัติความเป็นมาของภาษาอังกฤษ

  ก่อนที่จะพูดถึงที่มาของภาษาอังกฤษ เรามาลองคิดกันดูเล่นๆก่อนไหมว่า ภาษาต่างๆทั้งหลายในโลกที่เห็นใช้กันอยู่น่ะมาจากไหน?

  เรารู้ว่าภาษาไทยนั้นใช้กันอยู่ในประเทศไทย ภาษาอังกฤษใช้อยู่ในอังกฤษ, อเมริกา, ออสเตรเลีย(และอีกหลายๆประเทศ) ภาษาฝรั่งเศสใช้ในประเทศฝรั่งเศส แต่การบอกในลักษณะนี้คือเรากำลังพูดจากสภาพการใช้ที่เราเห็นมันเป็นอยู่ในปัจจุบัน ทีนี้มาลองสมมตินะครับว่า ถ้าเราย้อนเวลากลับไปในอดีตสักสองพันปี คุณคิดว่าเราจะเห็นภาษาไทยใช้กันในดินแดนที่เป็นประเทศไทยในตอนนี้หรือเปล่า ส่วนภาษาอังกฤษล่ะ คุณคิดว่าสักสองพันปีก่อน คุณจะเห็นภาษาอังกฤษใช้อยู่ในประเทศอังกฤษหรือเปล่า? คำตอบก็คงแน่นอนล่ะครับว่าไม่ใช่ เพราะในสมัยนู้น ไม่ว่าจะในพื้นที่ที่เป็นประเทศไทยในตอนนี้ หรือในเกาะที่เป็นประเทศอังกฤษในปัจจุบัน ต่างก็ยังไม่มีทั้งภาษาไทยกับภาษาอังกฤษแบบปัจจุบันใช้อยู่เลย

  ถ้าคิดดีๆ เราจะรู้อีกอย่างว่าภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้น ที่จริงก็เป็นรูปแบบหนึ่งหรือแขนงหนึ่ง ของภาษาไทยที่เคยใช้กันในบริเวณ เทือกเขาอัลไตในสมัยโบราณ ก่อนที่ชนเผ่าไตที่อยู่แถบนั้นจะอพยพเรื่อยๆลงมาทางใต้ เพื่อมาตั้งถิ่นฐานในบริเวณต่างๆของแหลมอินโดจีน (รวมทั้งประเทศไทย) เมื่อมีการอพยพตั้งถิ่นฐานใหม่ของชนชาติหนึ่ง สิ่งที่ติดตัวไปด้วยก็คือภาษาที่ใช้ หลังจากเดินทางออกไปจากที่อยู่เดิมแล้ว อันนึงที่เห็นกันบ่อยๆคือภาษาที่เคยใช้จะมีการเปลี่ยนแปลงจากภาษาเดิมไปเรื่อยๆตามระยะเวลา มาดูเรื่องการอพยพของเผ่าไตมะกี้อีกสักนิดนะ คือหลังจากอพยพลงมาแล้ว ก็มีการกระจัดกระจายกันไปตั้งถิ่นฐานในแต่ละดินแดน บางกลุ่มก็ไปเดินทางไปตั้งถิ่นฐานแถบพม่า ที่เราเรียกว่าไทยใหญ่ ส่วนที่ลงมาแถบประเทศไทยในปัจจุบันเป็นกลุ่มไทยน้อย ทั้งสองกลุ่มเมื่อแยกจากกันแล้ว ภาษาเดิมที่ใช้ก็จะมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงแยกกันไป ของไทยช่วงหนึ่งมีการรับวัฒนธรรมและภาษาจากอินเดีย(ปาลี, สันสกฤต) ทำให้ภาษาไทยมีคำศัพท์ที่มาจากปาลีหรือสันสกฤตเพิ่มเข้ามา และมีการเปลี่ยนแปลงอีกมากมายตามระยะเวลาและสภาพความเป็นอยู่ จนในที่สุดก็กลายมาเป็นภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

  ทีนี้ถ้าเราลองย้อนรอยกลับขึ้นไปตามเส้นทางการอพยพของเผ่าไตข้างบนล่ะ เราจะเจอว่าภาษาที่เคยเป็นภาษาเดียวกันในหลายพันปีก่อน ตอนนี้จะต่างกันไปแล้ว แต่ยังมีคำศัพท์ส่วนหนึ่งและลักษณะการใช้ภาษาคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะถ้าเป็นคำที่เป็นคำไทยเดิมจริงๆ จะเห็นว่าส่วนใหญ่ยังเหมือนกันหรือคล้ายกันอยู่มาก ในบางกลุ่มเช่นชาวไตในตอนใต้ของประเทศจีนเราก็ยังพอจะสื่อสารกันได้ด้วยภาษาไทยที่เราใช้ (แต่เค้าใช้คำสมัยพ่อขุนฯหมด)

  ที่เกริ่นมาข้างบนตั้งยาว ความตั้งใจคือต้องการจะบอกว่า ภาษานั้นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ตามสภาพความเป็นอยู่ของคนที่ใช้ภาษานั้น และตามอิทธิพลที่ได้รับจากภาษาอื่น การศึกษาความเป็นมาของภาษาหนึ่งๆ จะทำให้เราเข้าใจพื้นฐาน-ประวัติศาสตร์ และความเป็นอยู่ในอดีต ของชนชาติที่ใช้ภาษานั้นไปด้วย  เอาล่ะครับ.... ตอนนี้คงต้องขอเข้าเนื้อหาของบทความส่วนนี้แล้วล่ะ เรื่องที่เรากำลังจะพูดถึงคือ ภาษาอังกฤษนั้น... มาจากไหน? เกิดมายังไง? ได้รับอิทธิพลจากทางไหนบ้าง? เรามาดูกันเลยดีกว่าครับ

  อืม... ขอสรุปคร่าวๆนิดหนึ่งก่อนนะครับว่าภาษาอังกฤษ จัดอยู่ในตระกูลภาษาอินโด-ยุโรเปียนเหมือนภาษาอื่นในยุโรป แต่ภาษาอังกฤษจะจัดอยู่ในกลุ่มภาษาเยอรมันนิก (เยอรมัน, ดัช) ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับภาษาในกลุ่มภาษาโรมานส์ (ฝรั่งเศส, อิตาลี, สเปน ฯ) แต่ภาษาอังกฤษจะมีลักษณะเด่นกว่าชาวบ้านอย่างนึงคือ ภาษาอังกฤษได้รับอิทธิพลทางภาษาจากทั้งกลุ่มโรมานส์ และกลุ่มเยอรมันนิกมาตลอดเวลาตามประวัติศาสตร์อันยาวนาน จนทำให้ภาษาอังกฤษมีลักษณะคาบเกี่ยวกับทั้งสองกลุ่ม คำศัพท์ส่วนหนึ่งจะค่อนไปทางภาษาเยอรมัน และอีกส่วนจะไปทางภาษาลาติน และอีกหลายๆส่วนที่ความหมายเดียวกัน แต่มีคำศัพท์มันทั้งแบบเยอรมัน กับแบบลาติน คือมีทั้งสองแบบให้เลือกใช้ เรียกง่ายๆว่าภาษาอังกฤษเป็นลูกครึ่งเยอรมัน-ลาตินก็พอไหว
เอ๊า... เรามาดูเรื่องราวกันตั้งแต่ต้นดีกว่า

   แต่เริ่มเดิมทีเมื่อหลายพันปีก่อน ชาวCeltsเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อาศัยอยู่บนเกาะอังกฤษ และได้สร้างอาณาจักรอยู่ทั่วไปบนแผ่นดินอังกฤษ จนมาถึงช่วงปีที่55ก่อนค.ศ. กองทัพโรมันนำโดยจูเลียส ซีซ่าร์ได้รุกรานเกาะอังกฤษ และเข้าได้เริ่มเข้าปกครองเกาะอังกฤษอย่างเต็มที่ โดยจักรพรรดิ์Claudiusในปีค.ศ.43 จากนั้นมาชาวโรมันได้ปกครองชาวCeltsอยู่นานเกือบสี่ร้อยปี จึงได้ถอนกำลังกลับอิตาลีเมื่อปีค.ศ.436 เพื่อกลับไปปกป้องอิตาลีซึ่งกำลังถูกรุนรานอยู่ แต่ในช่วงที่โรมันปกครองเกาะอังกฤษ ภาษาลาตินยังไม่มีอิทธิพลอะไรมากมายกับภาษาอังกฤษ

  เอาล่ะครับ เรากำลังจะเข้ามาถึงภาษาอังกฤษที่เป็นอังกฤษในยุคแรกแล้วนะครับ อ้อ... เกือบลืมบอกไปว่าภาษาอังกฤษเค้าแบ่งออกเป็น 3 ยุคสมัยนะ เรื่องราวของทั้งสามยุคอยู่ด้านล่างครับ ค่อยๆอ่านต่อไป

1. ภาษาอังกฤษยุคเก่า (Old English) ปีค.ศ. 449 - 1066

     หลังจากชาวโรมันกลับออกไปจากเกาะอังกฤษ ชาวCeltsก็กลับมาปกครองตนเองอีกครั้ง แต่ก็ปกครองได้แค่ไม่นาน ในปีค.ศ.449 ชนเผ่าในกลุ่มเยอรมันตะวันตกสามกลุ่ม คือAngles, Saxxon และ Jutes (เรียกรวมๆว่า Anglo-Saxxon) ก็ได้รุนรานจากแถบตอนใต้ของเดนมาร์กในปัจจุบันเข้ายึดและปกครองเกาะอังกฤษอีกครั้ง แต่การปกครองช่วงราว200ปีครั้งนี้ ชาวAnglo-Saxxon ได้ขับไล่และผลักดันชาวCeltsที่เป็นชนดั้งเดิมของเกาะ ให้ถอนร่นไปอยู่แถบสก็อตแลนด์, เวลล์, คอร์นวอลล์, และไอร์แลนด์ พร้อมกับลบล้างภาษาCelticsที่เป็นภาษาของชาวCelts จนเกือบหมดไปจากอังกฤษ (ปัจจุบันคำในภาษาCelticsที่ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง จะเป็นชื่อสถานที่และชื่อแม่น้ำ เช่น Avon, Devon, Dover, Kent, Thames)

  ตั้งแต่ช่วงปีค.ศ.850 เกาะอังกฤษก็ถูกรุนรานอีกครั้ง แต่คราวนี้โดยชาวนอร์ส(Norse) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อไวกิ้ง (Viking) การรุนรานเกิดขึ้นจากแถบสแกนดิเนเวีย ขึ้นเกาะทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ การรุนรานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และชาวนอร์สส่วนหนึ่งก็ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่บนเกาะอังกฤษมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงนี้ด้วย จนมาถึงปีค.ศ.878 อัลเฟรดมหาราช(กษัตริย์ชาวAngloของอังกฤษ) จึงได้ทำสนธิสัญญาแห่งWedmore เพื่อยุติการรุนรานของชาวนอร์ส นับแต่นั้น ชาวนอร์สก็ได้เข้ามาอาศัยร่วมกับชาวAnglo-Saxxonที่อยู่เดิมอย่างสันติ

   ภาษาที่ชาวAnglo-Saxxonใช้นั้นเป็นภาษาในกลุ่มเยอรมันนิก เหมือนกับภาษาของชาวนอร์ส ทั้งสองภาษานี้มีความคล้ายคลึงกันมาก ทำให้คนจากทั้งสองกลุ่มสามารถพูดสื่อสารกันรู้เรื่อง ตรงนี้ทำให้คนทั้งสองกลุ่มอยู่ร่วมในสังคมเดียวกันได้ และมีการแต่งงานข้ามกลุ่มกัน จนในที่สุด ก็กลายมาเป็นคนกลุ่มเดียวกัน

  *พูดย่อๆแล้วภาษาอังกฤษยุคเก่าก็คือภาษาอังกฤษที่มาจากการรวมกันของภาษา Anglo-Saxxon และนอร์ส (ทั้งสองภาษาอยู่ในกลุ่มเยอรมันนิก) คราวนี้เราลองมาดูกัน ว่าภาษาอังกฤษยุคเก่าจะต่างจากภาษาอังกฤษปัจจุบันมากน้อยแค่ไหน

  ภาษาอังกฤษยุคเก่านี้จะต่างกับภาษาอังกฤษในปัจจุบันเกือบทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์หรือไวยากรณ์ ผมคงจะไม่พูดถึงรายละเอียดมากนะ เรามาดูประโยคจริงกันเลยดีกว่า ลองดูสิว่าคุณจะอ่านข้อความด้านล่างนี้ออกหรือเปล่า

   

หรือลองมาฟังการอ่านข้อความข้างบนเป็นภาษาอังกฤษโบราณดูสิครับ แล้วจะรู้ว่ามันแทบจะไม่เหมือนภาษาอังกฤษปัจจุบันเลย คลิ๊กที่นี่ ->
(อ่านโดย Catherine Ball จากมหาวิทยาลัย Georgetown)


2. ภาษาอังกฤษยุคกลาง (Middle English) ปัค.ศ. 1066 - 1500

   เริ่มตั้งแต่เกาะอังกฤษถูกชาวนอร์มันบุก(อีกแล้ว)ในปีค.ศ.1066 กองทัพนอร์มันนำทัพโดยกษัตริย์วิลเลียมผู้พิชิต-ดยุกแห่งแค้วนนอร์มังดี ในช่วงที่นอร์มันปกครองอังกฤษ สิ่งหนึ่งที่มากับการเข้าปกครองของนอร์มันก็คือภาษา Anglo-Norman (ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสยุคเก่า ปนๆกับภาษาเยอร์มันยุคเก่า) แล้วยังได้นำภาษาฝรั่งเศสและลาตินเข้ามาใช้อีกด้วย ทำให้อังกฤษในสมัยนั้น้มีภาษาที่ใช้กันอยู่สามภาษาคือ ฝรั่งเศส, ลาติน, และอังกฤษ และมีอิทธิพลอย่างมากต่อชาวAnglo-Saxxonที่ถูกปกครองอยู่

  ถึงตรงนี้บนเกาะอังกฤษก็มีภาษาของสองชนชั้นที่ใช้กันอยู่ (ชั้นปกครองกับถูกปกครอง) เลยทำให้เกิดคำศัพท์หลายๆคำที่มีความหมายเดียวกัน ดูตารางเปรียบเทียบข้างล่างนะครับ

จาก Anglo-Saxxon
จาก Anglo-Norman
cow
beef
shut
close
answer
reply
wish
desire
year
annual
smell
odour

  โดยทั่วไปแล้วคำที่มาจากภาษา Anglo-Saxon(ชนถูกปกครอง) มักจะใช้เกี่ยวกับสามัญชน แต่คำจากภาษา Anglo-Norman จะใช้กับชนชั้นปกครองหรือใช้ในวิทยาการต่างๆ รวมทั้งคำศัพท์ที่เกี่ยวกับกฎหมายหรือการปกครองจะเป็นคำจากภาษา Anglo-Norman ซะเป็นส่วนใหญ่ เช่น prince, duke, lord, lady, earl, county, palace

 * สรุปแล้วภาษาอังกฤษในยุคกลางก็คือภาษาที่ผสมปนกันระหว่างสองภาษาที่พูดถึงข้างบนล่ะครับ

  ในช่วงนับร้อยปีที่นอร์มันปกครอง ภาษาอังกฤษเดิมเกือบสูญหายไปทั้งหมด เพราะความสำคัญในการใช้ลดน้อยลงเรื่อยๆ จนภาษาอังกฤษเอง กลายเป็นภาษาที่ใช้ในกลุ่มคนที่ไม่มีการศึกษา คนที่มีการศึกษาจะพูดภาษาฝรั่งเศสแทน ส่วนในด้านการศึกษาทั่วไปจะใช้ภาษาลาตินเป็นหลัก

  จนถึงปีค.ศ.1204 ที่อังกฤษเสียแคว้นนอร์มังดีให้กับกษัตริย์ฝรั่งเศส จุดนี้ทำให้คนชั้นสูงชาวนอร์มันในอังกฤษส่วนหนึ่ง เริ่มตีตัวออกห่างจากฝรั่งเศส และหันมาให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษเดิมเพิ่มมากขึ้น และหันมาใช้ภาษาอังกฤษในการศึกษา แทนภาษลาตินในปีค.ศ.1348

  จนมาปีค.ศ.1349-50 เกิดโรคระบาดในอังกฤษทำให้ผู้คนล้มตายกันถึงหนึ่งในสามของประเทศ และช่วงนี้ทำให้ชนชั้นแรงงาน และพ่อค้าวานิชเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในการปกครองประเทศมากขึ้น(ชนชั้นนี้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก) ภาษาอังกฤษกลับมา มีความสำคัญเพิ่มมาก ขึ้นเรื่อยๆ ในปีค.ศ.1362
ภาษาอังกฤษถูกเอามาใช้แทนภาษาฝรั่งเศสที่ใช้มาก่อนหน้านั้น เช่นในทางกฎหมาย, ในรัฐสภา
จนในที่สุด แทบไม่มีการแบ่งแยกด้านภาษาระหว่างชนชั้นอีกเลย

  ช่วงตอนปลายของภาษอังกฤษยุคกลาง (จนถึงปี1500) ส่วนมากจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในตัวภาษาเอง ไม่ได้เปลี่ยนจากอิทธิพล ของภาษาอื่นเหมือนก่อน การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ การเปลี่ยนการออกเสียงสระ และการเปลี่ยนแปลด้านไวยากรณ์ (ผมจะไม่พูดถึงรายละเอียดส่วนนี้นะครับ เพราะมันยาวมาก)

  อืม... ก่อนจะจบเรื่องภาษาอังกฤษในยุคกลาง เรามาดูประโยคเดิมที่ให้ดูในช่วงภาษาอังกฤษยุคเก่าดีไม๊ คราวนี้หลายคนคงนึกในใจว่า ดูและค่อยคุ้นตาขึ้นหน่อย (ผมหาเสียงอ่านของประโยคนี้เป็นภาษาอังกฤษยุคกลางไม่ได้จริงๆครับ ขออภัยมาณ.ที่นี้)




3. ภาษาอังกฤษยุคใหม่ (Modern English)

แบ่งย่อยออกเป็น
3.1. ภาษาอังกฤษยุคใหม่ตอนต้น ปีค.ศ.1500-1800

3.2. ภาษาอังกฤษยุคใหม่ตอนปลาย ปีค.ศ. 1800 - ปัจจุบัน


--> กำลังทำอยู่คร๊าบบ <--

.