ครั้งแรกกับการแสดงเดี่ยวเต็มรูปแบบ ในชื่อของดอกไม้การบันเทิง Flower of Love Entertainment คืนที่คีนูรีพจูบฉัน ณ โรงละครสมาคมฝรั่งเศส ถนนสาธรใต้ ก่อนเปิดการแสดงเรื่องนี้ไม่นาน จำได้ว่าขณะนั้นฉันทำโครงการละครสัญจร "รวมพลังหารสอง " รณรงค์เรื่องการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ฉันต้องออกตระเวนเล่นละครกับเพื่อนๆตามโรงเรียนประถม ตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์มิได้ขาด เป็นเวลาหนึ่งภาคเรียน เราเล่นอย่างน้อยวันละสองรอบ คือรอบเช้าและบ่าย แต่มีวันมามากที่ต้องเล่นสามรอบการแสดง เวทีจัดแสดงนั้น บ้างก็หอประชุมโรงเรียน บ้างก็สนามหญ้า บ้างก็โรงอาหาร หรือใต้อาคารเรียน ใต้ทางด่วน ไม่เว้นแม้กระทั่งโบสถ์ และนี่ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ติดเป็นนิสัยว่า....... ไม่ว่าที่ไหนก็จัดแสดงได้ทั้งนั้น หนำซ้ำยังมีอะไรๆมาให้ตื่นเต้นได้ตลอด ไม่เพราะคน ก็เพราะธรรมชาติ ต้องมีสักอย่างแหละ....... |
ละครสัญจรคราวนั้น ละครหน่ะสัญจรแน่ เพราะเปลี่ยนที่เล่นเสมอ ฉันและเพื่อนสวมบทบาทเป็นนักผจญภัยดีๆนี่เอง ฉันทำหน้าที่เป็นพิธีกร และร่วมแสดงด้วย แรกสุดเรามีเครื่องเสียงของเราเอง นั่นหมายความว่าแต่ละคนมีคนละตัว บางครั้งมีคนละตัวก็ยังเอาไม่อยู่ คิดดูว่าผู้ชมตั้งพันห้าฝึกเสียงมาอย่างไรก็แทบตาย แม้จะรวม การขยายขนาดของการแสดงก็เอาไม่อยู่ ฉันคิดได้ในบันดลว่า ละครเวทีคือการแสดงสด ไม่เหมาะกับคนดูเป็นกองทัพ ทำให้เราตระหนักอยู่เสมอว่า เล่นสู้ฟ้า ท้าลิขิต เล่นสุดชีวิตจนตัวตาย แม้แถวสุดท้ายต้องให้ได้ยิน ช่วงแรกฉันต้องนำเล่นเกมส์ เพื่อสร้างบรรยากาศร่วมของการชม ถือเป็นการเกริ่นนำ มีทั้งการตอบคำถาม ให้รางวัล เป็นช่วงก่อนการแสดง นั่นเป็นเวทีสำคัญในการลับสมอง ฝึกปรือวิธีรับมือกับผู้ชมของฉัน เพราะผู้ชมของฉันเป็นเด็กๆ จึงเป็นบทพิสูจน์ในศักยภาพโดยแท้ เพราะเด็ก ใหม่ สดเสมอยิ่งกว่าแฟนคลับใดๆทั้งปวง และในส่วนของการแสดงละครนั้น ก็มีช่วงปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมแทรกอยู่เป็นระยะ ฉันรู้สึกว่าช่างวิเศษเหลือเกิน ที่เราสามารถพาพวกเขาเหล่านั้นโลดแล่น ไปกับบทบาทสมมุติที่เราสร้างขึ้นได้ ตราบใดที่เราเชื่อในบทบาทาทที่เราเป็น |
2 |
![]() |
จำนวนผู้เยี่ยมชม |
![]() |