ฉันหาเหตุและผลมารองรับ
เมื่อเรานำเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์
มารวมกับเรื่องที่เราโมเมขึ้น
เพราะต้องการสร้างตัวละครให้เป็นวีระบุรุษ
ผลก็คือบทถูกปรับเปลี่ยนไปอีกไม่รู้กี่ครั้งจนถึงวันแสดง
เพราะไอ้เหตุและผลนี่เอง
มันสำคัญมาก
เพราะการแสดงคราวนี้แตกต่างจากคืนที่คีนูรีฟ
ในคืนที่คีนูรีฟ
ฉันเป็นเหมือนคนที่มาเล่าให้ฟังและพร้อมกันก็แสดงให้ดูด้วย
แต่สำหรับไฉไลไปรบ
ฉันอยากให้ผู้ชมติดตามดูเหตุการณ์
สนุกอยู่กับเรื่องราวเหมือนร่วมผจญภัยไปกับตัวละครด้วยกัน
มันยากทีเดียว
ฉันวางเงื่อนไขวิธีนำเสนอไว้อีกหลายอย่าง เช่น
ฉันจะเปลี่ยนเป็นตัวละครอื่นๆแบบไม่ยุ่งยาก
ฉันจะสร้างความเชื่อและให้ผู้ชมคล้อยตาม
ฉันอยากมีฉากละครที่ดูเหมือนงานนิทรรศการศิลปะ
และนำมาใช้ได้จริงและผ่านการคิดแบบที่สุดแล้ว
( ฉันจึงต้องมีที่ปรึกษาเป็นศิลปิน ซึ่งก็อยู่ใกล้ตัวเหลือเกิน )
อาจารย์ สุธี คุณาวิชญานนท์ นั่นเอง
ฉันอยากให้เห็นว่าไฉไลไปรบ
ถูกสร้างออกแบบมาให้จัดแสดงที่นี่
( หอศิลป์ตาดู )
( จึงเป็นธรรมดาที่ต้องปีนป่ายขื่อคาแบบไม่เลิก
เมื่อฉันนำไปเปิดการแสดงที่อื่น
แน่นอนการปรับใช้ให้เข้ากับสถานที่
จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าการหาที่ปีน )
หัวข้อเรื่อง