เมื่อผมมีโอกาสสอนให้คนอื่นๆเล่นละคร
นานพอควรทีเดียวที่ผมตัดสินใจ สอนคนอื่นเล่นละคร หรือแสดงละครเวที
ด้วยเหตุผลง่ายๆ เพราะผมไม่มีเครดิตในการเรียนละครจากหลักสูตรการศึกษา
ผมต้องใช้เวลาพอควรในการเรียบเรียงความรู้ของผมให้เป็นระบบ
ที่ผมจะสามารถอธิบายให้เข้าใจด้วยภาษาที่ง่าย และต้องเป็นภาษาไทยเสียส่วนใหญ่
ผมพยายามอ้างอิงเรื่องราวต่างๆที่ค้นพบเมื่อผมผลิตงาน เทียบเคียงกับหลักวิชาการ
หรือข้อมูลที่ถูกบันทึกเป็นแบบเรียน
แม้ว่าในบางกรณี เป็นการเทียบเคียงแบบข้างๆคูๆด้วยแบบฉบับของผม
ผมศรัทธาในครูผู้สอนศิลปะการแสดงทุกท่าน
เพราะศิลปะการแสดงนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องราวของมนุษย์
เป็นเรื่องราวของการสื่อสาร เป็นการเรียนการสอนที่ไม่มีวันจบสิ้น
เมื่อต้องสอนละคร จำเป็นที่จะต้องสอนศีลธรรมและธรรมะ
สอนเรื่องความซื่อสัตย์ต่อตนเอง และสิ่งที่ตนกระทำอยู่
สอนให้เป็นผู้ให้ และเข้าใจในความเป็นผู้รับ
สอนให้เข้าใจธรรมชาติ และการแสดงออก
เรื่องราวที่ผมได้เรียนรู้จากครูนั้นมันจึงมากมายนัก
จนบางครั้งผมยังคิดว่าทำไมผมจึงเป็นคนที่โชคดีเช่นนี้หนอ

ครูของผมนั้นมีหลายท่าน
แต่ละท่านก็มีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันไป
วันนี้ผมค้นพบครูคนใหม่ของผม
พวกเขาเหล่านั้นน่ารัก และไม่รู้จักการโกหกที่แท้จริง
ที่ต้องกล่าวเช่นนี้เพราะผมสามารถจับได้เมื่อครูโกหก
และผมจะแอบยิ้มทุกครั้งเมื่อพวกเขาคิดว่าเขาโกหกผมได้สำเร็จ
วัยของพวกเขาไม่ใช่อุปสรรคในการเรียนการสอนสำหรับพวกเรา
เขาเป็นครูที่จริงใจและรอคอยกำลังใจจากผม
ทุกครั้งที่อยู่หน้าชั้น และพวกเขาแสดงบางอย่างออกมา
ผมตกใจที่เข้าใจว่า บางบทเรียนนั้นยากสำหรับเขา
แต่เปล่าเลย  ผมต่างหากที่คิดอยู่ข้างเดียว
พวกเขาเข้าใจในบทเรียนนั้น อย่างไม่ซับซ้อน และมีเล่ห์กลใดๆ
ตอนหลังผมจึงพบว่า
นี่กระมัง
ที่เรียกว่าความซื่อสัตย์ในการแสดงออก

คุณครูเหล่านี้เป็นนักเรียนของผม
ผมเข้าใจว่าการเรียนการสอนในสามชั่วโมงนั้นยาวนานสำหรับพวกเขา
ผมเข้าใจผิด พวกเขามีพลังเหลือเฟือมากมายที่จะร่วมสนุกไปกับผม
ผมเองต่างหาก ที่เหนื่อยล้า และด่วยสรุปว่า สามชั่วโมงนั้นเพียงพอแล้ว
ผมมักจะทิ้งการบ้านไว้ในท้ายชั่วโมงของการเรียน
มันเป็นเกมส์ที่ผมเรียกว่าการบ้าน
จริงๆแล้วมันเป็นสัญญาใจของผมกับครูทั้งหลายว่าเราจะไม่ลืมกัน
และเฝ้ารอคอยวันที่จะมาพบกันอย่างใจจดใจจ่อ

ผมเห็นประโยชน์ของการมีการบ้านในห้องเรียนศิลปะการแสดง
เพราะนั่นหมายถึง กุศโลบายในการฝึกการสังเกตุ
และฝึกฝนเรียบเรียงความคิดแบบง่ายๆ
ก่อนที่จะมีการซักซ้อมและนำเสนอ
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่จะติดตัวไปกับผู้เข้าร่วมเรียนรู้ของผม
เหมือนกับที่ผมได้รับมาจากครูคนอื่นๆ
ผมรู้สึกสดชื่นและมีพลังทุกครั้งที่ผมจะต้องสอน
แม้ว่าในเช้านั้นผมงัวเงียและง่วงนอนจากการอดหลับอดนอนตั้งแต่เมื่อคืน
เพราะผมตระหนักดีว่า
พวกเขารอคอยการปรากฏตัวของผม
เฝ้ารอคอยเกมส์ใหม่ๆ
หัวข้อใหม่ๆ
ที่จะทำให้พวกเราได้สนุกกัน และร่วมค้นพบการแสดงออก ที่สะบาย
นั่นหมายรวมถึง คิดเป็น ทำเป็น และเล่นได้สนุกด้วย
เมื่อเราต่างค้นพบ
บ่อยครั้งที่ผมตกใจ เมื่อความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนเร้นไว้ในผู้เรียนรู้ของผม
ถูกเจือปนออกมากับการแสดง
ด้วยเหตุที่ว่าผมมักจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนของผม ได้สร้างสรรค์การแสดงเองตามหัวข้อต่างๆที่กำหนด
บางครั้งผมได้เห็นความคิดที่คล้ายคลึงกับความคิดของผมเมื่อครั้งเก่าก่อน 
แม้ว่าในขณะนั้นจะไม่มีผมมีส่วนร่วมในการคิดนั้น
มันเป็นภาพเก่าๆ และคงเป็นความวิตกกังวลของผมเพียงฝ่ายเดียวกระมัง
อาจเพราะผมได้พิสูจน์และหาข้อสรุปแล้วว่า การแสดงออกเช่นนี้
เป็นความเข้าใจผิด ทั้งต่อการแสดง และทัศนะคติในการใช้ชีวิต
ซึ่งนั่นมันก็แค่ในความคิดของผม
และความความถูกผิดก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน

ผมต้องระมัดระวังเสมอ เมื่อเราได้มีโอกาสเข้าใกล้โลกของคนอื่น
มันมีเส้นบางๆที่แขวนป้ายเอาไว้ว่า 
ห้ามแตะ
แตะไม่ได้เดี๋ยวโลกแตก แตะไม่ได้เดี๋ยวเรื่องยาว
แตะไม่ได้ ถ้าไม่แน่จริง แตะไม่ได้ถ้าเยียวยาไม่เป็น
ผมต้องสำนึกอยู่เสมอ ว่าชีวิตเราพาดผ่านกันแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
และผมก็ต้องหยิบยื่นสิ่งที่ดีที่สุดให้
เพราะเขาเหล่านั้น เชื่อว่า
คำพูดของผม ถูกต้อง และอ้างอิงได้เสมอ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องตระหนัก
การเป็นผู้สอนของผม
คือการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่สวยงามในชีวิต
เป็นครูของกันและกัน
ผมทำได้แค่แนะนำบทเริ่มต้น เตรียมเสบียง และให้สมุดบันทึกติดตัวไป
จากนั้นการผจญภัย และค้นพบสิ่งใหม่ หรือข้อพิสูจน์อื่นๆนั้น
เป็นเรื่องที่พบปะเอง

บางสิ่งในการแสดงของผม ผมพบจากชั่วโมงบิน
และเป็นการยากพอควรที่จะอธิบายในคำสั้นๆที่ครอบคลุมความหมายที่ชัดเจน
และก็จะดูใจร้ายที่จะบอกว่า เล่นเยอะเยอะ แสดงเยอะๆ และสักวันหนึ่งเธอจะเข้าใจ
เนื่องจากมันไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่คนเราต้องเสียเวลาเท่ากันในการค้นพบบางอย่าง
ผมโชคดี ที่ผมไม่หวาดกลัวในการแสดงออกบนเวทีของผม
ผมหมายถึงรูปแบบในการนำเสนอ
ส่วนความตื่นเต้นนั้นคนละเรื่อง
ส่วนตัวแล้ว ผมมักจะทดลองในสิ่งที่คนอื่นๆห้ามไว้ในการแสดง
มันท้าทาย และผมจะทำจนค้นพบว่า
ทำไมต้องห้าม หรือ ถูกแล้วที่ห้ามไว้ไม่ให้ทำ
เมื่อผมนำมาถ่ายทอดหรือแลกเปลี่ยน มันทำให้ผมเข้าใจ และถ่ายทอดได้ง่ายขึ้น
เมื่อผมเล่นเรื่องนั้นบ่อยๆ เล่นซำบ่อยๆ
สิ่งที่ผมพบก็คือ
ที่ผมพบเจอนั้นยังน้อยนัก
ยังมีอีกหลายอย่างที่มองข้าม
และสร้างสรรค์จนตายก็ไม่มีทางสิ้นสุด
บางครั้งผมก็ลืมไปว่า ผมเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง
เมื่อมีอารมณ์ก็สามารถแสดงออกได้เช่นกัน
เพียงแต่ต้องคำนึงสักนิดว่าให้ออกมาเชิงสร้างสรรค์
จึงมีบ้างที่ผมดุ และโกรธ และเงียบลงอย่างหงุดหงิด
แต่นั่นไม่ใช่กับนักเรียนตัวน้อยๆ
แต่เป็นตัวโตๆที่ชอบให้แสดงออกแบบนี้บ้าง
จนบางครั้ง
พวกเขาเหล่านั้นดีใจที่ผมโกรธซะบ้าง ดุซะบ้าง
เพราะมันทำให้การเรียน หรือการซักซ้อม ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
บางครั้งผมก็สงสัย
ทำไมต้องเป็นอย่างนี้หนอ

ทุกวันนี้ บทบาทผู้สอน ทำให้ผมมีความสุข
บางครั้งมันเป็นบ่อเกิดของการสร้างงานใหม่ๆของผม
ผมรู้สึกว่าพักนี้ผมยิ้มบ่อยขึ้นเยอะ
บางครั้งก็หัวเราะจนน้ำตาไหล
กินอาหารอร่อย
เหงื่อไหลปกติ
และหลับฝันดี
ผมว่าเป็นการดีไม่น้อยที่เราได้มีโอกาสสอนผู้อื่น
อย่างน้อยก็ได้ทบทวนตัวเองเสมอ
มีเวลาออกกำลังกาย
เป็นไปได้ว่า ในความรู้สึกลึกๆของผมแล้ว
ผมคงภูมิใจแน่แน่  ที่ถูกยอมรับตัวตนของตัวเองมากขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้
ความอิ่มเอมใจที่ได้รับ
มีรึจะไม่อยากแบ่งปันให้ผู้อื่น
2 ก.ค.2546  เวลา 19.40
ข้อเขียน
จำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม