น.พ.วีระ สุรเศรณีวงศ์
เมื่อวันแม่แห่งชาติที่ผ่านมาทางงานที่ปฏิบัติงานอยู่ได้จัดงานวันแม่ขึ้น
ซึ่งเป็นการจัดประจำทุกปี แต่รูปแบบก็แตกต่างกันไปบ้าง
ปีนี้ได้มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน มีการจัดนิทรรศการมุ่งเน้นสองประการคือ
การตรวจค้นมะเร็งที่พบบ่อยในสตรีไทยและการดูแลหญิงวัยหมดระดู
ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายขององค์การอนามัยโลก
คือจัดปีนี้เป็นปีผู้สูงอายุ ซึ่งนับวันจะเพิ่มจำนวนขึ้น คาดว่าในทศวรรษหน้า
ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุประมาณใกล้สิบล้านคน นับเป็นกลุ่มประชากลุ่มใหญ่
ที่จะต้องดูเพราะเป็นวัยเสื่อม ถ้าจัดระบบดูแลเชิงป้องกันได้ดีก็จะลด
ภาระของสังคมไปมาก และก็ได้ประชากรที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามมา
มีข้อน่าสังเกตว่าทุกหน่วยงานสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลพยายามที่จะเปิดคลินิกผู้สูงอายุ
โดยเฉพาะคลินิกวัยทองเปิดที่ไหนคนไข้หรือผู้มาใช้บริการก็ตรึมที่นั่น คิวยาวเหยียด
และเป็นคลินิกพิเศษที่คนไข้ให้ความร่วมมือดีมาก มาไม่เคยผิดนัดก็ว่า
ได้เพราะเป็นวัยว่างงาน มีเวลาให้กับตัวเองเต็มที่
ในอนาคตเราคงจะไม่เห็นหญิงชราหลังค่อมเดินเชื่องช้า ลำบากน่าสงสาร
เพราะหลังคดโก่งกระดูกแขนขางอ ด้วยการแพทย์ที่ดีก็จะส่งผลกระทบในระยะยาว
จำนวนประชากรที่มีอายุยืนยาวก็จะเพิ่มขึ้น คนแก่คนสูงอายุจะมากขึ้นๆ
จนเป็นภาระสังคมเช่นประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น แต่ก็ยังไม่น่าสงสาร
เท่าคนแก่ทางประเทศตะวันตก พวกฝรั่งพอแก่แล้วต้องดูแลตัวเอง
น่าเวทนา บางคน 70 เศษยังต้องขับรถจ่ายตลาดเอง ผิดกับประเทศไทยเรา
ที่อยู่เป็นครอบครัวใหญ่คนแก่คนเฒ่าจึงอบอุ่นไม่ถูกทอดทิ้ง
ก่อนยุค IMF แนวโน้มทางสังคมดูเหมือนว่าครอบครัวไทยจะมีขนาดเล็กลง
คนแก่คนเฒ่าจะถูกทอดทิ้งมากขึ้นเพราะบรรดาคนหนุ่มคนสาวที่แต่งงาน
และเป็นวัยทำงานมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่สังคมผู้บริโภคมากขึ้น
ทุกคนต้องดิ้นรนเกินตัวจนทอดทิ้งครอบครัวดั้งเดิมพอยุค IMF
จึงทำให้คิดได้ว่าควรจะดำเนินชีวิตตามพระราชดำริ คือ
เศรษฐกิจพอเพียงการ่มสลายทางเศรษฐกิจเมือง
ทำให้สังคมหันหลังไปสู่ครอบครัวพื้นฐานเดิม
นับว่าโชคดีในโชคร้ายของประเทศเรา
งานวันแม่ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้สูงวัยมาชมมารับบริการอย่างล้นหลาม
โดยเฉพาะการตรวจค้นหามะเร็งที่ชุกชุมในสตรีไทย คือ มะเร็งปากมดลูก
และมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้มีบริการพิเศษ คือ "แป๊ปทันใจ"
ซึ่งเป็นการจัดครั้งแรกในประเทศไทยก็ว่าได้ หรืออาจจะครั้งแรกในโลก
คือตรวจมะเร็งปากมดลูกที่ผู้มารับบริการรอฟังผลได้เลย ไม่ต้องรอข้ามวัน
ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดีจากพยาธิแพทย์ ท่านต้องมาเช็กห้องปฏิบัติ
ที่ข้างหลังห้องตรวจได้เลย ได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลามจนเกินโควต้าที่กำหนดไว้
การจัดกิจกรรมต่อเนื่องโดยเฉพาะการตรวจค้นหามะเร็งปากมดลูกนั้น
นับเป็นการสนองนโยบายแห่งชาติที่ได้กำหนดขึ้นในแบบปัจจุบัน
ที่จะทำการตรวจค้นหามะเร็งปากมดลูกในสตรีไทย เพื่อลดอัตราการเกิดโรคนี้
ซึ่งมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับหนึ่งของมะเร็งในสตรี
พบได้ 2 ถึง 3 คนในประชากรแสนคน รองลงมาก็มะเร็งเต้านม
ซึ่งมีแนวโน้มกำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง ถ้าประเทศไทยเรายังเป็นสังคมบริโภคไม่เปลี่ยนแปลง
เดินตามก้นฝรั่งทั้งเรื่องอยู่เรื่องกินในฝรั่ง โดยเฉพาะอเมริกา
ผู้หญิง 10 คนจะมี 1 คนที่มีโอกาสเกิดมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก
จึงไม่น่าแปลกใจที่แม้ดารางดัง เศรษฐีนี สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งก็เป็นโรคนี้
แม้โรคนี้จะเกิดกับอวัยวะที่ตรวจตราง่าย แต่ก็หนีไม่พ้น
ที่เป็นกันมากพบว่าเกี่ยวพันกับปริมาณไขมันในอาหารสมัยก่อนคนไทยบริโภคผักมาก
คนไทยทานอาหาร 1 วันมีผักที่ฝรั่งบริโภคได้ทั้งเดือนก็ว่าได้
คนไทยแต่ก่อนจึงมีอุบัติการณ์มะเร็งเต้านมต่ำ พออาหารด่วนรับประทาน
อาหารถุงๆ แพร่หลายเข้ามาไทย อุบัติการณ์ก็สูงขึ้นทันตาเห็น
แต่ก็ยังไม่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขเท่ากับมะเร็งปากมดลูก
ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของสตรีไทยเลยทีเดียว
ที่ต้องบุกหนักเรื่องมะเร็งปากมดลูก เพราะเป็นมะเร็งที่ป้องกันได้ต้องบอกว่า
100 เปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้ เพราะมีการตรวจค้นหาความผิดปกติที่ง่าย
และเชื่อถือได้และนอกจากนั้นยังเป็นมะเร็งที่ใช้เวลาในการกลายค่อนข้างนาน
อย่างน้อย 5-7 ปี ที่จะกลายจากเนื้อเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นมะเร็ง
ถ้าตรวจติดตามเหตุการณ์จะลดโอกาสเกิดมะเร็งได้
การตรวจแป๊ปสเมียร์นั้นในแผนพัฒนาประเทศได้ส่งเสริมมาตลอด
แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะวางนโยบายการปฏิบัติไม่เหมาะสม
ที่เคยวาดหวังว่า จะตรวจมะเร็งปากมดลูกในสตรีไทยได้ปีละล้านคน
ก็ได้เพียงไม่ถึงครึ่งในแผนพัฒนาปัจจุบัน จึงมาวิเคราะห์ความผิดพลาด
และวางนโยบายตรวจเฉพาะกลุ่มอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงคือ อายุ 30 ปีขึ้นไป
จากสถิติทางวิชาการมะเร็งปากมดลูกจะเป็นชุกในหญิงไทยอายุประมาณ 40 ปลายๆ
ดังนั้นถ้าจะป้องกันมะเร็งก็ต้องเริ่มตรวจตั้งแต่กลุ่มอายุ 30 ปีเศษ
เพราะกว่าจะเป็นมะเร็งต้องใช้เวลาประมาณ 5-7 ปี ดังกล่าวข้างต้น
จุดมุ่งหมายเพื่อค้นหาความผิดปกติที่จะนำไปสู่มะเร็ง
จะทำให้การดูแลรักษาได้ทั้งประหยัด ได้ทั้งประสิทธิภาพ คือ ป้องกันการเป็นมะเร็ง
เพราะการรักษาเนื้อกลายที่ยังไม่เป็นมะเร็งของปากมดลูกนั้นไม่ยุ่งยาก
เป็นการรักษาทำลายเนื้อเยื่อเฉพาะที่ อาจจะใช้มีดไฟฟ้าตัดเนื้อเยื่อผิดปกติออก
หรือใช้ความเย็นจัดจี้ทำลาย การตัดทำลายด้วยแสงเลเซอร์ การตัดด้วยมีดผ่าตัด
ซึ่งยกเว้นวิธีสุดท้ายแล้ว การทำการรักษาวิธีข้างต้นไม่ต้องนอนพักในโรงพยาบาล
ทำได้ที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอก และผลการรักษาดีมาก แม้จะมีโอกาสกลับมาเป็นเนื้อกลาย
อีกก็รักษาได้ไม่ยุ่งยาก ผิดกับเมื่อเป็นมะเร็งแล้วการรักษาแม้จะเป็นมะเร็งระยะเริ่มแรกก็ยุ่งยาก
เพราะการผ่าตัดจะต้องผ่าแบบแผลตรงตัวก็ว่าผ่าแบบทำลายล้าง คือตัดมดลูกเท่านั้นไม่พอ
ยังตัดช่องคลอดเนื้อข้างมดลูกออกอีกมาก และยังต้องเอาต่อมน้ำเหลืองในช่องเชิงกรานออกหมด
ถ้ามีการลุกลามแพร่กระจายการรักษา ก็จะเพิ่มความยุ่งยาก อาจจะต้องใช้การใช้รังสีรักษา
และหรือร่วมกับการใช้ยาเคมีบำบัด ไม่เพียงเท่านั้นอาจจะต้องใช้การผ่าตัดร่วมด้วย
เรียกได้ว่า ใช้การรักษาแบบสามกษัตริย์ ทั้งฉายแสง ฝังแร่ บวกเคมีบำบัด บวกผ่าตัด
และผลการรักษาก็จะได้ผลลดลงมา เป็นที่น่าเสียใจที่ยังพบว่า แม้ขบวนการตรวจแป๊ป
เพื่อค้นหามะเร็งปากมดลูกง่าย สะดวก ปัจจุบันเอาใจขนาดตรวจเสร็จนอนรอฟังผลที่บ้าน
ทางโรงพยาบาลจะส่งไปรษณีย์ไปให้ หรือคนไข้สามารถโทรศัพท์มาตามผลได้
แถมการทำแป๊ปเมืองไทยราคาถูกมากไม่ถึงร้อยบาท บางแห่งคิดค่าบริการ
เพียง 30 บาทก็มี สตรีจำนวนมากไม่มารับการบริการไม่น้อยเป็นสตรีที่มีการศึกษา
มีหน้าที่การงานสูงๆ สาเหตุหนึ่งเพราะความกลัวตรวจพบ เคยมีการพูดคุยกันว่า
ทั้งนี้อาจเนื่องจากชื่อภาษาไทยสื่อออกมาไม่ดีว่าเป็นการตรวจค้นกรดมะเร็งบ้าง
การตรวจค้นหามะเร็งบ้างเลยกลัว น่าจะเรียกให้สบายใจว่า
ตรวจป้องกันมะเร็งปากมดลูก คงจะทำให้คลายความหวาดกลัวไปได้
คนไทยยิ่งเชื่อเรื่องโชคลาง โดยเฉพาะชื่อต่างๆ ดูแต่ต้นไม้บางชนิดทั้งสวยทั้งงาม
แต่ห้ามปลูกเพราะชื่อไม่เป็นมงคล
การตรวจแป๊ปสเมียร์ เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกมีมา 100 กว่าปีแล้ว
และพัฒนามาตลอด ในประเทศไทยการประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ความรู้เรื่องดังกล่าว
เป็นไปอย่างต่อเนื่องหลายสิบปีจนประชาชนสตรีส่วนใหญ่รู้จักพอสมควร แต่ก็ยังไม่
ยอมมาใช้บริการมากเท่าที่ควร แบบพัฒนาใหม่จึงพยายามวางกลยุทธ์เชิงรุก
คือเมื่อท่านไม่มาหาเรา เราก็จะไปหาท่าน ดังนั้นในทศวรรษหน้าอุบัติการณ์
มะเร็งปากมดลูกคนไทยควรจะลดลง
แป๊ปสเมียร์เป็นขบวนการตรวจหาความผิดปกติของเซลล์บุผิวอวัยวะ
การตรวจก็คือการนำเอาเซลล์เหล่านั้นมาเกลี่ยบนกระจกแผ่น
สำหรับตรวจทางพยาธิที่มีขนาดกว้างเกือบ 1 นิ้ว ยาวประมาณ 2 นิ้ว
แล้วทำให้เซลล์ตายแห้งโดยการแช่น้ำยาแล้วจึงนำไปย้อมสีพิเศษ
เพื่อดูลักษณะหรือองค์ประกอบทางกายภาพของเซลล์ว่าผิดปกติ
หรือปกติเน้นว่าการตรวจดูทำได้ขีดจำกัดเพียงบอกว่า
พบเซลล์ผิดปกติหรือเซลล์ปกติเท่านั้น ไม่สามารถบอกว่าเป็นโรคมะเร็งได้เลย
และความผิดปกติที่บอกได้นั้นแบ่งความรุนแรงออกมาว่าเป็น
ความผิดปกติที่ส่อว่าอาจจะเป็นมะเร็งได้มากน้อยเพียงใด
คร่าวๆ เพราะฉะนั้นผลการตรวจแป๊ปสเมียร์จะบอกให้รู้ได้เพียงว่า
พบความผิดปกติ ดังนั้นเมื่อคุณสุภาพสตรีได้รับรายงานผลจึงไม่ต้องตกใจว่าจะเป็นมะเร็ง
เพราะการตรวจลักษณะนี้ไม่สามารถบอกการวินิจฉัยมะเร็งได้
ทางการแพทย์จะแบ่งผลการตรวจออกเป็น 5 ระดับ จากระดับ 1 ถึงระดับ 5
ซึ่งจะมีความหมายถึงผิดปกติก็จากระดับ 3 ขึ้นไป ถ้าระดับ 3 ก็ผิดปกติน้อย
และมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนระดับ 5 แต่ก็ยังไม่สามารถจะวินิจฉัยว่า
เป็นมะเร็งได้บอกได้เพียงว่ามีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งมากขึ้นแต่ไม่ใช่ 100 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้นการทำแป๊ปสเมียร์เป็นการตรวจเบื้องต้น ถ้าพบความผิดปกติ
คือจากชั้น 3 ขึ้นไป แพทย์จะต้องทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อการพิเคราะห์โรคที่แน่นอนว่า
เป็นความผิดปกติชนิดใด อาจจะโดยการตรวจพิเศษด้วยการส่องกล้องขยายตรวจ
ตัดชิ้นเนื้อนำมาตรวจทางพยาธิวิทยาจึงจะสามารถให้การวินิจฉัยโรค
และวางแผนการรักษาได้
จากสถิติทางการแพทย์ว่าอัตราความผิดปกติของการตรวจป้องกันมะเร็ง
พบได้น้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ และในจำนวน 2 เปอร์เซ็นต์ที่ผิดปกตินั้น
มีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นมะเร็งส่วนใหญ่เป็นเพียงเนื้อกลาย
ดังนั้นการจะเป็นมะเร็งปากมดลูกไม่ใช่เรื่องง่ายบางท่านพูดว่า
ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 3 ยังง่ายกว่า
ที่น่าวิตกในขบวนการแป๊ปสเมียร์คือ แป๊ปสเมียร์ระดับ 2
ซึ่งในระดับนี้มักตรวจพบในกรณีที่มีการอักเสบที่ปากมดลูก
จะรายงานว่าเป็นระดับ 2 ส่วน ระดับหนึ่งนั้นไม่พบเซลล์อักเสบคือ
เม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆ และไม่พบเซลล์ผิดปกติ สรุปว่าถ้าเป็นระดับหนึ่งคือไม่มีทั้งอักเสบ
ไม่มีทั้งเซลล์ผิดปกติ และถ้าไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ก็จะนัดให้มาตรวจประจำปี
ในระดับ 2 นั้น การมีการอักเสบไม่ได้หมายความว่าไม่มีความผิดปกติซ่อนอยู่
ควรจะรักษาการอักเสบให้หายแล้วจึงมาตรวจแป๊ปสเมียร์ซ้ำใหม่
เพราะในขณะที่มีการอักเสบนั้นเซลล์เม็ดเลือดขาวพวกเศษน้ำเหลืองเซลล์
ที่ถูกทำลายจะบดบังความผิดปกติที่อาจจะมีอยู่ ควรให้ยารักษาอาการอักเสบ
หวังเวลาหนึ่งเมื่อครบขบวนการรักษาการอักเสบจึงควรมาตรวจซ้ำ
โดยงดการร่วมเพศในระหว่างรอการตรวจซ้ำ
จากการศึกษาในสถาบันที่ปฏิบัติงานอยู่นี้พบว่า ในระดับ 2 นี้มีถึง 0.8 เปอร์เซ็นต์
ที่พบว่ามีความผิดปกติซ่อนอยู่ ซึ่งประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของการตรวจแป๊ปสเมียร์
จะเป็นขั้น 2 และปีหนึ่งๆ เฉพาะโรงพยาบาลนี้แห่งเดียวก็ตรวจแป๊ปสเมียร์
ประมาณใกล้หลักหมื่น ดังนั้น 0.8 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นตัวเลขที่น่าวิตก
จึงมีข้อแนะนำสำหรับผู้ที่มีการรายงานผลการตรวจว่าเป็นแป๊ปสเมียร์ขั้น 2
ควรติดต่อแพทย์เพื่อให้การดูแลได้เหมาะสมต่อ มิฉะนั้นท่านอาจจะถูกลอตเตอรี่
รางวัลที่ 3 ได้ไม่คาดคิด
|