มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



แป๊ป ขั้นสอง

น.พ.วีระ สุรเศรณีวงศ์


เมื่อวันแม่แห่งชาติที่ผ่านมาทางงานที่ปฏิบัติงานอยู่ได้จัดงานวันแม่ขึ้น ซึ่งเป็นการจัดประจำทุกปี แต่รูปแบบก็แตกต่างกันไปบ้าง ปีนี้ได้มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน มีการจัดนิทรรศการมุ่งเน้นสองประการคือ การตรวจค้นมะเร็งที่พบบ่อยในสตรีไทยและการดูแลหญิงวัยหมดระดู ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายขององค์การอนามัยโลก คือจัดปีนี้เป็นปีผู้สูงอายุ ซึ่งนับวันจะเพิ่มจำนวนขึ้น คาดว่าในทศวรรษหน้า ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุประมาณใกล้สิบล้านคน นับเป็นกลุ่มประชากลุ่มใหญ่ ที่จะต้องดูเพราะเป็นวัยเสื่อม ถ้าจัดระบบดูแลเชิงป้องกันได้ดีก็จะลด ภาระของสังคมไปมาก และก็ได้ประชากรที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามมา

มีข้อน่าสังเกตว่าทุกหน่วยงานสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลพยายามที่จะเปิดคลินิกผู้สูงอายุ โดยเฉพาะคลินิกวัยทองเปิดที่ไหนคนไข้หรือผู้มาใช้บริการก็ตรึมที่นั่น คิวยาวเหยียด และเป็นคลินิกพิเศษที่คนไข้ให้ความร่วมมือดีมาก มาไม่เคยผิดนัดก็ว่า ได้เพราะเป็นวัยว่างงาน มีเวลาให้กับตัวเองเต็มที่

ในอนาคตเราคงจะไม่เห็นหญิงชราหลังค่อมเดินเชื่องช้า ลำบากน่าสงสาร เพราะหลังคดโก่งกระดูกแขนขางอ ด้วยการแพทย์ที่ดีก็จะส่งผลกระทบในระยะยาว จำนวนประชากรที่มีอายุยืนยาวก็จะเพิ่มขึ้น คนแก่คนสูงอายุจะมากขึ้นๆ จนเป็นภาระสังคมเช่นประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น แต่ก็ยังไม่น่าสงสาร เท่าคนแก่ทางประเทศตะวันตก พวกฝรั่งพอแก่แล้วต้องดูแลตัวเอง น่าเวทนา บางคน 70 เศษยังต้องขับรถจ่ายตลาดเอง ผิดกับประเทศไทยเรา ที่อยู่เป็นครอบครัวใหญ่คนแก่คนเฒ่าจึงอบอุ่นไม่ถูกทอดทิ้ง

ก่อนยุค IMF แนวโน้มทางสังคมดูเหมือนว่าครอบครัวไทยจะมีขนาดเล็กลง คนแก่คนเฒ่าจะถูกทอดทิ้งมากขึ้นเพราะบรรดาคนหนุ่มคนสาวที่แต่งงาน และเป็นวัยทำงานมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่สังคมผู้บริโภคมากขึ้น ทุกคนต้องดิ้นรนเกินตัวจนทอดทิ้งครอบครัวดั้งเดิมพอยุค IMF จึงทำให้คิดได้ว่าควรจะดำเนินชีวิตตามพระราชดำริ คือ เศรษฐกิจพอเพียงการ่มสลายทางเศรษฐกิจเมือง ทำให้สังคมหันหลังไปสู่ครอบครัวพื้นฐานเดิม นับว่าโชคดีในโชคร้ายของประเทศเรา

งานวันแม่ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้สูงวัยมาชมมารับบริการอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะการตรวจค้นหามะเร็งที่ชุกชุมในสตรีไทย คือ มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้มีบริการพิเศษ คือ "แป๊ปทันใจ" ซึ่งเป็นการจัดครั้งแรกในประเทศไทยก็ว่าได้ หรืออาจจะครั้งแรกในโลก คือตรวจมะเร็งปากมดลูกที่ผู้มารับบริการรอฟังผลได้เลย ไม่ต้องรอข้ามวัน ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดีจากพยาธิแพทย์ ท่านต้องมาเช็กห้องปฏิบัติ ที่ข้างหลังห้องตรวจได้เลย ได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลามจนเกินโควต้าที่กำหนดไว้

การจัดกิจกรรมต่อเนื่องโดยเฉพาะการตรวจค้นหามะเร็งปากมดลูกนั้น นับเป็นการสนองนโยบายแห่งชาติที่ได้กำหนดขึ้นในแบบปัจจุบัน ที่จะทำการตรวจค้นหามะเร็งปากมดลูกในสตรีไทย เพื่อลดอัตราการเกิดโรคนี้ ซึ่งมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับหนึ่งของมะเร็งในสตรี พบได้ 2 ถึง 3 คนในประชากรแสนคน รองลงมาก็มะเร็งเต้านม ซึ่งมีแนวโน้มกำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง ถ้าประเทศไทยเรายังเป็นสังคมบริโภคไม่เปลี่ยนแปลง เดินตามก้นฝรั่งทั้งเรื่องอยู่เรื่องกินในฝรั่ง โดยเฉพาะอเมริกา ผู้หญิง 10 คนจะมี 1 คนที่มีโอกาสเกิดมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่แม้ดารางดัง เศรษฐีนี สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งก็เป็นโรคนี้

แม้โรคนี้จะเกิดกับอวัยวะที่ตรวจตราง่าย แต่ก็หนีไม่พ้น ที่เป็นกันมากพบว่าเกี่ยวพันกับปริมาณไขมันในอาหารสมัยก่อนคนไทยบริโภคผักมาก คนไทยทานอาหาร 1 วันมีผักที่ฝรั่งบริโภคได้ทั้งเดือนก็ว่าได้ คนไทยแต่ก่อนจึงมีอุบัติการณ์มะเร็งเต้านมต่ำ พออาหารด่วนรับประทาน อาหารถุงๆ แพร่หลายเข้ามาไทย อุบัติการณ์ก็สูงขึ้นทันตาเห็น แต่ก็ยังไม่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขเท่ากับมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของสตรีไทยเลยทีเดียว ที่ต้องบุกหนักเรื่องมะเร็งปากมดลูก เพราะเป็นมะเร็งที่ป้องกันได้ต้องบอกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้ เพราะมีการตรวจค้นหาความผิดปกติที่ง่าย และเชื่อถือได้และนอกจากนั้นยังเป็นมะเร็งที่ใช้เวลาในการกลายค่อนข้างนาน อย่างน้อย 5-7 ปี ที่จะกลายจากเนื้อเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นมะเร็ง ถ้าตรวจติดตามเหตุการณ์จะลดโอกาสเกิดมะเร็งได้

การตรวจแป๊ปสเมียร์นั้นในแผนพัฒนาประเทศได้ส่งเสริมมาตลอด แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะวางนโยบายการปฏิบัติไม่เหมาะสม ที่เคยวาดหวังว่า จะตรวจมะเร็งปากมดลูกในสตรีไทยได้ปีละล้านคน ก็ได้เพียงไม่ถึงครึ่งในแผนพัฒนาปัจจุบัน จึงมาวิเคราะห์ความผิดพลาด และวางนโยบายตรวจเฉพาะกลุ่มอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงคือ อายุ 30 ปีขึ้นไป จากสถิติทางวิชาการมะเร็งปากมดลูกจะเป็นชุกในหญิงไทยอายุประมาณ 40 ปลายๆ ดังนั้นถ้าจะป้องกันมะเร็งก็ต้องเริ่มตรวจตั้งแต่กลุ่มอายุ 30 ปีเศษ เพราะกว่าจะเป็นมะเร็งต้องใช้เวลาประมาณ 5-7 ปี ดังกล่าวข้างต้น

จุดมุ่งหมายเพื่อค้นหาความผิดปกติที่จะนำไปสู่มะเร็ง จะทำให้การดูแลรักษาได้ทั้งประหยัด ได้ทั้งประสิทธิภาพ คือ ป้องกันการเป็นมะเร็ง เพราะการรักษาเนื้อกลายที่ยังไม่เป็นมะเร็งของปากมดลูกนั้นไม่ยุ่งยาก เป็นการรักษาทำลายเนื้อเยื่อเฉพาะที่ อาจจะใช้มีดไฟฟ้าตัดเนื้อเยื่อผิดปกติออก หรือใช้ความเย็นจัดจี้ทำลาย การตัดทำลายด้วยแสงเลเซอร์ การตัดด้วยมีดผ่าตัด ซึ่งยกเว้นวิธีสุดท้ายแล้ว การทำการรักษาวิธีข้างต้นไม่ต้องนอนพักในโรงพยาบาล ทำได้ที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอก และผลการรักษาดีมาก แม้จะมีโอกาสกลับมาเป็นเนื้อกลาย อีกก็รักษาได้ไม่ยุ่งยาก ผิดกับเมื่อเป็นมะเร็งแล้วการรักษาแม้จะเป็นมะเร็งระยะเริ่มแรกก็ยุ่งยาก เพราะการผ่าตัดจะต้องผ่าแบบแผลตรงตัวก็ว่าผ่าแบบทำลายล้าง คือตัดมดลูกเท่านั้นไม่พอ ยังตัดช่องคลอดเนื้อข้างมดลูกออกอีกมาก และยังต้องเอาต่อมน้ำเหลืองในช่องเชิงกรานออกหมด ถ้ามีการลุกลามแพร่กระจายการรักษา ก็จะเพิ่มความยุ่งยาก อาจจะต้องใช้การใช้รังสีรักษา และหรือร่วมกับการใช้ยาเคมีบำบัด ไม่เพียงเท่านั้นอาจจะต้องใช้การผ่าตัดร่วมด้วย เรียกได้ว่า ใช้การรักษาแบบสามกษัตริย์ ทั้งฉายแสง ฝังแร่ บวกเคมีบำบัด บวกผ่าตัด และผลการรักษาก็จะได้ผลลดลงมา เป็นที่น่าเสียใจที่ยังพบว่า แม้ขบวนการตรวจแป๊ป เพื่อค้นหามะเร็งปากมดลูกง่าย สะดวก ปัจจุบันเอาใจขนาดตรวจเสร็จนอนรอฟังผลที่บ้าน ทางโรงพยาบาลจะส่งไปรษณีย์ไปให้ หรือคนไข้สามารถโทรศัพท์มาตามผลได้ แถมการทำแป๊ปเมืองไทยราคาถูกมากไม่ถึงร้อยบาท บางแห่งคิดค่าบริการ เพียง 30 บาทก็มี สตรีจำนวนมากไม่มารับการบริการไม่น้อยเป็นสตรีที่มีการศึกษา มีหน้าที่การงานสูงๆ สาเหตุหนึ่งเพราะความกลัวตรวจพบ เคยมีการพูดคุยกันว่า ทั้งนี้อาจเนื่องจากชื่อภาษาไทยสื่อออกมาไม่ดีว่าเป็นการตรวจค้นกรดมะเร็งบ้าง การตรวจค้นหามะเร็งบ้างเลยกลัว น่าจะเรียกให้สบายใจว่า ตรวจป้องกันมะเร็งปากมดลูก คงจะทำให้คลายความหวาดกลัวไปได้ คนไทยยิ่งเชื่อเรื่องโชคลาง โดยเฉพาะชื่อต่างๆ ดูแต่ต้นไม้บางชนิดทั้งสวยทั้งงาม แต่ห้ามปลูกเพราะชื่อไม่เป็นมงคล

การตรวจแป๊ปสเมียร์ เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกมีมา 100 กว่าปีแล้ว และพัฒนามาตลอด ในประเทศไทยการประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ความรู้เรื่องดังกล่าว เป็นไปอย่างต่อเนื่องหลายสิบปีจนประชาชนสตรีส่วนใหญ่รู้จักพอสมควร แต่ก็ยังไม่ ยอมมาใช้บริการมากเท่าที่ควร แบบพัฒนาใหม่จึงพยายามวางกลยุทธ์เชิงรุก คือเมื่อท่านไม่มาหาเรา เราก็จะไปหาท่าน ดังนั้นในทศวรรษหน้าอุบัติการณ์ มะเร็งปากมดลูกคนไทยควรจะลดลง

แป๊ปสเมียร์เป็นขบวนการตรวจหาความผิดปกติของเซลล์บุผิวอวัยวะ การตรวจก็คือการนำเอาเซลล์เหล่านั้นมาเกลี่ยบนกระจกแผ่น สำหรับตรวจทางพยาธิที่มีขนาดกว้างเกือบ 1 นิ้ว ยาวประมาณ 2 นิ้ว แล้วทำให้เซลล์ตายแห้งโดยการแช่น้ำยาแล้วจึงนำไปย้อมสีพิเศษ เพื่อดูลักษณะหรือองค์ประกอบทางกายภาพของเซลล์ว่าผิดปกติ หรือปกติเน้นว่าการตรวจดูทำได้ขีดจำกัดเพียงบอกว่า พบเซลล์ผิดปกติหรือเซลล์ปกติเท่านั้น ไม่สามารถบอกว่าเป็นโรคมะเร็งได้เลย และความผิดปกติที่บอกได้นั้นแบ่งความรุนแรงออกมาว่าเป็น ความผิดปกติที่ส่อว่าอาจจะเป็นมะเร็งได้มากน้อยเพียงใด คร่าวๆ เพราะฉะนั้นผลการตรวจแป๊ปสเมียร์จะบอกให้รู้ได้เพียงว่า พบความผิดปกติ ดังนั้นเมื่อคุณสุภาพสตรีได้รับรายงานผลจึงไม่ต้องตกใจว่าจะเป็นมะเร็ง เพราะการตรวจลักษณะนี้ไม่สามารถบอกการวินิจฉัยมะเร็งได้

ทางการแพทย์จะแบ่งผลการตรวจออกเป็น 5 ระดับ จากระดับ 1 ถึงระดับ 5 ซึ่งจะมีความหมายถึงผิดปกติก็จากระดับ 3 ขึ้นไป ถ้าระดับ 3 ก็ผิดปกติน้อย และมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนระดับ 5 แต่ก็ยังไม่สามารถจะวินิจฉัยว่า เป็นมะเร็งได้บอกได้เพียงว่ามีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งมากขึ้นแต่ไม่ใช่ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการทำแป๊ปสเมียร์เป็นการตรวจเบื้องต้น ถ้าพบความผิดปกติ คือจากชั้น 3 ขึ้นไป แพทย์จะต้องทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อการพิเคราะห์โรคที่แน่นอนว่า เป็นความผิดปกติชนิดใด อาจจะโดยการตรวจพิเศษด้วยการส่องกล้องขยายตรวจ ตัดชิ้นเนื้อนำมาตรวจทางพยาธิวิทยาจึงจะสามารถให้การวินิจฉัยโรค และวางแผนการรักษาได้

จากสถิติทางการแพทย์ว่าอัตราความผิดปกติของการตรวจป้องกันมะเร็ง พบได้น้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ และในจำนวน 2 เปอร์เซ็นต์ที่ผิดปกตินั้น มีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นมะเร็งส่วนใหญ่เป็นเพียงเนื้อกลาย ดังนั้นการจะเป็นมะเร็งปากมดลูกไม่ใช่เรื่องง่ายบางท่านพูดว่า ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 3 ยังง่ายกว่า

ที่น่าวิตกในขบวนการแป๊ปสเมียร์คือ แป๊ปสเมียร์ระดับ 2 ซึ่งในระดับนี้มักตรวจพบในกรณีที่มีการอักเสบที่ปากมดลูก จะรายงานว่าเป็นระดับ 2 ส่วน ระดับหนึ่งนั้นไม่พบเซลล์อักเสบคือ เม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆ และไม่พบเซลล์ผิดปกติ สรุปว่าถ้าเป็นระดับหนึ่งคือไม่มีทั้งอักเสบ ไม่มีทั้งเซลล์ผิดปกติ และถ้าไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ก็จะนัดให้มาตรวจประจำปี ในระดับ 2 นั้น การมีการอักเสบไม่ได้หมายความว่าไม่มีความผิดปกติซ่อนอยู่ ควรจะรักษาการอักเสบให้หายแล้วจึงมาตรวจแป๊ปสเมียร์ซ้ำใหม่ เพราะในขณะที่มีการอักเสบนั้นเซลล์เม็ดเลือดขาวพวกเศษน้ำเหลืองเซลล์ ที่ถูกทำลายจะบดบังความผิดปกติที่อาจจะมีอยู่ ควรให้ยารักษาอาการอักเสบ หวังเวลาหนึ่งเมื่อครบขบวนการรักษาการอักเสบจึงควรมาตรวจซ้ำ โดยงดการร่วมเพศในระหว่างรอการตรวจซ้ำ

จากการศึกษาในสถาบันที่ปฏิบัติงานอยู่นี้พบว่า ในระดับ 2 นี้มีถึง 0.8 เปอร์เซ็นต์ ที่พบว่ามีความผิดปกติซ่อนอยู่ ซึ่งประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของการตรวจแป๊ปสเมียร์ จะเป็นขั้น 2 และปีหนึ่งๆ เฉพาะโรงพยาบาลนี้แห่งเดียวก็ตรวจแป๊ปสเมียร์ ประมาณใกล้หลักหมื่น ดังนั้น 0.8 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นตัวเลขที่น่าวิตก

จึงมีข้อแนะนำสำหรับผู้ที่มีการรายงานผลการตรวจว่าเป็นแป๊ปสเมียร์ขั้น 2 ควรติดต่อแพทย์เพื่อให้การดูแลได้เหมาะสมต่อ มิฉะนั้นท่านอาจจะถูกลอตเตอรี่ รางวัลที่ 3 ได้ไม่คาดคิด



[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 22 ฉบับที่ 334 ธันวาคม 2542 ]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600