มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



ถันเป็นพิษ พิษจากถัน

น.พ.วีระ สุรเศรณีวงศ์


พอถึงวันแม่ครั้งไร ก็มีความรู้สึกห่วงสุขภาพของมนุษย์เพศแม่ทุกทีไป แต่ก็อดชื่นชมพร้อมกันไปด้วยไม่ได้

ถ้าลองมาพิเคราะห์ดูจะเห็นว่า ปัจจุบันสตรีเพศได้รับสิทธิเท่าเทียมเพศชาย และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มาโดยเฉพาะในประเทศไทยของเราจะเห็นว่า สตรีเพศเริ่มเข้ามามีบทบาทในทางสังคมมากขึ้นๆ ระดับปลัดของหน่วยงานก็มีแล้ว ระดับผู้ว่าการทั้งทางปกครอง ทั้งของรัฐวิสาหกิจก็มี ระดับรัฐมนตรีก็เพิ่มเป็น 3 ท่าน ทั้ง น้าแอ๋ว น้าปิ๊ก น้าหนูนา ไม่เท่านั้น ขณะนี้ก็มี นางแบงก์ แต่ท่านว่าควรจะเรียกแบงเกอร์ เพราะฟังดูดีกว่า แล้วต่อไปนายกเมืองเราอาจจะเป็นสุภาพสตรีก็ไม่น่าจะแปลก อาจจะทำให้การเมืองดูดี เพราะคุณเธอมีประสบการณ์ในการบริหารครอบครัวมาก่อน บางท่านแม้จะมีหลายมุ้งในครอบครัวก็บริหารจนอยู่กันอย่างราบรื่น บางท่านหามุ้งมาให้เองด้วยซ้ำไป เพื่อตัดปัญหามุ้งที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ายากแก่การควบคุม

แต่ปัจจุบันที่เพศชายได้ครองอำนาจทางการเมืองมากว่า เพราะเพศชายกล้าได้กล้าเสียมากกว่า หรือชอบพูดกันว่า กล้าเสี่ยงกว่ามากกว่า เลยทำให้โอกาสมากกว่า ตัวอย่างคือพวกเล่นการเมืองที่เด่นๆ ดังๆ ผู้บริหารประเทศที่เด่นดังส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมชอบเสี่ยงจนมีนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง ถึงกับศึกษาและสรุปถึงสาเหตุเพราะท่านเหล่านั้นมียีนชอบการเสี่ยง ซึ่งมาดังเอาตอนลูกชายท่านประธานาธิบดีเคเนดี้เสี่ยงขับเครื่องบินทั้งๆ ที่มีชั่วโมงบินเพียงหลักสิบเท่านั้น ก็เลยต้องจบชีวิตจากเครื่องบินตก

พอกล่าวถึงยีนหรือหน่วยพันธุกรรมก็ทำให้พูดโยงไปถึงมัจจุราชที่น่ากลัวของคุณสุภาพสตรี ซึ่งเจ้ามัจจุราชตัวนี้ในอนาคตมีแนวโน้มว่าจะดุร้ายและทำลายคุณผู้หญิงไทยเรามากขึ้น ในอดีต เมื่อ 3 หรือ 4 ทศวรรษที่ผ่านมา โรคร้ายนี้ไม่ได้เป็นปัญหาทางสาธารณสุขไทยเลย ซึ่งในยุคนั้นน้ำเพิ่งจะไหล ไฟเพิ่งจะสร้าง สังคมไทยยังเป็นสังคมเกษตรกรรม ชาวบ้านอยู่อย่างหากิน คือหาเมื่อมีกินและพอเก็บไว้บ้าง ชีวิตอยู฿อย่างสมถะเรียบง่าย ไม่ต้องดิ้นรนมา พวกหมอทำการสู้รบกับโรคทางสาธารณสุขซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งหมอรบกับศัตรูที่มีตัวตน เห็นตัวเห็นตน แต่ปัจจุบันหมอต้องทำสงคราม กับโรคที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ไม่รู้สมมติฐานที่แน่ชัด ซึ่งเรียกว่าโรคมะเร็ง โรคของการผิดปกติจาการเผาผลาญสารอาหารคือ โรคความดัน โรคหัวใจ ฯ

เมื่อดูจากสถิติแล้วโรคมะเร็งเต้านมมีอัตราการเกิดในประชากรสูงขึ้นๆ จนน่าวิตกแทนคุณสุภาพสตรี ถ้ายกเว้นปากมดลูกเสียแล้ว อวัยวะที่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งมากที่สุดในสตรีคือ เต้านม ในประเทศทางตะวัตกเต้านมวิ่งแรงแซงขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งมานานหลายทศวรรษ เต้านมแม้จะเป็นอวัยวะที่อยู่ภายนอก ง่ายต่อการตรวจคลำ แต่ก็ยังไม่มีวิธีที่จะสามารถป้องกันการเป็นมะเร็งได้ดีเหมือนกับปากมดลูก ซึ่งทางทฤษฎีเรียกได้ว่าเป็นโรคมะเร็งที่ป้องกันได้

ทั้งนี้เพราะเต้านมเป็นอวัยวะที่สร้างซับซ้อนในโครงสร้างมากกว่าและไม่เท่านั้น ยังมีคุณลักษณะพิเศษ คือมีเนื้อเยื่อหลายชนิดประกอบกัน และมีการตอบสนอง ต่อการกระตุ้นของฮอร์โมนเพศ ทำให้เซลล์หรือเนื้อเยื่อดังกล่าวนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้โอกาสที่จะเกิดการคลาดเคลื่อนได้สูง ในหน่วยพันธุกรรมจนอาจจะก่อให้เกิดความผิดปกติจนเกิดเป็นเนื้องอกขึ้น จึงทำให้คุณสุภาพสตรีจะมีอุบัติการณ์ของก้อนเนื้อผิดปกติในเต้านมสูงมาก แม้จะไม่ใช่มะเร็งแต่ก็อาจจะกลายได้

จะเห็นได้ว่าแทบทุกโรงพยาบาลในห้องศัลยกรรมย่อยจะมีกิจกรรมการผ่า และเอาก้อนเต้านมในคุณสุภาพสตรีมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในอายุวัยสาวน้อย ซึ่งแม้จะเป็นเนื้อไม่ร้ายแต่ก็ไม่อาจจะวางใจได้ต้องเฝ้าติดตามต่อไปและส่วนใหญ่มักจะมีหลายก้อน ทำให้การตรวจติดตามไม่มากนัก ก้อนเนื้องอกเหล่านี้เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อประสาทของเต้านม เต้านมคุณผู้หญิงนั้นมีเนื้อเยื่อ 4 ชนิดใหญ่ๆ อยู่ทำงานร่วมกัน หนึ่งคือ เนื้อเยื่อต่อมน้ำนมซึ่งจะมีหน้าที่สร้างน้ำนม และมีท่อต่อออกมาจากตัวต่อมเนื้อเยื่อ ของท่อน้ำนมนั่นเอง ก็เป็นเนื้อเยื่อที่เป็นมะเร็งได้มาก เนื้อเยื่อไขมันหรือเซลล์ไขมันนั่นเอง และเซลล์หรือเนื้อเยื่อตัวนี้ที่ทำให้เต้านมจะใหญ่หรือเล็ก และยึดโยงเป็นรูปร่าง ด้วยเนื้อเยื่อสอดประสานหรือเนื้อเยื่อยึดโยงและภายนอกสุดคือเนื้อเยื่อผิวปกคลุม ซึ่งที่สำคัญคือที่หัวนม ทุกส่วนสามารถกลายเป็นมะเร็งไปได้แต่มากน้อยต่างกัน ที่กลายเป็นเนื้องอกแต่ไม่ร้ายได้มากขึ้น เนื้อเยื่อยึดโยงที่กลายเป็นมะเร็งได้บ่อย คือเนื้อเยื่อของท่อน้ำนมและต่อมน้ำนม

การเกิดมะเร็งของเต้านม แม้จะไม่ทราบสมมติฐานที่แท้จริงต้องบอกว่าเป็นส่วนใหญ่ เพราะปัจจุบันก็สามารถจะรู้ต้นเหตุบางปัจจัยหรือสมมติฐานบ้าง คือหน่วยพันธุกรรมหรือยีน หรือพิมพ์เขียวชีวิต ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ ถึงตำแหน่งของพันธุกรรมนั้นและตั้งชื่อว่า BR CA1 และ 2 เพราะมี 2 ตำแหน่ง แต่มะเร็งเต้านมนั้นมีเพียง 5% ที่เป็นจากพันธุกรรม ถ้ามียีนผิดปกตินี้แล้ว จะพบก็เมื่ออายุยืนยาวซึ่งจะมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม 80-90% ทีเดียว และถ้าสืบค้นไปจะมีหลักฐานถึงการเป็นมะเร็งในสาแหรกครอบครัว (Family Tree) เพราะว่ายีนตัวนี้ถ่ายทอดผ่ายสู่ลูกหลานได้ พบว่ามีญาติสายตรงใกล้ชิด เช่น พี่หรือน้องหรือมารดาเป็นแล้วในรุ่นต่อไปจะมียีนตัวดังกล่าวถ่ายทอดไปมากกว่าครึ่ง (มากกว่า 50%)

และพบว่ายีนตัวนี้นอกจากจะไปยุ่งกับเต้านมแล้ว ยังทำให้เกิดเนื้องอกร้ายของอวัยวะสืบพันธุ์อื่นๆ ได้อีก โดยเฉพาะรังไข่ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวนี้ถือได้ว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง ในกลุ่มนี้จะต้องได้รับการดูแลพิเศษ คือต้องมีการตรวจค้นหามะเร็งเต้านมอย่างเข้มงวด ปัจจุบันการตรวจค้นที่ใช้กันคือ การใช้รังสีวินิจฉัยหรือที่รู้จักกันว่า "แมมโมแกรม" ซึ่งในกลุ่มนี้การทำแมมโมแกรม ก่อนอายุ 50 ปี ถือได้ว่าเป็นข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ซึ่งในคนทั่วๆ ไปจะทำเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป และนอกจากแมมโมแกรมแล้วก็มีการตรวจทางพันธุกรรมดังกล่าวข้างต้น แต่ยังไม่แพร่หลาย เพราะยุ่งยากและมีราคาแพงมาก แต่ในอนาคตมีแนวโน้ม ที่จะนำมาใช้เป็นการตรวจพื้นฐานได้

เนื่องจากมะเร็งเต้านมมีอุบัติการณ์สูงมากขึ้น จึงจำเป็นที่สตรีทุกท่าน ควรจะต้องดูแลตัวเองด้วย เพื่อช่วยในขบวนการป้องกันมะเร็งเต้านม ซึ่งไม่ยุ่งยากได้แก่การตรวจสำรวจเต้านมด้วยตนเอง (SELF BRESAT EXAM) ซึ่งด้วยขบวนการดั่งกล่าวนี้พบว่าในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้สามารถลดอุบัติการณ์ตายจากมะเร็งเต้านมได้มากมาย ซึ่งหลักการคือการตรวจดูรูปร่างของเต้านมดูความสมดุลของเต้านมทั้งสอง ดูว่ามีสารคัดหลั่งออกผิดปกติจากหัวนมหรือไม่ โดยการบีบรัดดู ผิวของหัวนมเป็นสิ่งที่ต้องพินิจพิเคราะห์ ถ้ามีการดึงรั้งมีรอยบุ๋มถือได้ว่าผิดปกติ ระดับของหัวนมในท่านั่ง ท่าอื่น แล้วจึงเข้าสู่การตรวจสำรวจคลำดูเนื้อเยื่อของเต้านม ในลักษณะต่างๆ หลักการก็คือ การใช้ฝ่ามือคลึงคลำไม่ใช่บีบและทำอย่างเป็นระบบ คือทำเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกันหรือทำเป็นส่วนๆ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วถึง เพราะการปฏิบัติควรจะปฏิบัติหลังหมดระดูเพราะเป็นช่วงที่ปลอดอิทธิพลของฮอร์โมนเต้านม จะไม่คัดจึงง่ายต่อการตรวจแม้จะตรวจด้วยตนเองแล้ว ก็ควรจะไปให้แพทย์ ได้ตรวจอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรือตามกลุ่มเสี่ยง

ใครคือกลุ่มเสี่ยง

ประวัติครอบครัวที่มีโรคร้ายนี้ในสายพันธุ์ระดับพี่น้องหรือ 1 สายพันธุ์คือแม่หรือน้าอา
ปัจจัยที่ไม่เกี่ยวพันกับสายพันธุกรรม ซึ่งนับเป็นกลุ่มใหญ่ที่สำคัญคือสตรีที่ไม่แต่งงาน มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมได้มากกว่าผู้ที่แต่งงานและมีบุตร เพราะการตั้งครรภ์จะเป็นช่วงที่การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนไม่หวือหวามาก และการให้บุตรทานนมพบว่าจะลดอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งเต้านม อาจจะเนื่องจากมีการถ่ายเทของต่อมน้ำนม

สตรีที่มีน้ำหนักตัวมากจึงมีไขมันมากในร่างกาย ซึ่งไขมันเหล่านี้ โดยเฉพาะที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังจะทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงไขมัน ผ่านขั้นตอนต่างๆ มากมายกลายเป็นฮอร์โมนเพศหญิงยิ่งไขมันมากก็จะสร้างได้มาก และจะทำให้ฮอร์โมนดังกล่าวไปกระตุ้นอวัยวะเพศที่ไวต่อฮอร์โมน เช่น เยื่อบุโพรงมดลูก รังไข่ แต่เต้านมโดยเฉพาะต่อมและท่อน้ำนม จะพบเห็นได้ว่าในสตรีที่อ้วนหรือมีปริมาณไขมันสะสมซึ่งทางการแพทย์มีเกณฑ์วัด เรียกว่า BMI (BODY MASS INDEX) จะมีความผิดปกติของระดูมักจะเป็นไป ในลักษณะที่จะเกิดเนื้อมดลูกหนาตัว ทำให้ระดูยืดยาวออกหรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอย นานๆ เข้าสภาวะฮอร์โมนเพศหญิงสูงไม่ได้แก้ไขก็จะกระตุ้นนานเข้าๆ จนเยื่อบุโพรงมดลูกกลายเป็นมะเร็งไปได้ เต้านมก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน กระตุ้นนานเข้าๆ ก็จะกลายเป็นเนื้อร้ายโดยเฉพาะเซลล์ 2 ท่อน้ำนม ระยะเวลาที่ใช้ในการกลายยังไม่เป็นที่แน่ชัด

ทางการแพทย์จัดกลุ่มเสี่ยงออกเป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มเสี่ยงมาก กลุ่มเสี่ยงปานกลาง และกลุ่มที่ไม่เสี่ยง (กลับเป็นปัจจัยป้องกัน)

กลุ่มเสี่ยงมาก กลุ่มนี้มีโอกาสเป็นมากกว่าประชากรทั่วไป 3 เท่า
  • อายุมากกว่า 40 ปี และมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน
  • มีประวัติของมะเร็งเต้านมในสายเลือด 1 ชั้น (first degree relation)
  • เคยเป็นเนื้องอกถุงน้ำของเต้านมมาก่อน
  • สตรีไม่ได้แต่งงาน หรือแต่งงานเป็นหมัน หรือและท้องครั้งแรกอายุมากกว่า 31 ปี หรือน้อยกว่า 18 ปี

กลุ่มเสี่ยงปานกลาง กลุ่มนี้จะมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม มากกว่าปกติทั่วไป 1.2-1.5 เท่า
  • สตรีที่มีระดูอายุน้อยหรือและหมดระดูอายุมาก คือมีช่วงการมีระดูยาวนานกว่าปกติ (สตรีไทยเฉลี่ยจะหมดระดู อายุ 48-52 ปี)
  • สตรีที่มีการบริโภคฮอร์โมนเพศหญิง (ไม่รวมยาคุมกำเนิด) มาก่อน
  • มีประวัติมะเร็งรังไข่ มะเร็งของมดลุก และมะเร็งลำไส้ในครอบครัว
  • มีความผิดปกติในระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกาย เช่น เบาหวาน โรคอ้วน

กลุ่มที่มีปัจจัยป้องกันมะเร็งเต้านม
  • ชนชาวเอเชีย (จะมีอุบัติการณ์เป็นต่ำกว่าชาวยุโรป)
  • ตั้งครรภ์หลังอายุ 18 ปีและให้นมบุตร
  • หมดระดูเร็ว หรือรังไข่ถูกผ่าตัดออกก่อนอายุ 37 ปี

ควรจะได้ทบทวนดูกับตัวเองว่าอยู่ในกลุ่มใดเพื่อจะได้ดูแลตัวเองให้ถูกต้อง ถ้ากลุ่มเสี่ยงมาก ก็ต้องดูแลพบแพทย์ ปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอ มีคำถามจากคุณสุภาพสตรีจำนวนมาก ถึงความสัมพันธ์ของการคุมกำเนิดกับการเกิดเป็นมะเร็ง จริงอยู่ในยาคุมกำเนิดนั้นมีฮอร์โมนเพศหญิงอยู่ แต่ก็มีปริมาณน้อย และในยาคุมจะมีฮอร์โมนเพศอีกชนิดหนึ่งคอยสมดุลอยู่ในเม็ดยาเดียวกัน จึงพบว่ายาคุมกำเนิดที่ใช้อยู่หรือมีจำหน่ายในท้องตลาดปัจจุบันไม่พบว่า จะเพิ่มโอกาสการเกิดเป็นมะเร็งเต้านม แต่กลับพบว่าในกลุ่มที่ใช้ยาคุมกำเนิด แม้จะเป็นมะเร็งเต้านม ก็พบว่าในกลุ่มนี้การทำนายโรคดีกว่ากลุ่มที่ไม่ใช้ยาคุม เพราะพบว่ากลุ่มสตรีที่ใช้ยาคุมเป็นกลุ่มที่สนใจตัวเอง จะมาพบแพทย์มากกว่ากลุ่มที่ไม่ใช้จึงทำให้ถ้าเป็นโรคร้ายนีก็จะพบแต่เนิ่นๆ ซึ่งการรักษาจะได้ผลดี โอกาสหายขาดสูงมาก

ข่าวฮือฮาในช่วงต้นปีนี้ ถึงการใช้ยาชนิดหนึ่ง ซึ่งทำให้ป้องกันการเป็นมะเร็งเต้านมได้นั้น ข้อเท็จจริงคือเป็นผลจากการศึกษาวิจัย เมื่อให้ยาดังกล่าวที่ชื่อขึ้นต้นด้วยตัวที แล้วพบว่า กลุ่มสตรีที่ใช้ยาดังกล่าว อุบัติการณ์เป็นมะเร็งเต้านมลดลงจากกลุ่มที่ไม่ได้ใช้ ซึ่งกลุ่มที่จะใช้ยาดังกล่าวนั้นมีข้อบ่งชี้ทางการศึกษามากมาย และยังต้องติดตามผลต่อไป ข่าวดังกล่าวอาจจะก่อผลร้ายต่อประชาชนชาวไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ซื้อยาได้เสรี เพราะคุณสุภาพสตรีอาจจะไปซื้อยามาบริโภคเอง จนเกิดผลร้ายข้างเคียงได้ เพราะยาดังกล่าวก็เป็นฮอร์โมนเช่นกัน และเมื่อบริโภคเป็นระยะเวลานาน (กว่า 2 ปี) โอกาสที่จะเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก จะสูงขึ้นกว่าปกติมาก การจะใช้ยาดังกล่าวจึงควรให้แพทย์เป็นผู้สั่งซึ่งโดยปกติแพทย์ ก็ใช้ยาตัวดังกล่าวร่วมในการรักษามะเร็งเต้านมอยู่แล้ว

และข้อมูลจากการศึกษาใหม่ก็พบว่า การใช้เสริมเต้านม ด้วยสารที่แพทย์ใช้ใส่ให้คุณสุภาพสตรี ไม่พบว่าทำให้อุบัติการณ์เกิดโรคร้ายนี้เกิดขึ้น ก็นับว่าเป็นข่าวดีของคุณสุภาพสตรีที่ไปทำอึ๋มส์มา



[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 22 ฉบับที่ 330 สิงหาคม 2542 ]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600