มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



 เทคนิค การลงโทษเจ้าตัวเล็กเพื่อให้เติบโตเป็นคนดี


ภาษิตไทย
บอกแต่เพียงว่า
"ไม้อ่อนดัดง่าย
ไม้แก่ดัดยาก"
แต่ไม่ได้บอกว่า
"ไม้อ่อนที่ว่านั้น จะมี
วิธีการและต้องใช้
ศิลปะในการดัด
อย่างไร เพื่อให้ต้นไม้นั้น
เติบใหญ่อย่างมั่นคง
และสวยงาม" และนี่คือปัญหา
ที่พ่อแม่จำนวนไม่น้อย
ต้องมานั่งกุมขมับ
ไม่รู้ว่าจะ "ดัดนิสัย"
ลูกอย่างไร เมื่อลูก
ตนเองแสดงนิสัยที่
ไม่ดีออกมา
ไม่ว่าจะเป็น ชอบหยิบของคนอื่น เก็บของไม่เป็นที่ ดื้อไม่เชื่อฟัง เอาแต่ใจอยากได้อะไรก็ต้องได้ ฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อแม่เสมอ พูดปดเก่ง ฯลฯ หรือนิสัยที่น่าหนักใจอีกนานัปาการ ทั้งๆ ที่พ่อแม่ก็สอนแล้วว่าอะไรควร อะไรไม่ควร แต่ลูกก็ไม่เปลี่ยนเสียที จนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ทางแก้ปัญหานี้ไม่ยากเลย หากพ่อแม่รู้ "เทคนิคการลงโทษ" หรือ การดัดนิสัยลูกตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ และลงมือฝึกฝนอย่างจริงจังในภาคปฏิบัติ

ในฐานะพ่อที่เคยผ่าน ช่วงเวลาแห่งการลงแรง "ดัดนิสัย" ลูกชาย 2 คนตั้งแต่เมื่อครั้งเขา ยังอยู่ในวัยเยาว์ผลปรากฏว่า เทคนิคที่ผมและภรรยานำมาใช้นั้น ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จนอาจกล่าวได้ว่าลูกชายทั้งสองของผม เป็นเด็กดีพอสมควร มีลักษณะนิสัยที่ยอมรับได้ มีระเบียบวินัย รู้จักตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าทำตามใจตนเอง ผมจึงอยากแบ่งปันเทคนิคการดัดนิสัย หรือการลงโทษลูก ด้วยหวังว่าจะช่วยให้พ่อแม่ ที่มีลูกวัยซนคลายปัญหาหนักอกนี้ลงได้บ้าง

สอนสิ่งที่ถูกก่อนที่ลูกจะทำผิด พ่อแม่จำนวนไม่น้อยไม่ได้สอนลูกว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่จะสอนก็ต่อเมื่อเห็นลูกกระทำสิ่งผิดแล้ว ในความเป็นจริงเราควรจะสอนลูกก่อนแต่เนิ่นๆ ก่อนที่เขาจะทำผิด โดยสอนจากการคาดเดาอาการล่วงหน้าไว้ก่อน เราควรจะสอนให้เขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นสิ่งต่างๆ จะเป็นอย่างไร เพื่อให้เด็กเรียนรู้และตัดสินใจได้ถูกต้องเมื่อเขาพบกับสถานการณ์นั้นๆ เช่น เราควรสอนลูกว่าเมื่อเล่นของเล่นเสร็จ ควรนำมาเก็บไว้ในที่ที่จัดเตรียมไว้ให้ ไม่จำเป็นต้องให้ลูกทิ้งเรี่ยราดแล้วค่อยมาสอนหรือมาวางระเบียบ โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้เตือนเขาแต่เนิ่นๆ เมื่อเขาเริ่มทำบางอย่างจนชินแล้ว จะทำให้แก้ไขได้ยากกว่าการบอกให้เขาทำถูกต้องแต่แรก เราควรใช้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันให้เป็นประโยชน์ในการสอน การชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่ลูกเพื่อป้องกันมิให้ลูกกระทำผิด และหากลูกกระทำผิด เราก็จะได้ลงโทษเขาอย่างถูกต้อง

พ่อแม่หลายคนลงโทษลูกโดยไม่เคยบอกเลยว่าสิ่งนั้นผิด ไม่เคยสอนแนวทางที่ถูกต้องแก่ลูก เมื่อลูกทำผิดก็ลงโทษทันที การกระทำเช่นนี้เป็นอันตรายต่อเด็ก เพราะจะทำให้เด็กรู้สึกงงว่า ทำไมจึงไปลงโทษเขา เพราะเด็กยังไม่เคยรับทราบแนวทางที่ชัดเจน เมื่อเขาผิด ดังนั้นก่อนลงโทษลูกพ่อแม่ต้องสอนลูกในทุกๆ เรื่องอย่างละเอียดสอนเขาเป็นเรื่องๆ จนกว่าจะเข้าใจ เพื่อให้มั่นใจว่าเขารู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด

ลงโทษด้วย "ความรัก" เมื่อลูกไม่เชื่อฟัง พ่อแม่ควรลงโทษเด็กเพื่อให้เขาเรียนรู้สิ่งที่ถูก สิ่งที่ผิด และควรลงโทษ เฉพาะเวลาที่เขาไม่เชื่อฟังคำสอน กฎระเบียบ คำสั่งที่เราได้บอกกล่าวเขาไปแล้วเท่านั้น เพื่อให้เด็กเห็นความสำคัญของการกระทำที่ถูกต้อง ที่สำคัญพ่อแม่ต้องมีแรงจูงใจตีลูก ด้วยความรักเมื่อเขาทำผิดและมีความห่วงใยชีวิตลูกของเราจริงๆ ต้องไม่ลงโทษลูกด้วยความโกรธหรือความหงุดหงิดหรือตีเพราะรู้สึกว่า ลูกขัดใจ แต่ตีเพราะความรักที่เรามีต่อลูกของเรา

ก่อนที่เราจะตีลูกเราต้องนั่งนิ่งๆ สักครู่เพื่อเช็คอารมณ์ความรู้สึกท่าทีของเรา อย่าปล่อยอารมณ์ความรู้สึกของเราออกมาเราต้องตีเขาด้วยความรักไม่ใช่อารมณ์ ดังนั้นเราจึงต้องระมัดระวังอารมณ์ของเราเป็นพิเศษ การตีลูกด้วยความรัก จะทำให้ลูกสัมผัสถึงความรักความห่วงใยและความหวังดีต่อชีวิตเขา เมื่อเขาเติบโตขึ้นเขาจะเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังเราอย่างง่ายๆ ทำให้เราลงโทษเขาน้อยลง จนในที่สุดบ้านของเราจะไม่จำเป็นต้องมีการลงโทษลูกอีกเลย เพราะเขาจะกลายเป็นคนที่มีเหตุผล มีหลักการ รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักเข้ามาสื่อสารมาขอคำปรึกษาหารือ และเมื่อเติบโตขึ้นเขาก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ

พ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่ลงโทษลูกอย่างไม่ถูกต้อง บางคนลงโทษลูกด้วยความโกรธ หรือแสดงออกซึ่งอำนาจเหนือชีวิตลูก ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกต้องเสียไป ทำให้เด็กเกิดความรู้สึกขมขื่นใจ และอาจจะเสียคนได้ในที่สุด

อย่าตีลูกด้วยมือให้ใช้ไม้เรียวตี พ่อแม่ควรให้ มือ เป็นสื่อของความรักและให้ ไม้เรียว เป็นสื่อของความรัก เมื่อเด็กกระทำผิดจึงควรใช้ไม้ตี เพื่อเด็กจะสามารถแยกออกระหว่างมือแห่งความรัก และไม้เรียวแห่งการลงโทษได้อย่างถูกต้อง มิเช่นนั้นเด็กจะรู้สึกสับสน และไม่มั่นใจว่ามือที่เคยตีเขากำลังจะโอบกอดเขาหรือกำลังจะตีเขา ทางที่ดีเราควรหาไม้เรียวอันหนึ่งเก็บไว้ที่บ้าน ในที่ๆ เราจะสามารถหยิบได้ตลอดเวลา และอีกอันหนึ่งไว้สำหรับพกไปทุกหนทุกแห่ง เราควรบอกตัวเองและคู่สมรสว่า ต้องใช้ไม้ตีห้ามใช้มือตีลูกเด็ดขาด

ตีที่ก้น เวลาตีให้เอาลูกโค้งลงที่ตักและตีที่ก้น เพราะว่าที่ก้นไม่มีรอยให้ใครเห็น และสามารถตีเจ็บๆ ได้เพราะมีเนื้อมาก เราควรตีที่ก้นจะดีที่สุดไม่ควรตีที่อื่น เพราะจะทำให้เกิดรอยและเด็กจะอับอายผู้อื่น

ตีหนักๆ แรงๆ หนึ่งที การตีควรตีเพียงครั้งเดียว เนื่องจากวัตถุประสงค์การตีก็เพื่อให้เด็กเจ็บและยอมรับว่าตนเองผิดต้องปรับปรุงตัวใหม่ เด็กไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ การตีเพียงครั้งเดียวจึงเป็นการเพียงพอ และการลงน้ำหนักในการตีลูกควรให้แรงพอที่เด็กจะมีความรู้สึกเจ็บ เพื่อที่เขาจะเรียนรู้ว่าตนเองทำผิดและถูกลงโทษ ถ้าหากเราตีเขาเบาเกินไป ไม่เจ็บ เด็กจะไม่รู้สึกว่าเขาถูกลงโทษ และจะทำให้เขาคิดว่า ตนเองไม่ได้ทำผิด

กอดลูกหลังจากทำโทษเขาแล้ว เมื่อเราตีลูกของเราเสร็จ เราต้องแสดงความรักตามมาทันที เพราะเด็กจะเกิดความไม่แน่ใจ และจะอ่านความหมายอย่างไม่ถูกต้องได้ หากเด็กถูกตีแล้วไม่ได้ตามด้วยความรัก เด็กจะเกิดความสงสัยว่าเราตีเพราะเกลียดไม่ชอบ ซึ่งเป็นธรรมชาติของเด็กอยู่แล้ว ที่จะคิดว่าที่พ่อแม่ตีนั้นเพราะเขาไม่รัก

ดังนั้นเมื่อเราตีลูกเสร็จแล้ว เราต้องนำเขามาโอบกอด แล้วบอกว่า เรารักเขาเพื่อทำให้เขามั่นใจในความรักที่เรามีต่อเขา และอธิบายว่า ที่เราตีเขานั้นเพราะอะไร เพื่อทำให้เขาไม่ตีความผิดไปว่าเราตีเขา เพราะความเกลียด และถามกลับเพื่อให้เขาตอบด้วยว่าเขาทำผิดอะไรจึงถูกตี และต่อไปจะต้องปฏิบัติตัวเช่นไร และให้เขาบอกว่าเขายังรักเราอยู่ไหม การกอดลูกจะทำให้เด็กไม่รู้สึกว่าการที่พ่อแม่ตีหมายความว่าเกลียดชังที่เขาทำผิด แต่เด็กจะรู้ว่า ที่เขาถูกตีนั้นก็เพราะพ่อแม่รักเขา และอยากให้เขาเป็นคนดี

เมื่อลูกทำผิด ต้องให้เขาตอบว่า "ทำผิดอะไร ?" พ่อแม่ที่มีสติปัญญาไม่ควรใช้คำถามว่า "ทำหรือเปล่า" เพราะเรารู้ว่าทำแน่ๆ อยู่แล้ว การถามเช่นนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้ที่จะโกหก โดยตอบว่า "เปล่า" และไม่ควรถามว่า "ทำไมจึงทำเช่นนั้น ?" เพราะเด็กจะหาเหตุผลข้อแก้ตัวต่างๆ นานา เพื่อทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น ทำให้รู้สึกว่าตนเองไม่ได้ทำผิด ทางที่ดีพ่อแม่ควรจะถามว่า "ทำอะไรผิดให้บอกมา ?" และควรใช้น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก ไม่ใช่การจับผิดเพื่อหนุนใจให้เด็กยอมรับความจริง

สอนให้ลูกตอบสนองถูกต้องเมื่อถูกลงโทษ ไม่มีเด็กคนใด ชอบการถูกลงโทษเพราะมันเจ็บปวดและไม่สบายใจแต่อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ต้องสอนเขาทุกครั้งเสมอว่าการที่เขาถูกลงโทษนั้น จะเป็นผลดีต่อเขาในอนาคต และการที่พ่อแม่ลงโทษนั้น ก็ทำด้วยความรักไม่ใช่ความเกลียดชัง เพื่อลูกจะไม่รู้สึกขมทขื่นใจหรือเกลียดชังพ่อแม่ที่ลงโทษเขา แต่จะมีท่าทีสำนึกผิดและพยายามที่จะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป

ให้เด็กรับผิดชอบต่อความผิดที่ตนทำ ถ้าเด็กทำอะไรเสียหาย ต้องให้เด็กจ่ายคืน เช่น เด็กทำน้ำหกก็ให้เด็กเอาผ้ามาเช็ด ไม่ควรให้คนอื่นมาทำแทน ฝึกให้เด็กรับผิดชอบสิ่งที่ตนเองทำเพื่อเขาจะเรียนรู้หลักการว่าเขาต้องรับผิดชอบการกระทำของเขา อีกทั้งยังช่วยให้ครั้งต่อไปเขาจะระมัดระวังมากขึ้น

สอนย้ำทุกครั้งในเรื่องที่เขากระทำผิด พ่อแม่จะต้องสั่งสอนในเรื่องเดิมๆ ทุกครั้งที่เขากระทำผิดเพื่อที่เขจะได้รับรู้ตรงกันกับพ่อแม่และเกิดความเข้าใจจริงๆ เพื่อที่จะไม่ทำผิดเรื่องเดิมซ้ำอีก

เสมอต้นเสมอปลายในการลงโทษลูก พ่อแม่ควรคงเส้นคงวา ในการลงโทษลูกตั้งแต่เขาอายุยังน้อย เมื่อไรก็ตามที่ลูกทำผิดจากข้อตกลงที่กำหนดไว้ เราก็ต้องลงโทษเขาทันที เพื่อให้เด็กเห็นว่า กฎระเบียบที่เราขีดเส้นให้เขานั้น เป็นสิ่งสำคัญและเขาจำเป็นต้องปฏิบัติตาม การคงเส้นคงวาของพ่อแม่จะช่วยลูกได้ เมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาจะเป็นเด็กที่มีระเบียบวินัย รู้หลักการที่ชัดเจนว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด

เราไม่ควรทำร้ายลูกด้วยความไม่คงเส้นคงวาในการลงโทษลูก เช่น หากรู้สึกอารมณ์ดีก็ไม่ดี แต่หากอารมณ์ไม่ดีก็ดี เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้เด็ก มีความประหวั่นพนั่นพรึงอยู่ในใจว่าพ่อแม่จะเอาอย่างไร ไม่แน่ใจว่า สิ่งที่เขาทำถูกต้องหรือเป็นที่พอใจของพ่อแม่หรือไม่ เด็กจะเติบโตมาอย่างไม่มีหลักการ และขาดความมั่นใจในตัวเอง เราต้องไม่ลงโทษ เมื่อเราอึดอัดหรือโกรธ แต่ลงโทษเพราะเห็นแก่เขาเห็นแก่ชีวิตอนาคตเมื่อเขาเติบโตขึ้น

พ่อแม่ต้องเป็นพันธมิตรกัน พ่อแม่ควรเห็นด้วยกันเสมอในการลงโทษลูก ไม่ควรขัดแย้งกัน พ่อแม่ไม่ควรแสดงอาการขัดแย้งกันต่อหน้าลูก ไม่ว่าจะเป็นสายตา กิริยา ท่าทาง น้ำเสียงจะต้องไปในทิศทางเดียวกันในการลงโทษลูก เราต้องไปตกลงกันก่อนว่าเราจะลงโทษลูกอย่างไรเพื่อเราจะลงโทษได้อย่างคงเส้นคงวา มิฉะนั้นเด็กจะสับสน ไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก หรือเมื่อเด็กเห็นพ่อแม่ขัดแย้งกัน เด็กจะจับพ่อแม่มาชนกันเพื่อตัวเขาเองจะไม่ถูกลงโทษ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควร

ต้องไม่ยืดหยุ่น "ไม่" คือ "ไม่" นิสัยของเด็กมักจะชอบตื้อ จนกว่าจะได้สิ่งที่ตนเองต้องการเพราะรู้ว่าผู้ใหญ่มักจะใจอ่อน จากที่เคยบอกว่าไม่ ก็อาจจะกลายเป็น "ไม่แน่" เช่น ถ้าลูกเห็นของเล่นแล้วบอกว่าอยากได้ เราบอกว่าไม่ เด็กก็รู้ว่าไม่ เด็กจะดื้อต่ออีก หากเราใจอ่อนบอกว่าได้ คราวหน้าเด็กจะทำวิธีเดียวกันอีก ซึ่งเป็นการฝึกให้ลูกมีนิสัย ที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นพ่อแม่จึงควรยืนหยัดอย่าใจอ่อน เมื่อเขาแสดงอาการดังกล่าว เราควรเตือนเขาเพียงครั้งเดียว หากไม่เชื่อฟังก็ควรอุ้มเข้าห้องน้ำและตีเลยทันที เพื่อให้เขาเรียนรู้ที่จะไม่ทำเช่นนั้นอีกในครั้งต่อไป และจะช่วยให้เรา ไม่ต้องมาเสียเวลาในการเตือนหลายครั้ง

อย่าให้วิธีทำให้เสียหน้า พ่อแม่ต้องตระหนักว่าเด็กก็รู้สึกเสียหน้า เป็นเด็กไม่ชอบถูกตีต่อหน้าที่ชุมชนเขาจะรู้สึกต่อต้านและโกรธเราเป็นอย่างมาก หากเราทำเช่นนั้น ดังนั้นพ่อแม่ที่ดีควรให้เกียรติลูก เมื่อลูกกระทำความผิดต่อหน้าชุมชน ผมแนะนำว่า เราควรอุ้มเข้าห้องน้ำและตีทันที การอุ้มเขาไปทันทีจะทำให้เขารู้ตัวว่า กระทำผิดและรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา หากเราใช้วิธีนี้อย่างคงเส้นคงวา เด็กจะไม่เกเรต่อหน้าชุมชนอีก หรือในบางครั้งเด็กจะเข้าใจว่า อยู่บ้านพ่อแม่ตี แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าชุมชน พ่อแม่จะเกรงใจคนอื่น ไม่กล้าตีเขา ดังนั้นเราควรจะใช้วิธีเดียวกันเมื่อเขาเกเรไม่เชื่อฟัง เราต้องอุ้มเขาไปห้องน้ำและตีทันที และรอเขาร้องไห้เสร็จค่อยอุ้มเขาออกมาใหม่

หนุนใจให้รางวัลเมื่อถูกทำสิ่งดี เราจำเป็นต้องมีความสมดุล ในการลงโทษเมื่อลูกทำผิดและการชมเชยหนุนใจเมื่อลูกทำสิ่งดี เพราะหากลงโทษอย่างเดียวโดยปราศจากการหนุนใจ จะทำให้เด็กกลายเป็นเด็กที่หวาดกลัว คิดว่าตนเองไม่สามารถทำสิ่งใดได้เกรงว่าจะถูกตำหนิหรือถูกลงโทษ ไม่สามารถทำสิ่งใดๆ ได้ด้วยใจที่มั่นคงเราจำเป็นต้องชมเชยหนุนใจเมื่อเด็กทำถูกต้อง การหนุนใจของเราจะทำให้เด็กตอบสนองมากกว่าถูกลงโทษ

ไม้อ่อนดัดง่ายแต่ต้องดัดอย่างมีศิลปะ ต้องใช้ความอดทนและต้องใช้เวลานาน ต้นไม้จึงจะค่อยๆ เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่งดงามสมดังใจหมาย พ่อแม่ที่รักลูกจึงควรเรียนรู้เทคนิคการลงโทษด้วยความรัก เพื่อสร้างชีวิตลูกให้เติบโตขึ้นเป็นคนดีสมดังปรารถนา

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์



[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 22 ฉบับที่ 331 กันยายน 2542 ]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600