มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



สอนลูกเห็นคุณค่าคน ดีกว่ายกย่องเป็นผู้มีอำนาจ


"วันหนึ่งเราอาจสงสัยว่าเหตุใด ลูกเราจึงชอบก่อเรื่องชกต่อย วางมาดเป็นนักเลงโต ชอบใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่น ซึ่งหากย้อนกลับไป พิจารณาเรื่องราวในอดีตเราก็อาจจะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการเลี้ยงดูของเรา ที่เรายกให้เขาเป็น "คุณหนู" มีอำนาจอย่างเต็มที่ที่จะจัดการกับคนทำงานในบ้าน ซึ่งอยู่ในฐานะเพียง "คนใช้" ผู้คอยรับคำสั่ง "เจ้านาย" อย่างไม่มีปากเสียง"

สิ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้ในสภาพสังคมไทย

" สิ่งที่เด็กๆ ได้รับ
เมื่อครั้งยังเล็กนั้น
เด็กจะจดจำอย่างฝังรากลงไป
ยิ่งในวัยที่กำลังพัฒนาการใช้เหตุผล
เด็กจะไม่สามารถแยกแยะว่า
สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด
หากไม่ได้รับการสอนการอธิบาย
เด็กที่ได้รับ การยกย่องไว้สูง
ในฐานะ "คุณหนู"
นี่แหละน่าเป็นห่วงที่สุด "

สังคมไทยเป็นสังคมแห่งชนชั้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ เราแบ่งคนในสังคม ออกเป็นชนชั้นต่างๆ ทั้งอย่างชัดแจ้ง เช่นระบบเจ้าขุนมูลนายระบบอาวุโส และอย่างเป็นนัย เช่น เรายกย่องให้คนที่มี "เงินมาก" เป็นคนที่อยู่เหนือชั้นกว่าคนที่มีเงินน้อย หรือเรียกว่า คนรวยย่อมน่านับถือมากกว่าคนจน สะท้อนจากการที่สังคมไทย ยกย่องให้เกียรติคนมีเงิน มียศถาบรรดาศักดิ์มีตำแหน่งใหญ่ มีชาติตระกูลดีมากกว่า เป็นสังคมที่ให้เกียรติคนในฐานะที่เกิดมาเป็นคนอย่างเท่าเทียมกัน

ชนชั้นที่สังคมจัดให้อยู่ในระดับ "สูงกว่า" มักจะมี "อำนาจที่เหนือกว่า" เป็นองค์ประกอบตามมาด้วยเสมอ

ดังนั้นหากเด็กๆ เกิดมาในบ้านที่พ่อแม่ฐานะดี มีทรัพย์สมบัติตำแหน่ง มีหน้ามีตาในสังคมย่อมมีเงินมากเพียงพอที่จะจ้างคนมาช่วยทำงานบ้าน ช่วยเลี้ยงดูเด็กๆ ในบ้าน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การจัดแบ่งชนชั้นภายในบ้าน เจ้าขอบ้านจะกลายเป็น "เจ้านาย" ที่มีอำนาจเต็มที่ในการสั่งการ ส่วนคนทำงานบ้านก็จะกลายเป็น "คนรับใช้" ที่อยู่ในฐานะที่ต่ำต้อยกว่า ส่วนเด็กๆ ก็จะกลายเป็น "คุณหนู" ของบ้านในฐานะ "เจ้านาย" คนหนึ่งไปโดยปริยาย
เด็กๆ แม้แต่ตัวเล็กๆ ก็สามารถใช้ "อำนาจ" ในการสั่งการคนรับใช้ที่อยู่ภายในบ้านได้

เราคงต้องตั้งคำถามว่า "การที่เด็กมีอำนาจเหนือคนอื่น เพียงเพราะเขาเป็นลูกคนมีเงินนั้น นำมาซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาหรือไม่ ?"

ผมได้ลองวิเคราะห์ความน่าจำเป็นที่จะเกิดขึ้นแก่เด็กๆ เหล่านี้ โดยตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า พ่อแม่ผู้ปกครองและคนในบ้าน ปล่อยให้เด็กใช้อำนาจในฐานะคุณหนูลูกเจ้านายได้อย่างอิสระ พบว่าจะส่งผลต่อเด็กดังนี้ อาทิ

  • เด็กจะเห็นว่า การใช้อำนาจเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

เด็กๆ มีแนวโน้มของการใช้อำนาจการชอบเอาชนะผู้ที่อ่อนแอกว่าอยู่แล้ว ดังนั้น การที่เขาได้ดำรงตำแหน่งเป็น "นาย" คนใช้จึงเป็นเหมือน "บ่าว" ที่เขามีสิทธิที่จะใช้งานดุด่าว่ากล่าวดูดถูกเหยียดหยามไม่ให้เกียรติอย่างไรก็ได้ ยิ่งผู้ปกครองทำเป็นแบบอย่างเด็กก็จะเลียนแบบอย่างเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง สามารถใช้อำนาจเหนือคนที่อยู่ภายใต้ได้ สามารถใช้คนเหล่านี้ทำในสิ่งที่ตนเองพอใจได้ และหากเขาไม่ตามใจ ก็สามารถดุด่าว่ากล่าวได้โดยไม่ต้องเกรงใจไม่ต้องเคารพในความถูกต้อง
การยกตัวอย่างละครทางโทรทัศน์คงทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น เจ้าของบ้านดูเหมือนจะมีอำนาจอย่างเต็มที่เหนือชีวิตเหล่าบรรดาคนรับใช้ในบ้าน คำขึ้นต้นชื่อที่เจ้าของบ้านมักจะเรียกคนเหล่านี้คือ "ไอ้..." คำพูดที่ใช้มักเต็มไปด้วยความหยาบคาย การดูถูกดูแคลน "ฉันสั่งแกก็ต้องทำ แกมันเป็นเพียงคนใช้ อย่ามาทำตีเสมอรู้ดีกว่าเจ้านาย" หรือหนักกว่านั้นคือถึงขั้นลงไม้ลงมือ ตบหัว ผลักไส เป็นต้น ส่วนในทางตรงกันข้าม เหล่าบรรดาคนรับใช้ก็ดูเหมือนจะยอมรับในสถานภาพของตนว่า "ต่ำต้อย" และ "ด้อยค่ากว่า" มักยกย่องเจ้านายไว้สูง มีความสงบเสงี่ยมเจียมตัว จนหลายครั้งแสดงออก ถึงการรังเกียจผู้มีฐานะที่ต่ำกว่าตนและทำงานที่ต่ำกว่าของตนด้วย
เมื่อเด็กๆ ดูละครเหล่านี้ก็เหมือนกับเป็นการสำทับไปว่า การกระทำของเขาเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเด็กจะเริ่มเลียนแบบการใช้อำนาจ ในฐานะเจ้าของบ้านแก่คนในบ้าน

  • เด็กจะคิดว่า ตนเองเป็น "เจ้านาย" ของทุคนที่มีฐานะต่ำกว่า

หากเด็กๆ เป็นเช่นนี้ที่บ้าน เด็กก็จะติดนิสัยของ "ผู้วางอำนาจ" เด็กจะคิดในใจเสมอว่า "ตนเองเป็นเจ้านาย" และเขาก็จะนำไปใช้ในที่อื่นๆ ด้วย เช่นที่โรงเรียน เด็กจะพยายามหาผู้ที่อ่อนแอกว่าอาจจะเป็นเพื่อนๆ ที่มีฐานะด้อยกว่าตัวเล็กกว่ามาเป็นเหมือน "บริวาร" เด็กๆ จะมีนิสัยชอบดูถูกคน เกลียดคนที่ไม่ตามใจตน มาตรฐานวัดคุณค่าของเด็กก็จะบิดเบี้ยวไป

  • เด็กจะเห็นว่า คนที่มีเงิน มีฐานะดีเท่านั้นคือคนที่มีคุณค่า

เด็กๆ จะไม่เห็นคนทุกคนมีคุณค่าแต่จะเห็นว่า "คนที่มีเงิน" มากกว่าเป็นคนที่มีคุณค่า เด็กจะไม่เข้าใจในเนื้อแท้ของการเคารพสิทธิเสรีภาพของปัจเจกบุคคลตามหลักสิทธิมนุษยชน ไม่เข้าใจว่า คนทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกันและสามารถอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีของคนเป็นมนุษย์ เมื่อเขาเติบโตขึ้นเขาก็จะไหว้คนที่มีเงิน มีฐานะ และดูถูกคนยากจน ผู้ที่อ่อนแอกว่า

  • เด็กจะใช้เงินและอำนาจเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ

การที่เด็กมี "อำนาจ" ตั้งแต่เขายังเล็กๆ ทำให้เด็กเรียนรู้ว่า การมีเงินนำมาซึ่งอำนาจ บริวาร และความสุขสบายในชีวิต ดังนั้นเขาจึงพยายามรักษาอำนาจ ที่เขามีอยู่บนฐานของ "เงิน" เขาจะใช้เงินนั้นไปจ้างคนให้มากระทำ ในสิ่งที่ตนเองพึงพอใจได้เมื่อเติบโตขึ้น เด็กก็จะเป็นคนที่รักเงินและอำนาจมาก จนไม่ยอมที่จะประสบความยากลำบากหรือยากจน เพราะเกรงว่า จะกลายเป็นคนอีกชนชั้นหนึ่งที่มีคนดูถูกดูแคลนซึ่งอาจเป็นเหตุนำไปสู่การประพฤติที่ไม่ถูกต้อง เช่น คอร์รัปชั่น โกงกิน ติดการพนัน หรือทำในสิ่งที่ตนจะได้เงินมาง่ายๆ เพื่อรักษาไว้ซึ่งอำนาจที่เขาเห็นว่ามีคุณค่ามากกว่า

  • ลูกเราควรเป็น "ผู้มีอำนาจ" หรือควรเป็น "ผู้เห็นคนมีค่า"

สิ่งที่เด็กๆ ได้รับเมื่อครั้งยังเล็กนั้นเป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องใส่ใจ เพราะเด็กจะจดจำอย่างฝังรากลงไปว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องสามารถกระทำได้ ยิ่งเด็กในวัยที่กำลังพัฒนาการใช้เหตุผล เด็กจะไม่สามารถแยกแยะว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด หากไม่ได้รับการสอน การอธิบายจากผู้ปกครอง ดังนั้นหากเด็กได้รับการยกย่องไว้สูง ในฐานะ "คุณหนู" มีคนรับใช้คอยห้อมล้อมมากมายเด็กก็อาจเติบโตขึ้น พร้อมกับการมัวเมาในอำนาจมัวเมาในการใช้เงินฟาดหัวผู้อื่น เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ และกลายเป็นคนที่แบ่งชนชั้นคน ดูถูกเหยียดหยามจนถึงขั้นทำร้ายผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้น ถ้าเราไม่ต้องการทำร้ายลูก เราก็ไม่ควรสอนลูกหรือเป็นแบบอย่างให้ลูกเห็นว่า เราสามารถเป็น "เจ้านาย" ที่มีอำนาจเหนือกว่า "คนใช้" หรือ "ลูกจ้าง" ในบ้านของเรา แต่ควรสอนให้ลูกๆ เห็นคุณค่าของคนอย่างเหมาะสมอาทิ

  • สอนลูกให้เห็นคนเป็นคน คนทุกคนมีคุณค่า

พ่อแม่ที่รักลูกควรเป็นแบบอย่างในการเห็นคุณค่าของความเป็นคน ไม่ควรเห็นคนที่เขามาทำงานให้เรามีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ด้อยกว่าเรา เพราะเขาจนกว่าเรา เขาต้องพึ่งพาเงินของเรา ถ้าเราไม่มีเงินให้เขา เขาก็จะต้องอดตาย แต่เราควรคิดใหม่ให้ถูก ต้องว่ามนุษย์ทุกคนมีคุณค่าศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ทุกคนควรได้รับเกียรติได้รับการปฏิบัติอย่างสมกับที่เกิดมาเป็นคนโดยไม่ได้เลือกว่า เขาจะมีสถานภาพเป็นเช่นไร
พ่อแม่ที่ดีควรสอนลูกว่าการที่เรามีเงิน มีคนทำงานให้กับเรา ไม่ได้หมายความว่า เรามี "อำนาจ" เหนือชีวิตของเขาเพราะเงินไม่ได้เป็นเครื่องวัดคุณค่าความเป็นคน เราไม่สามารถใช้เงินเป็นเครื่องมือในการบีบบังคับให้คนๆ หนึ่งทำงานให้กับเราได้หากเขาไม่เต็มใจ
หากเราในฐานะที่เป็นพ่อแม่มีจิตสำนึกเช่นนี้ และกระทำให้เป็นแบบอย่างแก่ลูก ลูกก็จะเลียนแบบกระทำตาม เมื่อเขาเติบโตขึ้นเขาก็จะเป็นที่รักของคนรอบข้าง เขาจะไม่เป็นคนที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่หรือมีลักษณะเป็น "นักเลงโต" ข่มเหงผู้ใด แต่จะเป็นคนที่อ่อนน้อมและให้เกีรยติแก่ทุกคนไม่ว่าคนนั้นจะยากดีมีจนเพียงไร

  • สอนลูกให้มีใจขอบคุณคนที่มาช่วยทำงาน

เราควรสอนให้ลูกของเรามองคนเหล่านี้ว่า เขาเป็นผู้มาช่วยงานของเรา โดยอธิบายให้ลูกฟังว่า หากครอบครัวไม่ได้เขามาช่วยเราก็จะต้องทำงานเองทุกอย่าง ซึ่งเราคงจะเหน็ดเหนื่อยมาก หากไม่ได้เขามาช่วย ดังนั้นเราจึงควรขอบคุณเขาเสมอ ที่เขายินดีทำงานให้เรา
ผมจะไม่สอนให้ลูกเห็นคนที่ทำงานให้กับเราเป็นเหมือน "คนรับใช้" หรือ "ลูกจ้าง" เพราะคำนี้นำมาซึ่งอำนาจแก่ผู้พูดให้การเหยียบผู้อื่นให้ต่ำกว่า อันเป็นการลดคุณค่าความเป็นคน แต่จะสอนลูกเสมอว่า เราควรเห็นคุณค่าคนควรให้เกียรติที่จะพูดกับเขาและปฏิบัติกับเขาตามความอาวุโส และขอบคุณเขาด้วยความจริงใจในสิ่งต่างๆ ที่เขาทำให้
ผมจะเป็นแบบอย่างในเรื่องนี้ให้แก่ลูกเสมอ เช่น ทุกครั้งที่ผมลงจากรถ ผมจะกล่าวขอบคุณคนขับรถเพราะผมเห็นว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีคนหนึ่ง เป็นบุคคลที่ช่วยแบ่งเบาภาระของผมทำให้ผมสามารถทำงานในขณะที่นั่งรถ เดินทางไปที่ใดๆ ได้มากขึ้น

เราคงต้องถามตัวเองว่า เราอยากให้ลูกของเราเติบโตขึ้นเป็นคนที่มี "อำนาจ" หรือเป็นคนที่ "เคารพในคุณค่าความเป็นคน" ถ้าเราเลือกประการแรก ลูกของเราก็มีแนวโน้มเติบโตเป็นผู้ที่มีความสุขกับการใช้อำนาจเหนือผู้อื่น เป็นผู้แสวงอำนาจทั้งในทางชอบธรรมและ ทางอธรรม แต่ถ้าเราเลือกประการที่สอง ลูกของเราก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ที่มีความสุขกับการให้เกียรติผู้อื่น และเป็นผู้สร้าง "สันติภาพ" ให้กับสังคมเพราะเขาจะเห็นว่า คนทุกคนมีคุณค่าสมควรได้รับสิ่งดีจากเพื่อนมนุษย์เท่าเทียมกัน

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศักดิ์



[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 22 ฉบับที่ 329 สิงหาคม 2542 ]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600