จดหมายจากคุณแม่สมใจ ลูกชายอายุ 1 ปี 6 เดือน
สังเกตว่าลูกขาสั้น ตัวป้อมๆ ลูกมีน้ำหนัก 13 กิโลกรัม ส่วนสูง 80 เซนติเมตร ถามว่าเมื่อลูกโตขึ้นจะตัวเตี้ยหรือไม่
ปัจจุบันนี้ พ่อแม่มักจะให้ความสำคัญกับความสูงของลูกมาก เพราะมีค่านิยมที่ว่าคนรุ่นใหม่ควรจะตัวโตสูงกว่าพ่อแม่
จึงมักมีปัญหาถามว่าทำอย่างไรลูกจะตัวสูง แม้แต่วัยรุ่นเอง
ก็มักจะมีปัญหาอยู่เสมอๆ ว่าทำอย่างไรจึงจะตัวสูงเท่าๆ กับเพื่อน
เด็กผู้หญิงก็อยากสูงประมาณ 170 เซนติเมตรขึ้นไป
เด็กผู้ชายก็อยากจะสูงถึง 180 เซนติเมตร ฉะนั้นเพื่อตอบปัญหานี้
จะได้พูดถึงการเจริญเติบโตของเด็กในด้านความสูงไปด้วย
ตามปกติแล้ว เด็กในวัยทารกคือช่วงแรกเกิดถึงอายุ 1-2 ปี จะมีลักษณะตามธรรมชาติส่วนศีรษะโตมากเมื่อเทียบกับร่างกายส่วนอื่น คือ ความยาวของศีรษะจะเท่ากับ 1/4 ของร่างกายทั้งหมด และจุดกึ่งกลางความสูงของร่างกายจะอยู่ที่สะดือ ในขณะที่เมื่อเด็กโต
จนอายุ 6 ขวบ จุดกึ่งกลางความสูงของเด็กจะอยู่บริเวณต่ำกว่าสะดือ
และเมื่อเด็กอายุ 12 ปี จุดกึ่งกลางของร่างกายอยู่ที่บริเวณหัวเหน่าพอดี
ฉะนั้นจะเห็นว่า ตามธรรมชาติแล้ว เมื่ออายุยังน้อย
เด็กจะมีขาสั้นอย่างที่คุณแม่สังเกตเห็น ในกรณีที่คุณแม่ถามมานี้ ลูกมีน้ำหนักค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับเกณฑ์อายุ จึงยิ่งทำให้มองดูขาสั้น
เพราะตัวป้อมๆ เมื่อเด็กเติบโตขึ้นอายุ 4-5 ขวบ
จะเห็นว่าแขนขายาวขึ้นทำให้ดูตัวผอมลง
การที่เด็กจะสูงมากหรือโตเพียงใดนั้นย่อม
ขึ้นอยู่กับปัจจัยประกอบหลายอย่าง คือ พันธุกรรมซึ่งสืบต่อมาจากพ่อแม่
นอกจากนั้นปัจจัยอื่นๆ ที่จะส่งเสริมให้เด็กโตขึ้น ได้แก่
อาหารที่ถูกส่วนและเหมาะสมกับวัน การออกกำลังกาย และการพักผ่อนซึ่งจะมีอิทธิพลต่อการสร้างฮอร์โมนที่จะทำให้
มีการเจริญเติบโตของกระดูกท่อน ซึ่งจะทำให้แขนขายาวขึ้น นอกจากฮอร์โมนที่ทำให้เจริญเติบโตจากต่อมใต้สมองแล้ว ยังมีไทรอยด์ฮอร์โมนซึ่งควบคุมการสร้างกระดูก
ที่บริเวณปลายกระดูกท่อนยาวอีกด้วย
ในขณะเดียวกันฮอร์โมนเพศทั้งฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน)
และฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจน) ก็จะมีส่วนเร่งให้กระดูกท่อน
มีความยาวเพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันฮอร์โมนเพศจะมีส่วนเร่ง
ให้ส่วนปลายกระดูกท่อนยาวที่มีการเจริญเติบโตนั้น
รวมเข้ากับส่วนปลายกระดูกท่อนยาว
ทำให้กระดูกท่อนยาวหยุดการเจริญเติบโต
ฉะนั้นเมื่อก่อนจะเข้าสู่วัยรุ่นและมีฮอร์โมนเพิ่มขึ้น จะเห็นว่าเด็กวัยรุ่นมีความสูงเพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก แต่เมื่อรูปร่างลักษณะเปลี่ยนแปลงไปเป็นลักษณะของเพศชาย
และเพศหญิงสมบูรณ์แล้ว ความสูงของเด็กทั้งหญิงและชาย
ก็จะไม่เพิ่มมากเหมือนในช่วงวัยรุ่นตอนต้น
และหยุดชะงักเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ฉะนั้นถ้าพ่อแม่ต้องการเลี้ยงลูกให้เติบโตสูงใหญ่ จะต้องให้ความสนใจกับการเลี้ยงดูเด็กให้ถูกต้องตั้งแต่ในวัยทารก ซึ่งอันที่จริงแล้วเราจะเห็นได้ว่ากรรมพันธุ์มีส่วนสำคัญมาก และจะเห็นได้ว่ากรรมพันธุ์มีส่วนสำคัญมาก และขนาดของเด็กแรกเกิด
มักจะมีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของเด็กต่อไปด้วย ฉะนั้นแม่จะต้องบำรุงร่างกายให้สมบูรณ์ในช่วงตั้งครรภ์
ได้รับอาหารครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เพิ่มขึ้นจากเดิม
เพื่อลูกในครรภ์จะได้เจริญเติบโตอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม
ปัจจัยที่เด็กในครรภ์จะเติบโตได้ดีหรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับสภาพของมดลูก
และรกรวมทั้งฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญเติบโตของทารกที่ผลิตจากรก
และตัวทารกเอง รวมทั้งฮอร์โมนจากแม่ด้วย
ในช่วงทารกแรกเกิดถึง 1 ปี จะเติบโตเร็วมากน้ำหนัก
จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ของช่วงแรกเกิดจากประมาณ 3 กิโลกรัม
เป็น 9 กิโลกรัม ความสูงจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งของเมื่อแรกเกิด
คือจากประมาณ 50 เซนติเมตร เป็น 75 เซนติเมตร
ในช่วงนี้เด็กชายจะสูงกว่าเด็กหญิงเล็กน้อย
เนื่องจากฮอร์โมนเพศในระยะอายุ 1-2 ปี ไปแล้ว อัตราการเพิ่มทั้งน้ำหนักและความสูงจะลดลงจากเดิม
เด็กจะมีน้ำหนักเพิ่มปีละ 2-3 กิโลกรัม ส่วนความสูงในขวบปีที่ 2
จะสูงเพิ่มขึ้นประมาณ 10-12 เซนติเมตรและหลังปีที่ 2 แล้ว
เด็กจะสูงเพิ่มเพียงปีละ 4-6 เซนติเมตรเท่านั้น
ในช่วงก่อนวัยรุ่นนั้นเด็กจะมีความสูงเพิ่มขึ้นรวดเร็ว
เด็กผู้หญิงจะสูงเพิ่มปีละ 8-10 เซนติเมตร และเด็กผู้ชาย
อาจจะสูงเพิ่มถึงปีละ 10-12 เซนติเมตร เด็กผู้หญิงมักจะเปลี่ยนแปลง
ลักษณะทางเพศก่อนเด็กผู้ชาย และการเปลี่ยนแปลงจะสิ้นสุด
ก่อนเด็กชายประมาณ 2 ปี เด็กผู้หญิงจึงสูงเร็วกว่าเด็กชาย
และสูงก่อนเด็กชาย
ฉะนั้นเด็กที่มักจะตัวเตี้ยเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็คือ เด็กที่โตเร็วและมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ภาวะวัยรุ่นเร็วเกินไป
มักจะหยุดโตเร็วกว่าผู้อื่น เด็กที่เจ็บป่วยบ่อยๆ ขาดสารอาหาร ขาดการออกกำลังกายหรือเด็กที่มีน่ำหนักตัว
และขนาดความยาวน้อยเมื่อแรกคลอด
สรุปก็คือ เด็กทุกคนมีต้นทุนจากพันธุกรรมอยู่แล้ว
แต่การเลี้ยงดูที่ถูกต้องให้อาหารพอเหมาะ
จะช่วยส่งเสริมให้เด็กโตได้มากขึ้นกว่าต้นทุน
ฉะนั้นการเตรียมอาหารให้เด็ก ควรจะคำนึงถึง
การให้อาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละวันเลือกอาหาร
จากหลายๆ ชนิด เพื่อให้ได้เกลือแร่และวิตามินครบถ้วน ข้าวซ้อมมือเป็นแหล่งอาหารที่ดีมากเพราะอุดมทั้งไวตามิน
และเกลือแร่หลายชนิด
ฮอร์โมนที่ช่วยทำให้ร่างกายเติบโตนั้นเรียกว่า
โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) จะหลั่งเพิ่มขึ้นเมื่อออกกำลังกาย
เดิน วิ่ง เคลื่อนไหวร่างกาย หลังอาหารจะมีการหลั่งฮอร์โมนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารประเภทโปรตีนจะกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนนี้เพิ่มขึ้น การนอนหลับสนิทในช่วงกลางคืนจะทำให้ต่อมใต้สมองหลั่งโกรทฮอร์โมนเพิ่มขึ้น
ฉะนั้นจะเห็นว่าเด็กที่ออกกำลังกายมากๆ จะหิวมาก
มีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น กินอาหารได้มาก ถ้าได้กินอาหารโปรตีนมากขึ้น
ด้วยจะอิ่มแล้วก็ง่วง และนอนหลับสนิม ถ้าสภาพแวดล้อมในบ้านสงบสุข
ไม่มีเสียงอึกทึกครึกโครม เด็กก็จะนอนหลับได้นาน
ซึ่งทำให้โกรทฮอร์โมนหลั่งมากขึ้น ทำให้เด็กโตเร็ว
ถ้าพ่อแม่ส่งเสริมให้เด็กเล่นกีฬา และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
มีบรรยากาศในบ้านสงบร่มเย็น เด็กจะนอนหลับสนิทและโตวันโตคืน เติบโตเต็มที่ตามที่พ่อแม่คาดหวัง
นี่คงเป็นคำตอบสำหรับคุณแม่ที่ถามมาและคุณแม่คนอื่นๆ ด้วย
พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา
สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
|