พญ.ฉวีวรรณ ภักดีธนากุล
ถ้าเราต้องเสียฟันแท้ไปเนื่องจากถูกถอนหรือเนื่องจากอุบัติเหตุ
หรือฟันแท้หายไปตั้งแต่เกิด เราต้องใส่ฟันปลอมทดแทน
เพื่อช่วยในการทำหน้าที่พูด และเคี้ยวอาหาร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อก่อนนี้ถ้าเราต้องใส่ฟันปลอม ก็จะมีทางเลือกเพียง 2 ทาง คือ
การใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้หรือชนิดติดแน่นเท่านั้น แต่ในสหัสวรรษหน้า
หรือในปี 200 นี้ น่าจะเป็นยุคของฟันปลอมชนิดที่ใส่ทับรากเทียม
เนื่องจากฟันปลอมชนิดถอดได้ เป็นหันปลอมที่ต้องมีเหงือก
หรือส่วนของเพดานปลอม ซึ่งจะทำความรำคาญให้กับผู้ใส่เป็นอย่างมาก
เพดานปลอมจะทำให้การรับรู้รส การรู้สึกร้อนเย็นของอาหารเสียไปด้วย
แม้ว่าฟันปลอมจะมีตะขอที่จะช่วยยึดให้ฟันปลอมติดอยู่ได้เวลาใช้งาน
แต่ประสิทธิภาพการเคี้ยวอาหารก็ยังไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากฟันปลอมจะกระดก
หรือขยับได้ระหว่างการใช้งาน
ส่วนฟันปลอมชนิดติดแน่นจะดีกว่าฟันปลอมชนิดถอดได้ตรงที่เหมือนฟันธรรมชาติมากขึ้น
เพราะส่วนที่ช่วยยึดฟันปลอมนั้นจะทำเป็นครอบฟัน โดยทำทับฟันหลักข้างเคียง
ซึ่งมีขนาดและลักษณะเหมือนฟันทำให้ไม่มีส่วนเหงือกปลอมหรือตะขอ
การใช้เคี้ยวอาหารก็ดีกว่า ข้อเสียก็คือ ราคาแพงกว่าฟันปลอมชนิดถอดได้
ทำความสะอาดยากกว่าเพราะไม่สามารถถอดออก
และต้องใช้เครื่องมือทำความสะอาดเป็นพิเศษ ฟันที่ใช้เป็นหลักยึด
จึงมีโอกาสผุหรือเป็นโรคเหงือกอักเสบได้ง่าย
การทำฟันปลอมทับรากฟันเทียม จึงเป็นทางเลือกใหม่
สำหรับฟันปลอมในยุคนี้ เนื่องจากเป็นการใส่ฟันที่ทำให้รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่
ประสิทธิภาพการเคี้ยวอาหารก็ดีใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อย่าง หรือฝรั่งกรอบๆ ที่เราชอบก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
รากเทียมที่ว่านี้จะมีรูปร่างคล้ายรากฟันธรรมชาติ
อาจจะมีลักษณะเป็นทรงกระบอกตรงหรือปลายสอบให้เหมือนรากฟัน
ทำด้วยโลหะไทเทเนียม ซึ่งเป็นโลหะที่ได้รับการพิสูจน์ และรับรองแล้วว่า
ไม่เป็นอันตรายและไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ ต่อร่างกายของเรา
ทันตแพทย์จะทำการฝังรากฟันเทียมไว้ในกระดูกขากรรไกร
รอเวลาประมาณ 6 เดือน เพื่อให้กระดูกเชื่อมกับรากฟันไทเทเนียม
จากนั้นจึงทำฟันปลอมยึดไว้กับส่วนบนของรากฟันเทียม
โดยฟันปลอมที่ทำนี้จะมีรูปร่างเหมือนฟันแท้ ไม่ต้องมีเหงือกปลอม
หรือตะขอให้เป็นปัญหา
โลหะไทเทเนียมมีผิวเรียบ เป็นมันวาว ทำความสะอาดได้ง่าย
คราบอาหารเกาะติดได้ยากจากการศึกษาผลการใช้ พบว่า
รากฟันเทียมจะไม่ทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ เนื่องจากไม่มีเยื่อหุ้มรากฟัน
นอกจากนี้โลหะ ไทเทเนียมที่ใช้ก็ไม่สึกกร่อนอีกด้วย
แม้ว่าการฝังรากเทียมในประเทศไทยจะเพิ่งมีแพร่หลายไม่ถึง 10 ปี
ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องใหม่ แต่ในต่างประเทศมีการทำมาแล้วเกิน 20 ปี
มีการศึกษา ทดลอง ค้นคว้ามากมาย และจากรายงานการศึกษาในผู้ที่ใส่ฟันปลอมชนิดนี้
ชี้ให้เห็นว่า การฝังรากฟันเทียมมีความสำเร็จสูงมาก จากรายงานขณะนี้
ก็มีโอกาสสำเร็จเกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และหากการฝังรากเทียมเกิดล้มเหลว
ฟันโยก หรือฟันปลอมแตกหัก ก็เพียงแต่ถอนออกแล้วก็ทำใหม่ได้อีก
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การทำรากเทียมไม่ได้ผล ก็คือ การสูบบุหรี่
หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำเพราะผู้ป่วยประเภทนี้
จะมีปัญหาการละลายตัวของกระดูกรอบรากฟันมากกว่า
เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดไม่ดี
รากฟันเทียมนี้สามารถใส่แทนฟันที่ถอนไปได้ทุกซี่ ไม่ว่าจะเป็นซี่เดียว
หลายซี่หรือทั้งปาก แต่ก็จะมีความยากง่ายต่างกัน โดยปกติกระดูกขากรรไกร
บริเวณที่จะฝังรากเทียมควรจะมีความหนาพอสมควร แต่หากว่า
กระดูกบริเวณนั้นมีการละลายตัวไปทำให้สันเหงือกยุบ
ก็จะต้องเติมกระดูกเทียมลงไปเพื่อเป็นที่ให้รากเทียมยึดอยู่ได้
โดยปกติการผ่าตัดฝังรากเทียมทำได้ไม่ยาก
ทันตแพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่ระหว่างทำซึ่งให้เวลาไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง
ต่อการฝังรากเทียมหนึ่งตัว สามารถทำได้ในคลินิกทันตกรรม
ที่มีระบบการทำความสะอาดเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน หลังจากนั้นจะปิดแผลเอาไว้
ผู้ป่วยสามารถใส่ฟันปลอมได้ แต่อาจจะต้องดัดแปลงให้เหมาะสม
ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องนอนพักในโรงพยาบาล หลังการผ่าตัดฝังรากเทียมครั้งแรก
จะต้องรอให้กระดูกยึดรากเทียมนั้นเสียก่อน ช่วงนี้จะกินเวลาไม่เกิน 6 เดือน
แล้วจึงจะทำฟันปลอมให้ได้ ผู้ที่จะทำรากเทียมนี้ควรจะมีสุขภาพดี
ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในการผ่าตัด การทำรากเทียมในผู้ป่วยเบาหวาน
ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ อาจจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
ส่วนในคนไข้เบาหวานที่สามารถควบคุมได้และอยู่ในความดูแลของแพทย์
ก็สามารถที่จะทำได้
การทำฟันปลอมทับรากฟันเทียมนี้ เป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่
เครื่องมือมีราคาแพง ทำให้ค่าใช้จ่ายสูง ขั้นตอนมาก
ต้องใช้เวลานานกว่าจะทำฟันปลอมเสร็จ ในประเทศไทยมีการนำมาใช้หลายแห่งแล้ว
ทั้งโรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลเอกชน หากท่านมีปัญหาในการใส่ฟันปลอมชนิดอื่นๆ
และคิดว่าอยากทำฟันปลอมทับรากเทียมก็คงไม่ต้องรอให้ถึงปี 2000
ท่านสามารถไปรับคำปรึกษาได้จากทันตแพทย์ทั่วไป
|