ทำไมต้องใส่ฟันปลอม แลจะใส่ฟันปลอมแบบไหนดี ?
คำถามดังกล่าวเป็นคำถามที่ทันตแพทย์ต้องตอบเสมอเมื่อผู้ป่วยต้องใส่ฟันปลอม
เนื่องจากจำเป็นต้องถอนฟันแท้ออกไป ไม่ว่าจะเนื่องจากฟันผุหรือจากโรคเหงือกอักเสบ
และฟันซี่นั้นไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ หรือเสียฟันไป เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุ
ฟันหลุดหรือแตกเสียหายมาก
แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่ใส่ฟันปลอม ก็จะทำให้เราจะเคี้ยวอาหารได้ไม่ดี
เสียความสวยงาม หรืออาจทำให้พูดไม่ชัด โดยเฉพาะถ้าเป็นฟันหน้า
การออกเสียงตัว ฟ ฟัน ฝ ฝา และส เสือ จะไม่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น
การออกเสียงคำว่า ฟัน ฟ้า ฝี ฝ้า เสื้อ เสื้อ เป็นต้น ซึ่งทำให้เสียบุคลิกมาก
ผลเสียที่เกิดขึ้นอีกประการหนึ่งที่สำคัญมากจากการถอนฟันแล้วไม่ใส่ฟันปลอมเข้าไปแทนที่
ซึ่งในระยะแรกอาจจะไม่เห็นแต่จะเห็นได้ชัดเจนในระยะยาวก็คือ
ฟันแท้ที่อยู่ข้างเคียงฟันที่ถูกถอนจะล้มเอียงเข้ามาในระหว่างช่องว่างนั้น
ฟันซี่ที่อยู่ตรงข้ามก็จะงอกเข้าไปในบริเวณที่ถอนฟัน การสบฟันจะผิดปกติ ฟันจะห่างกัน
เศษอาหารจะติดง่ายเสี่ยงต่อโรคฟันผุและโรคเหงือกอักเสบ นอกจากนี้จากการที่มีฟันไม่ครบเรา
การเคี้ยวอาหารไม่สะดวกเราก็จะพยายามเคี้ยวอาหารด้วยฟันที่เหลืออยู่
ทำให้เกิดนิสัยเคี้ยวอาหารข้างเดียว หรือเคี้ยวด้วยฟันหน้าในกรณีที่ถอนฟันหลังไปหมด
การสบฟันก็จะยิ่งรวน และผิดปกติมากขึ้น เป็นสาเหตุให้ต้องเสียฟันที่เหลือในเวลาต่อมา
ฉะนั้นการใส่ฟันปลอมจึงเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อต้องถอนฟันไป จะยกเว้นก็คือ เมื่อถอนฟันคุด
ซึ่งเป็นฟันที่อยู่ด้านในสุดของขากรรไกรเท่านั้น
เราควรใส่ฟันปลอมหลังจากถอนฟันไปสัก 2 เดือน เพื่อให้แผลถอนฟันหายดีเสียก่อน
อันที่จริงเราสังเกตดูแผลถอนฟันจะเห็นว่าภายใน 2 สัปดาห์ แผลก็จะหายดีแล้ว
แต่ที่ต้องรอไปอีกประมาณ 6 สัปดาห์ก็เพื่อว่ากระดูกบริเวณที่ถอนฟันนั้น
จะปรับเปลี่ยนรูปร่างใหม่ให้เหมาะสมตามธรรมชาติ สันเหงือกบริเวณนั้นจะหดตัวลงหรือแคบเข้า
ถ้าเราทำฟันปลอมเร็วเกินไปก็จะได้ฟันปลอมที่หลวม ไม่พอดี เพราะตอนที่เราพิมพ์ปาก
เพื่อหล่อแบบทำฟันปลอมนั้นสันเหงือกยังไม่หดตัวเต็มที่ จึงต้องรอเวลาสักหน่อย
แต่อย่างไรก็ตามในบางกรณีเราก็จำเป็นต้องทำฟันปลอมเร็วขึ้น เช่นในกรณีใส่ฟันหน้า
เพราะถ้าปล่อยให้เห็นฟันหลอก็คงจะไม่ดี เราอาจจะใส่ทันทีหลังจากถอนฟันก็ได้
แต่ฟันปลอมนี้มักจะต้องทำใหม่เพราะจะหลวมเร็วมากและจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสองครั้ง
ถ้าเราทิ้งให้ฟันหลอนานเกินไป ก็จะเกิดผลเสียอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว
และหลายครั้งที่ปล่อยนานเกินไปจนไม่สามารถจะใส่ฟันปลอมชนิดใดๆ ที่เหมาะสมได้อย่างเช่น
มีฟันล้มมาก หรือช่องว่างที่จะใส่ฟันเหลือน้อยเกินไป
การใส่ฟันปลอม มี 2 ชนิด ได้แก่ฟันปลอมชนิดถอดได้และฟันปลอมชนิดติดแน่น
ฟันปลอมชนิดถอดได้
เหมาะกับการใส่ฟันหลายๆซี่ หรือทั้งปาก หรือใส่ทันทีหลังถอนฟันตามที่ได้กล่าวมาแล้ว
ฟันปลอมชนิดถอดได้นี้ราคาถูกกว่าฟันปลอมชนิดติดแน่น แต่มีข้อเสียคือ
จะต้องมีเหงือกหรือส่วนของเพดานปลอม ซึ่งทำความรำคาญให้กับผู้ใส่เป็นอย่างมาก
คนที่ช่างรำคาญจะมีปัญหามาก บางทีฟันปลอมนั้นก็จะต้องมีตะขอที่จะช่วยยึดฟันปลอม
ทำให้มองเห็นตะขอ คนอื่นทราบว่าใส่ฟันปลอมก็ทำให้ขาดความมั่นใจ
และเสียบุคลิกในการเข้าสังคม นอกจากนี้ ประสิทธิภาพการเคี้ยวอาหารก็ไม่ค่อยดีนัก
เนื่องจากฟันปลอมจะมีการขยับได้บ้างระหว่างการใช้งาน
ส่วนของเหงือกหรือเพดานของฟันปลอมชนิดถอดได้จะทำด้วยพลาสติกชนิดที่เรียกว่า
เมททิลเมธาไครเลท หรือโลหะไวตาเลียม ซึ่งวัสดุเหล่านี้มีความปลอดภัยสามารถใช้ในปากได้
และยังมีความทนทานต่อการกร่อนจากการใช้งานหรือจากสภาพความเป็นกรดเป็นด่าง
ในช่องปากได้ดีอีกด้วย
ฟันปลอมชนิดนี้จะต้องถอดออกมาทำความสะอาดหลังรับประทานอาหาร
ก่อนนอนก็ต้องถอดออกและแช่เอาไว้ในน้ำสะอาดเพื่อให้ฟันปลอมไม่แห้งจนเสียรูปร่างไป
การที่ต้องถอดฟันออกก็จะทำให้เหงือกได้พัก ไม่มีอะไรมาคลุมไว้ตลอดเวลา
การหมุนเวียนเลือดบริเวณนั้นจะเป็นไปอย่างสะดวก เป็นการป้องกันไม่ให้สันเหงือละลายตัวเร็วเกินไป
จนทำให้สันเหงือกมีขนาดเล็กลง จนเกิดเป็นปัญหาในการใส่ฟัน
อายุการใช้งานของฟันปลอมชนิดถอดได้ จะอยู่ที่วัสดุที่ใช้ทำนั้นมีความทนทานอย่างไร
เราจะใช้ฟันปลอมชนิดถอดได้นั้นได้นานเท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วย
การเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวเป็นประจำก็จะทำให้ฟันปลอมนั้นสึกเร็วขึ้น
ฟันปลอมที่ทำด้วยพลาสติกจะสึกเร็วกว่า ฟันปลอมที่ทำด้วยโลหะ และเมื่อใช้ไปนานๆ
ส่วนที่เป็นพลาสติกจะเปลี่ยนสีไปและมักจะเกิดกลิ่นไม่สะอาด ต้องเปลี่ยนฟันปลอมใหม่
โดยเฉลี่ยแล้วฟันปลอมชนิดถอดได้จะใช้ได้นานประมาณ 5-8 ปี แต่ก็มีหลายคนที่สามารถใช้ได้นาน
นับเป็นสิบๆ ปี แต่การทนใส่ฟันปลอมที่หลวมแล้วอาจจะมีผลเสียคือ ฟันปลอมขยับไปมาอยู่บ่อยๆ
อาจจะทำให้เกิดเหงือกอักเสบและทำให้กระดูกใต้ฐานรากฟันปลอมนั้นเกิดการละลายตัว
หรือเนื้อเยื่อเกิดงอกเป็นครีบจนทำให้รู้สึกเจ็บเมื่อใส่ฟันปลอม
ทันตแพทย์ต้องตัดเนื้องอกนั้นออกแล้วทำฟันปลอมใหม่
ฟันปลอมชนิดติดแน่น
เรามักจะเรียกว่า สะพานฟันติดแน่น เพราะจะต้องมีฟันแท้อยู่หัวท้ายช่องว่างของฟันที่ถอดไป
โดยการกรอฟันบางส่วนออกเสียก่อนแล้วทำครอบฟันทับฟันแท้เพื่อเป็นหลักยึด
ส่วนตรงที่ฟันหลอก็จะเป็นฟันปลอมเชื่อมต่อครอบฟันทั้งหมดคล้ายสะพานที่มีตอม่ออยู่ที่ปลายทั้งสองข้าง
สะพานฟันติดแน่นจะมีรูปร่างและขนาดเหมือนฟันเดิมของเรา จึงทำให้ผู้ใส่รู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติมาก
เพราะไม่มีส่วนเหงือกและเพดานปลอมหรือตะขอต่างๆ ที่เกะกะเหมือนฟันปลอมชนิดถอดได้
การใช้เคี้ยวอาหารก็ดีกว่า ทนทานใช้งานได้นานกว่าชนิดถอดได้
สะพานฟันติดแน่นที่ทำในฟันหลังจะทำด้วยโลหะชนิดที่ใช้ในช่องปาก
ส่วนที่ทำในฟันหน้านั้นเราต้องการความสวยงามจึงต้องทำด้วยวัสดุสีเหมือนฟัน
ซึ่งอาจจะเป็นพลาสติกหรือพอรซเลน แต่ข้อเสียของสะพานฟันติดแน่นก็คือ
ราคาแพงกว่ามาก การแปรงทำความสะอาดฟันปลอมก็ทำได้ยาก
เพราะไม่สามารถถอดออกทำนอกปากได้ต้องใช้เครื่องมือทำความสะอาดเป็นพิเศษ
ฉะนั้นถ้าทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ ฟันแท้ของเราที่ฟันปลอมยึดอยู่นั้นมีโอกาสผุ
หรือเป็นโรคเหงือกอักเสบ ต้องเสียฟันไป ฟันปลอมนั้นก็ใช้ไม่ได้
ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือเราไม่สามารถทำสะพานฟันติดแน่น
ให้กับผู้ป่วยที่สันเหงือกยุบตัวไปมากๆ ได้ เพราะจะต้องมีการเสริมเหงือกให้สวยงาม
จึงต้องแก้ปัญหาโดยใส่ฟันปลอมแบบถอดได้
อย่างไรก็ตามเนื่องจากสภาพในช่องปากจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติตลอดเวลา
ฟันปลอมที่เราใส่จึงจำเป็นต้องปรับสภาพให้เหมาะสม เราจึงควรให้ทันตแพทย์
ตรวจสภาพฟันปลอมนั้นอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อแก้ไขปรับสภาพให้เราสามารถใช้ฟันปลอมนั้น
ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานได้นานๆ
การใส่ฟันปลอมเพื่อทดแทนฟันที่เสียไปเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาสมดุลสภาพของช่องปาก
และช่วยให้การเคี้ยวอาหารเป็นไปได้ตามปกติ ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อการมีสุขภาพดี
ทญ.ฉวีวรรณ ภักดีธนากุล
|