มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



อ่านชื่อตอนนี้แล้วคุณแม่อาจจะงงว่านมขวดมาเกี่ยวข้องอะไร กับเรื่องฟันผุของลูก

เหตุที่หมอพิมยกเรื่องนี้มาคุยกันเนื่องจากในระยะหลังนี้พบว่า มีเด็กที่อายุน้อยๆแต่ต้องพบกับความทรมานจากการที่ฟันหน้าน้ำนม ของแกผุจนปวดบางคนเริ่มปวดตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบเท่านั้นดูแล้ว น่าสงสารมาก
และการรักษาในเด็กเหล่านี้จะยุ่งยากมากเพราะอายุยังน้อย แต่ต้องทำการรักษาฟันแบบยากๆ เสียแล้ว ดังนั้นแกจะมีความฝังใจในทางลบกับการทำฟันมาก

เราพบว่าเด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่มีปัญหาฟันหน้าผุกร่อนเนื่องจากการให้นมขวดที่ผิดวิธีของผู้ปกครองนั่นเอง เราจึงน่าจะให้ความสนใจกับปัญหานี้กันสักนิด อย่างน้อยคุณผู้อ่านที่กำลังเป็นคุณแม่คนใหม่ หรือที่กำลังเลี้ยงดูลูกในวัยทารกอยู่จะได้ทราบวิธการที่ถูกต้องกัน

ก่อนอื่นคงต้องย้ำกันสักนิดว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในแง่ที่เกี่ยวกับฟันก็เช่นกัน การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะไม่ทำให้เกิดฟันหน้าผุ เนื่องจากหัวนมของคุณแม่ขณะที่ลูกดูดจะอยู่ลึกเข้าไปในปาก มากกว่าหัวนมยางทำให้มีน้ำนมมาอยู่ที่ฟันหน้าน้อยมาก ดังนั้นถึงลูกจะหลับคาหัวนมแม่ ก็ยังไม่เป็นสาเหตุให้ฟันลูกผุในขณะที่ถ้าให้ลูกหลับคาหัวนมยางและขวดนมจะทำให้เกิดฟันผุได้มาก และพบบ่อยๆ จนในแง่วิชาการมีการตั้งชื่อฟันผุชนิดนี้ว่า Nursing bottle caries

อย่างไรก็ตามหากมีความจำเป็นต้องเลี้ยงลูกด้วนนมขวดคุณแม่ก็ควรจะรู้วิธีที่ถูกต้อง เพื่อที่จะให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกมีข้อที่คุณแม่พึงปฏิบัติอยู่หลายประการ ดังนี้

1. ให้นมลูกโดยอุ้มลูกในอ้อมแขน ไม่ควรใช้ผ้ารองหนุนขวดนมให้ลูกนอนดูดนมเอง หรือยื่นขวดนมให้ลูกดูดเองโดยลำพังจนเพลินและหลับไป ทำให้ลูกติดขวดนมเวลานอน ดังนั้นเมื่อหลับจะมีคราบน้ำนมติดค้างที่ฟันหน้ามากทำให้ฟันผุกร่อน

2. ควรให้นมเป็นมื้อ เวลาที่ดูดนมคือเวลาอาหารเวลานอนก็คือเวลานอนซึ่งไม่จำเป็น ต้องให้ดูดนมเวลาที่จะนอนเมื่อใกล้เวลาจะนอนเราให้นมลูก จับเรอ แล้วก็ทำความสะอาดช่องปาก เมื่อลูกง่วงจึงกล่อมให้หลับ

3. ไม่ใช้ขวดนมหรือหัวนมปลอม กรณีที่ลูกถือขวดนมเองได้ไม่ควรให้ลูกถือขวดนม ดูดติดปากตลอดวันคล้ายเป็นหัวนมปลอม เนื่องจากฟันจะสัมผัสกับนม (หรือบางรายใส่น้ำหวาน น้ำผลไม้ให้) จะทำให้ฟันผุได้ง่ายมาก

4. ไม่ควรเติมให้นมหวาน ไม่ควรเติมน้ำตาลลงในน้ำหรือนมที่ให้ลูกดูด เพราะจะทำให้ลูกติดนิสัยทานหวานและโอกาสที่ฟันจะผุก็ยิ่งสูงขึ้น

5. เมื่อลูกอายุมากขึ้นให้ลดปริมาณนมและช่วงเวลาในการกินนม เมื่อช่วงเวลาห่างขึ้น ฟันก็สัมผัสกับน้ำนมน้อยลงทำให้ฟันไม่ผุได้ง่าย (เราสามารถลดปริมาณนมและช่วงเวลากินนมลงได้ เพราะเมื่อลูกโตขึ้นนมจะถูกทดแทนด้วยอาหารเสริมและค่อยๆ เพิ่มอาหารเสริมตามอายุจนกลายเป็นอาหารหลัก แต่นมนั้นภายหลังกลายเป็นอาหารเสริมเท่านั้น)

6. ฝึกให้ลูกดื่มนมจากถ้วย ข้อนี้สำคัญมากค่ะ ให้พยายามฝึกลูกให้ดื่มนมจากถ้วย การฝึกควรเริ่มเมื่อลูกนั่งได้คือ อายุประมาณ 5-6 เดือน ค่อยๆ ฝึกเป็นขั้นตอนจนเมื่ออายุ 1 ขวบ ลูกจะพร้อมที่จะเลิกดูดนมขวด

นอกจากนี้ยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกมาก ที่จะช่วยให้ลูกมีฟันดี ไม่ผุกร่อนไปเสียก่อน ซึ่งเกร็ดต่างๆ นี้ คุณแม่ที่ชำนาญหลายท่านอาจจะทราบดีอยู่แล้ว แต่อีกหลายท่านอาจจะยังไม่มีประสบการณ์ หมอพิมจึงขอยกมา เพื่อคุยกันเอาเป็นว่าในฐานะคุณแม่ด้วยกันก็แล้วกัน

เช่นจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ลูกชอบที่จะเอาสิ่งของเข้าปากแทะเล่นเราพบบ่อยว่าถ้าลูกอายุมากพอ ที่จะทานพวกขนมปังกรอบหรือขนมต่างๆ ได้ เช่น อายุสัก 6 เดือนขึ้นไป คุณแม่บางท่านจะให้ขนมเหล่านี้ แก่ลูกเพื่อแทะเล่นลูกจะเพลินมากและไม่กวนเลย แต่วิธีนี้ผิดนะคะ เนื่องจากขนมพวกแป้งและน้ำตาลนั้น เป็นตัวการใหญ่ที่จะทำให้ฟันของลูกผุ ดังนั้น ถ้าคุณแม่หาซื้อพวกยางกัดสำหรับเด็กซึ่งมีจำหน่าย เพื่อจุดประสงค์ไว้ให้กัดโดยเฉพาะเลยจะดีกว่าค่ะ

จริงอยู่ที่ลูกอาจจะเพลินและอยู่เงียบๆ ได้ไม่นานเท่าขนมแต่ผลที่ตามมายังดีกว่าเยอะ ที่สำคัญคือลูกเรา จะได้ไม่ต้องทรมานจากฟันผุ ปวดฟัน ทรมานตั้งแต่อายุยังน้อย

อีกเรื่องที่คุยกับคุณแม่ลูกอ่อนทีไร เป็นต้องบ่นกับหมอทุกทีก็คือ การเช็ดทำความสะอาดช่องปากให้ลูก คุณแม่จะบ่นเสมอว่า เช็ดลำบากมากเพราะลูกไม่ค่อยยอมอันนี้เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ จริงอยู่ที่ว่ากันตามทฤษฎีแล้ว จะต้องเช็ดอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เมื่อปฏิบัติจริงมันกลับยากมาก
หมอพิมเข้าใจค่ะ

คุณแม่ต้องมีความอดทนอย่างยิ่งในการที่จะเช็ดปากและฟันแต่ละครั้ง ถ้ายังเล็กมากลูกจะร้องพอโตหน่อย ก็สะบัดหน้าหนี ยิ่งถ้าวิ่งได้แล้วบางคนเวลาจะแปรงฟันกันทีก็วิ่งหนีเลยก็มี…ยากค่ะ ต้องยอมรับว่าคุณพ่อคุณแม่ ต้องยอมลำบากและต้องใจเย็นพยายามทำให้ได้เพื่อตัวลูกเอง ใช้วิธีหลอกล่อกันบ้างตามสมควร ร้องก็ต้องทำค่ะ ถ้าปากลูกสะอาดเขานั่นแหละที่จะได้ประโยชน์

ถ้าคุณแม่ทั้งหลายอยู่ในสถานะเหมือนหมอพิม คือ เป็นทั้งแม่ของลูก และเป็นคุณหมอที่พบกับเด็กมากมาย ที่มีปัญหาเรื่องฟัน ซึ่งบางคนน่าสงสารที่สุดต้องทรมานจากการปวดฟันคตั้งแต่ฟันยังขึ้นมาไม่เต็มที่ด้วยซ้ำ คุณแม่ทุกคนจึงควรจะรีบทำความสะอาดช่องปากให้ลูกทุกวันแม้ลูกจะขัดขืนก็ต้องยอมอดทนละค่ะ

ก็ด้วยความรักลูกด้วยกันทั้งนั้น ที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ยอมลำบากเสมอจริงไหมคะ

ท.ญ.วิริยา ออประยูร



[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 23 ฉบับที่ 338 เมษายน 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600